การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลในประเทศไทยได้มีการพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ปี 2528 จนปัจจุบันไทยเป็นผู้นำในการส่งออกสินค้ากุ้งทะเลของโลก และสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละกว่าหลายหมื่นล้านบาท
โดยมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งด้านการผลิต การแปรรูป และการส่งออกสูงกว่าผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่อุตสาหกรรมกุ้งทะเลของไทยให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) ในทุกขั้นตอน ตลอดห่วงโซ่การผลิต นับตั้งแต่การเพาะเลี้ยง ไปจนถึงการแปรรูป ที่ส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local content) เป็นหลัก
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงให้ความสำคัญและเข้มงวดกับการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลตั้งแต่ในระดับฟาร์ม ทั้งการบริหารจัดการสภาพบ่อเลี้ยง และการใช้ยาและสารเคมีเพื่อให้กระบวนการผลิตกุ้งทะเลเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผลผลิตกุ้งทะเลมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง โดยมีการสุ่มตรวจปัจจัยการผลิตในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีแผนการตรวจยาและสารเคมีทั้งในฟาร์ม และร้านค้าปัจจัยการผลิตอย่างสม่ำเสมอ มีการเฝ้าระวังและติดตามการใช้ยาและสารเคมีในระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีระบบตรวจสอบย้อนกลับตลอดสายการผลิตมาใช้เป็นเครื่องมือในการสืบค้นแหล่งกำเนิดของกุ้งทะเล รวมทั้ง ให้ความเข้มงวดในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์กุ้งทะเลที่ส่งออกด้วย
ทั้งนี้ กรมประมง ได้มีประกาศเพื่อควบคุมการใช้ยาและสารเคมีในการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยาและสารเคมีที่ไม่อนุญาตให้ใช้ และกลุ่มยาและสารเคมีที่อนุญาตให้ใช้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กลุ่มยาและสารเคมีที่ไม่อนุญาตให้ใช้ ได้แก่
Ø คลอแรมฟินิคอล (Chloramphenicol)
Ø ไนโทรฟิวราโซน (Nitrofurazone)
Ø ไนโทรฟิวแรนโทอิน (Nitrofurantoin)
Ø ฟิวราโซลิโดน (Furazolidone)
Ø ฟิวแรลทาโดน (Furaltadone)
Ø มาลาไคท์ กรีน (Malachite Green)
Ø เอนโรโฟลซาซิน (Enrofloxacin)
Ø เจนเทียลไวโอเลท (Gential violet or crystal violet)
กลุ่มยาและสารเคมีที่อนุญาตให้ใช้ แต่ต้องไม่ตกค้างในเนื้อกุ้ง ได้แก่
Ø ออกซีเตตราซัยคลิน (Oxytetracycline)
Ø ซาราโฟลซาซาซิน (Sarafloxacin)
Ø ออกโซลินิค แอซิด (Oxolinic acid)
Ø โทลทราซูริล (Toltrazuril)
Ø เตตราซัยคลิน (Tetracycline)
Ø ซัลฟาไดเมททอกซีน – ออร์เมทโธพริม (Sulfadimethoxin-Ormethoprim)
Ø ซัลฟาไดเมททอกซีน-ไตรเมทโธพริม (Sulfadimethoxine-Trimethoprim)
Ø ซัลฟาไดเมททอกซีน (Sulfadimethoxine)
Ø ซัลฟาโมโนเมททอกซีน (Sulfamonomethoxine)
Ø ซัลฟาไดอาซีน (Sulfadiazine)
Ø ไตรเมทโธพริม (Trimethoprim)
Ø ออร์เมทโธพริม (Ormethoprim)
อย่างไรก็ตาม ในการใช้ยาและสารเคมีที่อนุญาตให้ใช้จะต้องใช้อยู่ในปริมาณและวิธีการที่เหมาะสม ภายใต้การตรวจสอบจากกรมประมง ซึ่งจะมีการวิเคราะห์สารตกค้าง หากพบการฝ่าฝืนใช้ยาและสารเคมีต้องห้าม หรือพบสารตกค้างเกินกว่าที่กำหนดจะถูกดำเนินการเพิกถอนใบรับรอง และไม่สามารถยื่นขอรับรองได้ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน รวมทั้งถูกขึ้นชื่อเผยแพร่บนเว็บไซต์ และในกรณีอยู่ในระหว่างการยื่นขอการรับรองจะไม่ได้การรับรองและไม่สามารถยื่นขอรับรองได้ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน และจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยบทมาตรการดังกล่าวมีไว้เพื่อควบคุมดูแลการใช้ยาและสารเคมีให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
อธิบดีกรมประมง กล่าวขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการ “ไม่ขาย ไม่ใช้ และไม่ซื้อ” ยาหรือสารเคมีต้องห้าม รวมทั้ง มีการใช้ยาหรือสารเคมีที่อนุญาตอย่างถูกต้อง เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
กุ้งไทย และเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารของกุ้งไทย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 4 ตุลาคม 2559