วันที่ 11 มกราคม 2560 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.กษ. ลงพื้นที่ .จังหวัดนครศรีธรรมราช และจ.ตรัง ติดตามสถานการณ์ การช่วยเหลือเร่งระบายน้ำ และ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
ในภาพรวม อุทกภัยในคราวนี้ เกิดจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. 59 ถึงปัจจุบัน มี 12 จังหวัดได้รับผลกระทบ ได้แก ประจวบคิรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 60 มท. ได้ประกาศยกระดับการจัดการน้ำท่วมภาคใต้ เป็นสาธารณภัยรุนแรงขนาดใหญ่ (ระดับ 3) พร้อมได้จัดตั้งกองบัญชาการส่วนหน้าขึ้น 2 แห่ง คือ ศูนย์ป้องกันแบะบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี และ เขต 12 จ.สงขลา
กษ. พร้อมหน่วยงานในสังกัด ปฏิบัติงานภายใต้การอำนวยการของ มท. ตามหน้าที่
ซึ่งจังหวัดที่มีสถานการณ์หนักที่สุด คือ จ.นครศรีธรรมราช มีฝนตกหนักต่อเนื่อง เฉลี่ย 900 มม. ซึ่งฝนเฉลี่ยทั้งปีของนครศรีธรรมราชอยู่ที่ 2,000 มม. มีพื้นที่ 2 ส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือ
1. พื้นที่ อ.เมือง ซึ่งน้ำหลากจากเทือกเขาหลวง ไหลผ่านคลองท่าดีลงทะเล แต่เนื่องจากคลองท่าดีมีขนาดเล็ก ระบายไม่ทัน เกิดน้ำเอ่อล้น ขณะนี้ระดับน้ำลดลงแล้ว
2. พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง มีพื้นที่ราว 800,000 ไร่ (ป่าพรุ 200,000 ไร่ และ พื้นที่การเกษตร 600,000 ไร่) ซึ่งมีมวลน้ำ ประมาณ 1,000 ล้าน ลบ.ม. ค้างอยู่ในพื้นที่ ระบายได้ 160 ล้าน ลบ.ม./วัน คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกหลายวัน
ผลกระทบในภาพรวม ในพื้นที่ภาคใต้
- ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ 392,797 ราย 938,473 ไร่ (ข้าว 249,446 ไร่, พืชไร่ 22,744 ไร่ และ พืชสวน/อื่นๆ 666,283 ไร่)
- ด้านประมง ในช่วงวันที่ 1 - 10 ม.ค. 60 เกษตรกรได้รับผลกระทบ 3,581 ราย 12,101 ไร่ (ปลา 12,042 ไร่ และ กุ้ง/ปู/หอยทะเล 59 ไร่) กระชัง 10,007 ตร.ม.
- ด้านปศุสัตว์ ในช่วงวันที่ 1 - 10 ม.ค. 60 เกษตรกรได้รับผลกระทบ 102,114 ราย สัตว์ 4,174,374 ตัว (โค/กระบือ 172,949, สุกร 178,699, แพะแกะ 38,056 ตัว และ สัตว์ปีก 3,783,670 ตัว) และ แปลงหญ้า 8,859 ไร่
การช่วยเหลือ
- ชป. สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 235 เครื่อง (ติดตั้งแล้ว 97 เครื่อง) และ เครื่องผลักดันน้ำ 61 เครื่อง ทั้งนี้ ชป. ได้เตรียมการล่วงหน้านำเครื่องมือเข้ามารอในพื้นที่ พร่องน้ำก่อนที่เกิดน้ำหลาก พร้อมกับบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยอื่นๆ เช่น ปภ. ทร. เร่งระบายน้ำ
- กรมประมง สนับสนุนเรือตรวจการณ์พร้อมพลขับ 50 ลำ สำหรับขนส่งสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมสูง
- ฝล. สนับสนุน ฮ. จำนวน 5 ลำ เพื่อช่วยเหลือประชานในกรณีจำเป็น และ สนับสนุนการตรวจพื้นที่
- กรมปศุสัตว์ อพยพสัตว์ 554,248 ตัว สนับสนุนเสบียงสัตว์ (หญ้าแห้ง) 300,975 กก. ยังมีสนับสนุนได้อีก 1,200,000 กก. สามารถสนับสนุนได้อีก 1 เดือน รักษาสัตว์ 844 ตัว ดูแลสัตว์ 1,458 ตัว
- สนับสนุนถุงยังชีพ 2,640 ถุง ข้าวสาร 62 ตัน และ ส้มโอ 1,000 ลูก
