ดาวน์โหลดเอกสาร : การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงฤดูฝน ปี 2565
ด้วยประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง การเริ่มต้นฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. 2565 ฤดูฝนของประเทศไทยในปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ถึง กลางเดือนกรกฎาคม จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย อาจท้าให้เกิดการขาดแคลนน้าในด้านการเกษตรในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน ประชาชนจึงควรใช้น้ำเพื่อประโยชน์สูงสุด และในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านบริเวณประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ และก่อให้เกิดสภาวะน้าท่วมฉับพลัน น้าป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ในหลายพื้นที่ ฤดูฝนของประเทศไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม ส่วนภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกต่อไปอีกถึงกลางเดือนมกราคม
การคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. 2565 (ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาณ วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565)
ฤดูฝนของประเทศไทยปีนี้คาดว่าปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนจะมากกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 3 แต่จะน้อยกว่าปีที่แล้ว (ปีที่แล้วในช่วงฤดูฝนปริมาณฝนรวมมากกว่าค่าปกติร้อยละ 8 และปริมาณฝนรวมทั งปีมากกว่าค่าปกติร้อยละ 11) โดยในช่วงครึ่งแรกของฤดูฝน (ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนกรกฎาคม) ปริมาณฝนรวมประเทศไทยตอนบนจะมากกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 5 แต่บริเวณภาคใต้ปริมาณฝนรวมจะน้อยกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 5 ส่วนในช่วงครึ่งหลังฤดูฝน (เดือนสิงหาคม ถึง กลางเดือนตุลาคม) ปริมาณฝนรวมจะมากกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 3 สำหรับฤดูฝนของประเทศไทยปีนี้ จะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม 2565 อนึ่ง ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื นที่และอาจก่อให้เกิดสภาวะน้าท่วมฉับพลัน น้าป่าไหลหลาก รวมทั้งน้าล้นตลิ่งได้ในบางแห่ง
ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้จัดท้าเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ซึ่งเป็นการเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ฝนทิ้งช่วง และศัตรูพืชระบาด ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ผลผลิตด้านการเกษตรเป็นวงกว้าง และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น