นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดงานโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดี ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ” พร้อมบรรยายพิเศษ “ถ่ายทอดประสบการณ์ สานต่อปณิธาน การเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มืออาชีพ” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 -22 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมดิ ไอเดิล โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นซ์ จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายเดชา ปรัชญารัตน์ ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย กล่าวรายงาน การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กองตรวจการประมง กองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง กองกฎหมาย และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย เข้าร่วมรวมทั้งสิ้น 200 คน
อธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กรมประมงมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาการลักลอบการนำเข้าสินค้าประมงอย่างผิดกฎหมาย พบว่า การปฏิบัติงานในภาคสนามมีความท้าทาย และต้องอาศัยองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายที่มีความที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการฝึกอบรมที่มีความรู้เฉพาะทาง มุ่งเน้นไปที่กรณีศึกษาและการปฏิบัติในสถานการณ์จริง เพื่อเป็นการเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ และความเข้าใจในกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ซับซ้อนและหลากหลายในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการปฏิบัติหน้าที่ทางด้านการดำเนินคดี เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีการค้าระหว่างประเทศได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ อธิบดีกรมประมงยังได้บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “ถ่ายทอดประสบการณ์ สานต่อปณิธานการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มืออาชีพ” ให้แก่ผู้เข้าร่วมฝึกอบรม โดยเน้นย้ำบทบาทของเจ้าพนักงานตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา อำนาจหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ที่ระบุในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 และนิยาม “พนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชกำหนดการประมง 2558 มาตรา 109 และมาตรา 5 ตามคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำถึงการทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ คือ เป็นผู้ปฏิบัติที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในอาชีพของตน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง มีไหวพริบ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ มุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด ตามคุณสมบัติที่สำคัญของความเป็นมืออาชีพ รวมถึงการปฏิบัติตนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน และในช่วงท้ายการบรรยาย อธิบดีกรมประมงยังได้ฝากข้อคิด 3 ก. “ก่อ แก้ กัน” เพื่อความก้าวหน้าและแนวทางการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติและประชาชน เป็นสำคัญ
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดงานโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดี ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ” พร้อมบรรยายพิเศษ “ถ่ายทอดประสบการณ์ สานต่อปณิธาน การเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มืออาชีพ” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 -22 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมดิ ไอเดิล โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นซ์ จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายเดชา ปรัชญารัตน์ ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย กล่าวรายงาน การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กองตรวจการประมง กองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง กองกฎหมาย และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย เข้าร่วมรวมทั้งสิ้น 200 คน
อธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กรมประมงมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาการลักลอบการนำเข้าสินค้าประมงอย่างผิดกฎหมาย พบว่า การปฏิบัติงานในภาคสนามมีความท้าทาย และต้องอาศัยองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายที่มีความที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการฝึกอบรมที่มีความรู้เฉพาะทาง มุ่งเน้นไปที่กรณีศึกษาและการปฏิบัติในสถานการณ์จริง เพื่อเป็นการเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ และความเข้าใจในกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ซับซ้อนและหลากหลายในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการปฏิบัติหน้าที่ทางด้านการดำเนินคดี เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีการค้าระหว่างประเทศได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ อธิบดีกรมประมงยังได้บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “ถ่ายทอดประสบการณ์ สานต่อปณิธานการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มืออาชีพ” ให้แก่ผู้เข้าร่วมฝึกอบรม โดยเน้นย้ำบทบาทของเจ้าพนักงานตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา อำนาจหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ที่ระบุในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 และนิยาม “พนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชกำหนดการประมง 2558 มาตรา 109 และมาตรา 5 ตามคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำถึงการทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ คือ เป็นผู้ปฏิบัติที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในอาชีพของตน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง มีไหวพริบ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ มุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด ตามคุณสมบัติที่สำคัญของความเป็นมืออาชีพ รวมถึงการปฏิบัติตนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน และในช่วงท้ายการบรรยาย อธิบดีกรมประมงยังได้ฝากข้อคิด 3 ก. “ก่อ แก้ กัน” เพื่อความก้าวหน้าและแนวทางการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติและประชาชน เป็นสำคัญ