เมื่อวันจันทร์ ที่ 15 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ท่าเทียบเรือประมงชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
นายจรูญศักดิ์ เพชรศรี ผู้ตรวจราชการกรมประมง มอบหมายให้นางสาวเกสศิณีย์ แท่นนิล ประมงจังหวัดชุมพร ผู้อำนวยการ/หัวหน้าหน่วยงานสังกัดกรมประมงในจังหวัดชุมพร ร่วมต้อนรับ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพรและเป็นประธานพิธีมอบโฉนดเพื่อการเกษตร ภายใต้งาน “Kick off มอบโฉนดเพื่อการเกษตรเป็นของขวัญปีใหม่ ปี พ.ศ.2567”โดยมี นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร เขต 1 และเขต 3 ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และเกษตรกรจังหวัดชุมพร เข้าร่วม ณ โรงเรียนครนพิทยาคม ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร จำนวน 129 ราย 149 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,340 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ได้แถลงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 มุ่งหวังให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์เพื่อสร้างโอกาส ในการมีอาชีพ รายได้ และความมั่นคงในชีวิต โดยรัฐบาล ได้เร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดิน มีชีวิตที่มั่นคง พิจารณาเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ให้เป็น โฉนดเพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ นํามาพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตั้งเป้าหมายและนำมาขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว จนสำเร็จลุล่วงด้วยดีด้วยการเปลี่ยนสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินจาก ส.ป.ก.4-01 ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนยังมีแนวทางในการขับเคลื่อนเรื่องการทำโฉนดต้นไม้ในเขต ส.ป.ก. ซึ่งเป็นการออกเอกสารสิทธิ สำหรับต้นไม้ที่เป็นพืชเศรษฐกิจ และต่อมาในเวลา 13.00 น ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านชุมชนปากน้ำชุมพรและชาวประมงชุมพร เพื่อเตรียมลดค่าธรรมเนียมสัตว์น้ำผ่านท่า ลดภาระ บรรเทาความเดือดร้อน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยการส่งเสริมอาชีพประมงและเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ ซึ่งตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร ถือเป็นชุมชนประมงที่สำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ความสำคัญ เนื่องจากอาชีพชาวประมงถือเป็นอาชีพดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนและสร้างความเป็นอยู่ของพี่น้องให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อให้พี่น้องที่ประกอบอาชีพประมง ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่าย มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงได้มอบแนวทางให้ อสป. เตรียมประกาศลดอัตราค่าธรรมเนียมสัตว์น้ำผ่านท่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเพื่อมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้กับชาวประมงทั่วประเทศต่อไป พร้อมมอบนโยบายแนวทางการขับเคลื่อนงานขององค์การสะพานปลา (อสป.) โดยมี นายวรัตม์ มาประณีต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายปรีดา ยังสุขสถาพร ผู้อำนวยการ อสป. ผู้บริหารและพนักงาน อสป. ผู้นำท้องถิ่น ประชาชน เข้าร่วม ณ ท่าเทียบเรือประมงชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และยังเผยถึงผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา กรณีชาวบ้านชุมชนสะพานปลาจังหวัดชุมพรได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ว่า ได้รับผลกระทบจากการเก็บค่าเช่าและสัญญาจาก อสป. นั้น ขณะนี้ ได้รับรายงานว่าข้อร้องเรียนต่างๆ อสป. ได้ดำเนินการเร่งรัดแก้ไขจนถูกนำไปสู่ข้อยุติแล้ว ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. สำหรับพื้นที่ของท่าเทียบเรือประมงชุมพรดังกล่าว เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ให้พี่น้องประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจังหวัดได้มอบให้ อสป. รับผิดชอบนั้น อสป. ดำเนินการยุติการเก็บค่าเช่าอาคารพาณิชย์ ค่าเช่าที่ดินต่างๆ ทั้งหมด และผู้เช่ารายใดที่มีการบอกเลิกสัญญาและมีการทำหนังสือรับสภาพหนี้เพื่อผ่อนชำระหนี้ จะดำเนินการยุติหนี้ทันที 2. อสป. ได้เร่งรัดดำเนินการส่งคืนพื้นที่อาคารพาณิชย์และที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร และส่งมอบให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ จากพื้นที่เดิม 140 ไร่ เหลือเพียงใช้ประโยชน์ตามภารกิจ ประมาณ 30 ไร่ สำหรับดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับท่าเทียบเรือประมง ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบกิจการแพปลา พ.ศ. 2496 โดย อสป. จะจัดเก็บค่าธรรมเนียมสัตว์น้ำ และอื่นๆ ตามประกาศของ อสป. ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกรมที่ดิน ถอนสภาพที่ดินสาธารณะประโยชน์ (ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร) ต่อไป