การแก้ปัญหาเร่งด่วน ต้องเติมเครื่องสูบน้ำให้มากที่สุด ซึ่งหลังวันที่ 20 ม.ค. 60 น้ำทะเลจะคงระดับ/ขึ้นลงไม่มาก ทำให้การระบายน้ำได้ยาก
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบริเวณบ้านชะเมา ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งน้ำอยู่ในพรุ เนื่องจากคลองชะเมาตื้นเขิน ทำให้ระบายน้ำได้น้อย ต้องแก้ปัญหาโดยการขุดลอก พร้อมทำประตูระบายน้ำ เพื่อให้เก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง
การแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งการผันน้ำเลี่ยงเมือง ให้ดำเนินการในทันที ในส่วนลุ่มน้ำปากพนัง มีการทำคลองระบายน้ำแล้วตามแผน 3 แห่ง ยังขาดอีก 1 แห่ง เนื่องจากติดปัญหาที่ดิน ทางจังหวัดต้องช่วยเจรจา และ ให้พิจารณาจัดทำคลองระบายน้ำเพิ่มเติม เพื่อระบายน้ำได้ทัน
ต้องคำนึงถึงการเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งในพื้นที่ปากพนังมีความต้องการใช้น้ำช่วงฤดูแล้ง ประมาณ 200 ล้าน ลบ.ม. ดีที่สุด คือ เก็บไว้ในลำน้ำ สำรวจลำน้ำลำคลอง ขุดลอก ระบายได้เก็บไว้ได้ มีประตูระบายน้ำสำหรับบริหารจัดการน้ำทั้งการระบายน้ำ/เก็บน้ำไว้ใช้
ทุกหน่วยงานจัดทีมเฉพาะลงมาจากส่วนกลาง/ภูมิภาคอื่นๆ ลงมาช่วย
เงินช่วยเหลือตามระเบียบราชการ/มติ ครม. ต้องดำเนินการให้เร็ว ช้าไม่ได้ ให้ประชาชนมีความรู้สึกที่ดี รู้สึกบรรเทาทุกข์ เจ้าหน้าที่ต้องให้ความเร่งด่วน หากเจ้าหน้าที่ไม่พอ ต้องร้องขอจากส่วนกลาง
การสำรวจตรวจสอบข้อมูลความเสียหาย และ ที่ได้รับผลกระทบ หากมีข้อมูลที่ถูกต้อง จะทำให้การแก้ปัญหาที่เหมาะสมทันเวลา นำไปสู่ความช่วยเหลือ ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หน่วยราชการต้องไว้วางเครือข่ายกับเกษตรกรโดยใช้โทรศัพท์ ตั้งกลุ่มไลน์ ให้เป็นข้อมูลที่ทันเหตุการณ์
รมว.กษ. มีความห่วงใยการช่วยเหลือพืชสวน หากเสียหายจะใช้เวลานาน และ เกษตรกรขาดรายได้หลายปี เมื่อน้ำลดต้องรีบเข้าไปฟื้นฟูทันที
ในส่วนปศุสัตว์ ให้กรมปศุสัตว์ระดมเจ้าหน้าที่มาจากส่วนกลาง 200 คน 1 เดือน มาดูแลฟื้นฟูปศุสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะโรคระบาด
ให้ ผตร.กษ. มาประจำในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดละ 1 ท่าน ขณะนี้ได้ออกคำสั่งแล้ว เพื่อบูรณาการทำงานในจังหวัดในการฟื้นฟู ขณะนี้งานเกินขีดความสามารถของ Single Command เริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
รมว.กษ. ขอบคุณทาง ชป. ที่ได้ดำเนินการตามที่สั่งการไว้ เคลื่อนย้ายเครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และ รถขุด ลงมาแต่เนิ่น หากไม่เตรียมการก่อนจะไม่มีเครื่องมือแก้ปัญหา เพราะถนนสะพานชำรุด
รมว.กษ. ขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ร่วมกันทำงานหนัก เตรียมการแต่เนิ่น ช่วยเหลือประชาชน และ เกษตรกรกันอย่างเต็มที่ บรรเทาความเดือดร้อนได้มาก
รมว.กษ. ขอเป็นกำลังใจให้ประชาชน เกษตรกร ในพื้นที่ประภัยทุกท่าน ทุกจังหวัด ขอให้ผ่านวิกฤตไปได้ ทางรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางแก้ปัญหา และ ฟื้นฟูให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ข่าวจาก https://www.facebook.com/permalink.phpstory_fbid=587848368085952&id=384313785106079