ข่าวกรมประมง. กรมประมง..ระดมนักวิจัยหัวกะทิจากไทย  ญี่ปุ่น และ เกษตรกรคนรุ่นใหม่ จัดเสวนา..เทคโนโลยีสำหรับเพาะเลี้ยงกุ้ง ปลา  หวังยกระดับวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย ในยุคประมง 4.0

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

 

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ณ โรงแรมซันธารา เวลเนสรีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา กรมประมงจัดการประชุมเสวนาวิชาการ “เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสำหรับคนรุ่นใหม่” 3 ด้าน : เทคโนโลยีกุ้ง เทคโนโลยีปลาน้ำกร่อย และเทคโนโลยีปลาน้ำจืด โดยมีนักวิจัยชั้นแนวหน้าในวงการสัตว์น้ำจากประเทศญี่ปุ่น และนักวิชาการระดับหัวกะทิทั้งจากกรมประมง และมหาวิทยาลัยชื่อดัง ตลอดจน
ภาคเอกชน และเกษตรกร เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 100 ราย

ดร.วารินทร์ ธนาสมหวัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการประมง กล่าวว่า การประชุมเสวนาวิชาการ เรื่อง “เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสำหรับคนรุ่นใหม่” ภายใต้โครงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารเพื่อศตวรรษหน้า (Development of Aquaculture Technology for Food Security and Food Safety in the Next Generation) จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง กรมประมง และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) เพื่อมุ่งหวังที่จะพัฒนางานวิชาการทางด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่สำคัญเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรรุ่นใหม่นำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีความก้าวไกลมากมาปรับใช้ในกระบวนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย

สำหรับการเสวนาในครั้งนี้ มีนักวิจัยระดับหัวกะทิในวงการสัตว์น้ำทั้งจากประเทศญี่ปุ่น กรมประมงและภาคการศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมเสวนาอย่างคับคั่ง โดยแบ่งการเสวนาออกเป็นกลุ่มย่อย จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) เทคโนโลยีกุ้ง อาทิ การพัฒนาเครื่องหมายดีเอ็นเอสำหรับการปรับปรุงพันธุ์กุ้งกุลาดำ / การศึกษาการควบคุมโรคกุ้ง (2) เทคโนโลยีปลาน้ำกร่อย อาทิ การปรับปรุงพันธุ์ปลากะพงขาว ปลาเก๋า ซึ่งเป็นความรู้ในการผลิตลูกปลากะรังที่โตเร็ว หรือความรู้ที่นำมาประยุกต์ใช้วางแผนการเพาะเลี้ยงปลากะพงในระยะยาวได้ ฯลฯ / เทคโนโลยีการอุ้มบุญในสัตว์น้ำ / การพัฒนาแหล่งโปรตีนทางเลือกแทนที่ปลาป่นสำหรับอาหารเม็ดสำเร็จรูปในปลากะรังเสือ ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี / การทวนสอบประสิทธิภาพของชุดทดสอบทางการค้า (ELISA kit) ในการเฝ้าระวังการปนเปื้อนสาร Leucomalachite green ในฟาร์มปลาทะเล (3) เทคโนโลยีปลาน้ำจืด อาทิ การใช้วัคซีนในปลาน้ำจืด ทำให้ได้พันธุ์ปลาที่มีสุขภาพดี / การประยุกต์ใช้แบคทีเรียในการย่อยสลายมาลาไคท์กรีนที่ตกค้างในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ / การตรวจสารตกค้างในผลผลิตประมง / การพัฒนาวิธีการตรวจสอบไนโตรฟูแรนชนิดใช้ในฟาร์ม
/ทั้งนี้...
-2-

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าประเด็นในแต่ละหัวข้อของการเสวนานั้น มีความน่าสนใจและสามารถต่อยอดความรู้ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ ที่จะนำมาพัฒนาอาชีพของตนเอง รวมถึงบุคลากรของทางภาครัฐเองก็สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในงานวิชาการได้มากเลยทีเดียว ซึ่งกรมประมงมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเสวนาในครั้งนี้จะสามารถยกระดับวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทยให้ก้าวหน้า และมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นสากลอันจะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ว่าอยากให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก รวมทั้งก้าวสู่ประมงยุค 4.0 โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ในวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทย


ข้อมูลเพิ่มเติม

กลุ่มที่1 เทคโนโลยีกุ้ง 
การพัฒนาเครื่องหมายดีเอ็นเอสำหรับการปรับปรุงพันธุ์กุ้งกุลาดำ
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ได้ทำการพัฒนาเครื่องหมายดีเอ็นเอสำหรับการปรับปรุงพันธุ์กุ้งกุลาดำ ซึ่งเป็นการใช้คัดเลือกกุ้งที่มีความต้านทานโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคตัวแดงดวงขาว และคัดเลือกกุ้งที่มี
การเจริญเติบโตดี ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว สามารถช่วยเกษตรกรคัดเลือกพันธุ์ที่โตเร็วและปลอดโรค ซึ่งจะทำให้การเพาะพันธุ์กุ้งทะเลประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดระยะเวลาการผลิตได้ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตได้
การศึกษาการควบคุมโรคกุ้ง
สารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีความเสี่ยงในการก่อโรคในกุ้งทะเลในปัจจุบัน และได้สร้างความเสียหายมหาศาลจต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทย ซึ่งมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ได้ทำการคิดค้นชุดทดสอบสารอินทรีย์ในน้ำโดยการใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น สาหร่ายผมนาง Kaneka Chlorella และ WUวัคซีน ในการป้องกันโรคตัวแดงดวงขาว และ EMS ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาในการเกิดโรคในกุ้ง

