กรมประมง และ ศปมผ. แถลงกรณีข่าวการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อทำประมงผิดกฎหมาย

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ณ ห้องประชุมพะยูน กรมประมง นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง และ พลเรือโท วรรณพล กล่อมแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ รองหัวหน้าสำนักงานเลขานุการ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (สล.ศปมผ.) แถลงข่าวชี้แจงกรณีการจ่ายส่วยเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อทำประมงผิดกฎหมาย

จากข่าวที่ปรากฏในหน้าหนังสือเดลินิวส์ ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2560 ว่ามีเรือประมงแฉเจ้าหน้าที่รับส่วยจับปลาผิดกฎหมาย โดยมีชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร อ้างว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในศูนย์แจ้งเข้า-ออกเรือประมง (PIPO) มีการระบุขนาดเรือ ให้ต่ำกว่า 30 ตันกรอส ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้เรือประมงดังกล่าวถูกจัดเป็นเรือขนาดเล็ก ซึ่งไม่ต้องแจ้งเข้าแจ้งออกต่อศูนย์ PIPO ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบได้ ดังนั้น ชาวประมงจึงเรียกร้องให้วัดขนาดเรือใหม่ นอกจากนี้ ยังมีเรือปลาฉิ้งฉ้างในพื้นที่ จังหวัดระยอง / อำเภอ
ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช / อำเภอ ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลักลอบทำการประมงโดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย โดยออกทำการประมงในเวลากลางวัน และอยู่ถึงกลางคืน ซึ่งกฎหมายอนุญาตให้เรือประเภทดังกล่าวทำประมงเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น ถึงแม้จะติดตั้งระบบ VMS ก็ใช้วิธีหลักเลี่ยงโดยฝากเครื่อง VMS มากับเรือประมงขนาดเล็ก และอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็นและมีการทุจริต

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ชี้แจงข่าวประเด็นดังกล่าว ดังนี้ 
 • ประเด็นขนาดของเรือไม่ตรงกับความเป็นจริง : เรื่องนี้มาจากหลายสาเหตุ อาทิ ขณะนี้การเปลี่ยน 
วิธีการวัดขนาดเรือของกรมเจ้าท่า การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแปลงเรืออาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนไป หรือแม้แต่การผิดพลาดในการวัดขนาดเรือของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ทราบปัญหาดังกล่าว โดยขณะนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ในฐานะประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ได้ประกาศให้วัดขนาดเรือใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยสั่งการให้ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมเจ้าท่า กรมประมง และกองทัพเรือ เร่งดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบและวัดขนาดเรือที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงทุกประเภท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2560 ดังนั้น การตรวจเรือของเจ้าหน้าที่ศูนย์ PIPO จะตรวจตามทะเบียนเรือ
• ประเด็นการลักลอบถอด VMS : กรมประมงได้รับทราบปัญหาและมีการตรวจจับมาโดยตลอด 
 โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้มีการประกาศให้เจ้าของเรือที่ต้องติด VMS (ขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป) นำเรือประมงและเรือทีเกี่ยวข้องในการประมง เข้าทำการตรวจสอบอุปกรณ์ VMS โดยจัดทีมเจ้าหน้าที่กรมประมงและ ศปมผ. ออกตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ VMS ในเรือประมง ให้ถูกต้องและพร้อมใช้งานตลอดเวลา และมีการตรวจเช็คตำแหน่งในการติดตั้งอุปกรณ์อย่างเหมาะสม สามารถส่งสัญญาณในการรายงานตำแหน่งที่ติดตั้งได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และมีการยึดตรึงอุปกรณ์ VMS สายสัญญาณ และสายไฟที่เชื่อมต่อเข้าอุปกรณ์ VMS ในรูปแบบที่

เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้การใช้งาน VMS ของชาวประมงมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งภาครัฐก็สามารถตรวจสอบการทำการประมงของเรือดังกล่าวได้ตลอด ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เพราะฉะนั้น จึงสามารถตรวจสอบได้เมื่อมีการถอด VMS ซึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมามีการแจ้งจับกุมเรือประมงที่ถอด VMS ไปแล้ว จำนวน 2 ลำ
• ประเด็นการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ กรณีเรือปลาฉิ้งฉ้าง และเรืออวนลาก : รัฐบาลมีนโยบายใน
การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบป้องกันอย่างจริงจัง โดยกรมประมงได้ดำเนินการเข้มงวดและดำเนินการตามกฎหมายทั้งเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบเจ้าหน้าที่มีการกระทำผิดจริงจะมีบทลงโทษทางวินัยโดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนหากมีชาวประมงกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน อีกทั้ง การดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีการทุจริต สำหรับในกรณีนี้ ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกรมลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องดังกล่าวเป็นการเร่งด่วนแล้ว
• ประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ออกจับกุมแล้วเพราะมี VMS : ไม่เป็นความจริง เพราะ กรมประมงมี 
แผนการออกตรวจเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมายประจำปีอยู่แล้ว อีกทั้ง เมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากระบบติดตามเรือประมงว่าพบการกระทำผิดกฎหมาย จะมีการประสานความร่วมมือกับ PIPO และ ศรชล.ในการจับกุมเรือประมงที่ทำผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินคดี โดยในปีงบประมาณ 2560 มีแผนออกตรวจฯ ทั้งหมด 562 ครั้ง และขณะนี้ ได้มีการออกตรวจไปแล้ว 280 ครั้ง ซึ่งในการดำเนินการจะมีแผนติดตามผลการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ที่สอดรับกันอย่างชัดเจน อีกทั้ง เรือตรวจการณ์ประมงก็มีการติดตั้งระบบ VMS ด้วย ดังนั้นจึงสามารถตรวจสอบได้ในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2559 – ปัจจุบัน มีการรายงานผลการจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว จำนวน 254 คดี

จากกรณีที่เกิดขึ้น ขอฝากถึงพี่น้องชาวประมงและผู้เกี่ยวข้องให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย อย่าให้ใครคนหนึ่งคนใดมาเอาเปรียบท่าน และหากพบเบาะแสการกระทำผิดขอให้รีบแจ้งทางราชการหรือถ่ายรูปถ่ายวีดีโอส่งเป็นหลักฐานเพื่อร่วมกันขจัดการทำประมงผิดกฎหมายให้หมดไป พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมประมงทุกคนปฎิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้องอย่างเข้มงวด เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ หากพบการกระทำผิดสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ : กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง โทร. 0 2562 0569

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook