วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560 ณ โรงแรมวินเซอร์ สวิท แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ประเทศไทยโดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศ Technical Consulation on Development of the ASEAN Common Fisheries Policy เปิดเวทีให้ชาติสมาชิกอาเซียนร่วมหารือแลกเปลี่ยนมุมมอง และรับฟังข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาค เตรียมความพร้อมก่อนกันจัดทำร่าง ASEAN Common Fisheries Policy โดยในโอกาสนี้
ได้รับเกียรติจาก นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การจัดประชุมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจาก
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ครั้งที่ ๓๘ ซึ่งมีมติเห็นชอบร่วมกันที่จะส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกันพัฒนานโยบายประมงร่วมประชาคมอาเซียน หรือ“ASEAN Common Fisheries Policy” เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของภูมิภาค ทั้งในส่วนของทรัพยากรสัตว์น้ำที่มาจากการจับจากธรรมชาติ รวมถึงการเพาะเลี้ยงด้วย
เนื่องจากปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำในภูมิภาคเกิดความเสื่อมโทรมลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการทำการประมงที่เกินกำลังผลิตของธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด จนก่อให้เกิดการทำประมงอย่างไม่รับผิดชอบ มีการใช้เครื่องมือประมงประเภททำลายล้าง และมีการลักลอบทำการประมงในพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ เป็นการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) นอกจากนี้ ในส่วนของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำยังจำเป็นต้องเร่งพัฒนารูปแบบการเพาะเลี้ยงเพื่อให้ได้ผลผลิตสัตว์น้ำที่ดีมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ให้ความใส่ใจกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมรวมถึงการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว อันจะทำให้การทำประมงในภูมิภาคเกิดความยั่งยืนได้ในอนาคต
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสัตว์น้ำและสินค้าประมงหลักของโลก และ
มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยจากข้อมูลในปี ๒๐๑๕ อาเซียนมีผลผลิตจากภาคประมงมากถึงกว่า ๔๑ ล้านตัน
คิดเป็นการจับสัตว์น้ำ ๑๗ ล้านตัน และจากการเพาะเลี้ยง ๒๔ ล้านตัน โดยยอดการผลิตสินค้าประมงของประเทศอาเซียนรวมกัน คิดเป็นร้อยละกว่า ๒๑ ของการผลิตสินค้าประมงทั้งโลก ทั้งนี้ สัดส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงของอาเซียนคิดเป็นร้อยละ ๑๑ ของโลก โดยมีเวียดนามเป็นผู้นำของอาเซียนและจัดอยู่ในลำดับดับที่ ๓ ของโลก ตามด้วยไทยจัดอยู่ในลำดับที่ ๕ ของโลก และมาเลเซีย ลำดับที่ ๓๕ ของโลก โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการนำเสนอนโยบายการประมงร่วมของภูมิภาคต่าง ๆ เช่น กรอบแนวทางความร่วมมือทำการประมงอย่างยั่งยืนภายใต้องค์การ FAO เพื่อเป็นแนวทางให้กลุ่มสมาชิกอาเซียนได้พิจารณาประกอบการจัดทำนโยบายประมงร่วมประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดเวทีให้ผู้แทนของสมาชิกอาเซียนร่วมหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่น่าสนใจ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางการจัดทำนโยบายประมงร่วมในภูมิภาคต่อไป
อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า กรมประมงในฐานะตัวแทนประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมมือกันอย่างจริงจังในการกำหนดนโยบายการประมงร่วมประชาคมอาเซียน เพื่อเป็นกรอบทิศทางในการบริหารจัดการประมงของภูมิภาคที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากร อย่างสมดุลและยั่งยืน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพการผลิตสัตว์น้ำที่มีความปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งการนำนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง