กรมประมงร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยกระดับ “สาหร่ายพวงองุ่น” สู่นวัตกรรมเครื่องสำอาง คว้ารางวัล Silver Award ในงาน World Invention Creativity Olympic & Conference (WICO) ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี จากผลงานวิจัย “Greenscentia: Skin Barrier Serum for Anti PM2.5” ที่พัฒนาต่อยอดสาหร่ายพวงองุ่นเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
นางฐิติพร หลาวประเสิรฐ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรตามนโยบายของ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งขับเคลื่อนภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่มุ่งเน้นการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี
และนวัตกรรมมาปรับใช้กับทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะทรัพยากรชีวภาพทางชายฝั่งทะเลอย่าง “สาหร่ายพวงองุ่น” ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างอาชีพใหม่และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชายฝั่ง จนปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลผลิตรวมกว่า 1,000 ตันต่อปี และสามารถจำหน่ายสาหร่ายเกรดบริโภคคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 40 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ สาหร่ายส่วนที่เหลือจากการคัดแยกประมาณ 50% ยังสามารถนำมาต่อยอดเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากกว่า 10-15 เท่าของราคาจำหน่ายสาหร่ายสด นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเร่งผลักดันการวิจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สาหร่ายพวงองุ่น เพื่อรองรับการเติบโตทางตลาดและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับเกษตรกร ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณของเหลือใช้ตามแนวทาง Zero Waste แล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าและยกระดับผลผลิตทางการเกษตรให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
กรมประมง โดยกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จึงร่วมกับ วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินโครงการ “Greenscentia: Skin Barrier Serum for Anti PM2.5” ในการวิจัยและพัฒนาต่อยอดสาหร่ายพวงองุ่นเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเชิงสุขภาพ หรือ เวชสำอาง ที่ผสมผสานคุณสมบัติในการดูแลและบำรุงผิวอย่างล้ำลึกเพื่อแก้ไขปัญหาผิวด้านต่าง ๆ โดยนำสาหร่ายมาสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive compounds) ด้วยวิธีการสกัดที่เพิ่มประสิทธิภาพการดึงสารออกฤทธิ์สูงกว่าวิธีทั่วไป และนำมาเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตเครื่องสำอาง จนได้ “ผลิตภัณฑ์ Greenscentia – เซรั่มสร้างเกราะป้องกันผิวจาก PM 2.5” ที่อุดมไปด้วย Polysaccharide ซึ่งทำหน้าที่เป็น Natural Moisturizing Factor รักษาความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ, Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดริ้วรอย, Apigenin ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง รวมถึง กระตุ้นการสร้าง Collagen ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในผิวหนัง โดยผลิตภัณฑ์ Greenscentia มี Polysaccharide สูงถึง 2.74% ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านการอักเสบและการปกป้องผิวจากมลภาวะ และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant activities) ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 41.25% จากผลการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์หลังใช้ 15 นาที พบว่าสามารถเพิ่มระดับความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ทำให้ผิวมัน (Skin oiliness) เพิ่มขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและบอบบาง เนื่องจากมีส่วนผสมจากธรรมชาติและปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมี จนล่าสุดเมื่อวันที่ 17-19 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ผลงานวิจัยดังกล่าวได้รับรางวัล Silver Award จากงาน World Invention Creativity Olympic & Conference (WICO) ซึ่งเป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยจากทั่วโลกนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึง แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ จัดขึ้นโดย Korea University Invention Association (KUIA) และ World Invention Intellectual Property Association (WIIPA) สาธารณรัฐเกาหลี
รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า...การได้รับรางวัลจากเวทีระดับนานาชาติในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจของนักวิจัยไทยแล้ว ยังเป็นโอกาสของการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและการประมงของไทยที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ และพร้อมขยายผลสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืนในอนาคต อีกทั้ง โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบของ โมเดล BCG ที่เน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน สามารถเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรมและหมุนเวียนทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการนำนวัตกรรมด้านทรัพยากรทางทะเลมาสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจอย่างแท้จริง