กลุ่มที่ 2 เทคโนโลยีปลาน้ำกร่อย 
ด้านการปรับปรุงพันธุ์ปลากะพงขาว ปลาเก๋า 
กรมประมงร่วมกับภาคเอกชนในจังหวัดภูเก็ต ศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมและข้อมูลการเจริญเติบโตของปลากะพงขาวของประเทศไทย เพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวมาประเมินแหล่งที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงปลากะพง จากการศึกษาพบว่าจังหวัดสงขลาเป็นแหล่งที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลากะงระยะยาว และจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นแหล่งที่มีพันธุ์ปลากะพงโตเร็ว ซึ่งข้อมูลพื้นฐานดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนการเพาะเลี้ยงปลากะพงระยะยาวสำหรับประเทศไทย
กรมประมงประสบความสำเร็จในการค้นหาเครื่องหมายดีเอ็นเอที่มีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตของปลากะรัง ซึ่งสามารถผลิตลูกปลากะรังที่โตเร็ว ดังนั้นสามารถช่วยเกษตรกรให้มีพันธุ์ปลากะรังที่โตเร็ว ลดระยะเวลาการเลี้ยง ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตได้
เทคโนโลยีการอุ้มบุญในสัตว์น้ำ 
จุดประสงค์ของงานวิจัยคือการย้ายปลูกเจิร์มเซลล์ของปลาที่มีอัตราการรอดต่ำ ระยะเวลาการคั้งครรภ์ยาวนาน ขนาดใหญ่ ต้นทุนการผลิตสูง หรือใกล้สูญพันธุ์ มาฝากไว้ในปลาสปีชีส์เดียวกันที่มีอัตราการรอดตายสูง ระยะเวลาการตั้งครรภ์สั้น ต้นทุนการผลิตต่ำ และมีขนาดเล็ก ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวมีส่วนช่วยให้การเพาะพันธุ์ประสบความสำเร็จสูงขึ้น ลดระยะเวลาการเพาะพันธุ์ และลดต้นทุนการผลิต 
การพัฒนาแหล่งโปรตีนทางเลือกแทนที่ปลาป่นสำหรับอาหารเม็ดสำเร็จรูปปลากะรังเสือ
การใช้แหล่งโปรตีนทางเลือกในการทดแทนปลาป่น เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยในการลดต้นทุนของอาหารสัตว์ เนื่องจากในต้นทุนการผลิตการผลิตอาหารสัตว์น้ำส่วนใหญ่มาจากปลาป่นซึ่งเป็นวัตุดิบที่มีราคาสูง นอกจากนั้นการใช้แหล่งโปรตีนทางเลือกมีส่วนช่วยในการลดการใช้ปลาในธรรมชาติในการผลิตอาหารสัตว์น้ำซึ่งเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรปลาทะเล

การทวนสอบประสิทธิภาพของชุดทดสอบทางการค้า (ELISA kit) ในการเฝ้าระวังการปนเปื้อนสาร Leucomalachite green ในฟาร์มปลาทะเล
ในปัจจุบันการนำชุดทดสอบทางการค้า ELISA kit มาใช้ในการเฝ้าระวังการปนเปื้อนสาร MG และ LMG เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีความสะดวกและช่วยลดภาระงาน ดังนั้นกรมประมงได้ทำการทดสอบความน่าเชื่อถือของชุดทดสอบดังกล่าว ซึ่งพบว่าการใช้ชุดทดสอบดังกล่าวในปลากระพงขาวและปลากะรัง พบว่ามีความเชื่อถือได้

กลุ่มที่ 3 เทคโนโลยีปลาน้ำจืด 
การใช้วัคซีนในปลาน้ำจืด 
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ผลิตวัคซีนโรค Steptococcosis ในปลานิลได้สำเร็จ และมีประสิทธิภาพดีกว่าที่จำหน่ายทั่วไปในตลาด ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้สามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้พันธุ์ปลาที่มีสุขภาพดี และนอกจากนั้นยังช่วยในด้านของการลดต้นทุนจากการใช้ยา หรือสารเคมีในระหว่างการเลี้ยง 
การประยุกต์ใช้แบคทีเรียในการย่อยสลายมาลาไคท์กรีนที่ตกค้างในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
แบคทีเรีย Pandoraea pnomrnusa J29-3 สามารถคัดแยกได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่มีแนวโน้มในการก่อโรคในสัตว์น้ำ และสามารถเจริญเติบโตในน้ำที่มีความเค็มสูง จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียชนิดนี้มีความสามรถทนต่อมาลาไคท์กรีนที่ความเข้มข้นสูงถึง 4,000 ส่วนในล้านส่วน ดังนั้นจึงสามารถประยุกต์ใช้ในการย่อยสลายมาลาไคท์กรีนในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ดี
การตรวจสารตกค้างในผลผลิตประมง

จึงเห็นได้ว่าการเสวนาครั้งนี้มีการค้นพบนวัตกรรมใหม่มากมายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อวงการประมง ดังนั้นการร่วมฟังการเสวนาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเกษตรกรในการนำความรู้ไปประยุกต์และพัฒนาต่อยอดในอาชีพได้ 
การพัฒนาวิธีการตรวจสอบไนโตรฟูแรนชนิดใช้ในฟาร์ม
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประสบความสำเร็จในการคิดค้นวิธีการวิเคราะห์ไนโตรฟูแรนที่ใช้ในฟาร์มสำเร็จ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในการตรวจสอบสารชนิดนี้ด้วยตนเอง และจะจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจในอนาคต

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook