เปิดงาน ASEAN Fisheries & Aquaculture Conference and Exposition 2016: ASEAN Seafood for the World

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

กรมประมงเปิดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Expo 2016 อย่างยิ่งใหญ่ 
ครั้งแรก...กับการโชว์ศักยภาพจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาประมงระดับอาเซียนในประเทศไทย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2559 เวลา 10.00 น. ณ Event Hall 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม 
ไบเทค บางนา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the world และ งาน 11th Asian Fisheries and Aquaculture Forum and Exhibition : Asian Food Security for the World โดยมีนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และญี่ปุ่น รวมทั้งหน่วยงานภาคีและองค์กรด้านการประมงร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรภาคีเครือข่ายของประเทศไทยและสมาชิกประเทศอาเซียนซึ่งได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านการประมงในภูมิภาค และเป็นการเปิดเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการประมง ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาด้านการประมงในภูมิภาคเพื่อตอบสนองความต้องการของจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำ
ให้เป็นแหล่งอาหารที่หล่อเลี้ยงประชากรโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศสมาชิกอาเซียน และญี่ปุ่น จะได้ร่วมกันหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ถึงแนวทางในการปฏิรูปการประมงด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการประมงอย่างยั่งยืน อาทิ การรุกล้ำพื้นที่การประมงนอกน่านน้ำ การใช้เครื่องมือการประมงที่ถูกต้องไม่ทำลายทรัพยากร การทำประมงอย่างรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการแสดงให้นานาประเทศทั่วโลก ได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาภาคการประมงทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ความปลอดภัย และความมั่นคงในการประกอบอาชีพการประมง ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน จะได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายพร้อมเปิดช่องทางการตลาดได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองกับประเทศผู้นำเข้าจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน และร่วมมือกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการผลิตสินค้าประมงที่มีมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับของตลาดโลกต่อไป
ด้านนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญของภาคการประมง และนับเป็นครั้งแรกของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้มีการจัดงานแสดงสินค้าประมงของภูมิภาคอาเซียนและงานสัมมนาวิชาการประมงขึ้น โดยวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าประมงของภูมิภาคอาเซียนสู่ตลาดโลก เปิดโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากทั่วโลก รวมทั้งผู้ประกอบการของไทยได้มีโอกาสในการเจรจาธุรกิจเปิดช่องทางการตลาดสู่สากล พร้อมเปิดเวทีให้นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ นิสิต นักศึกษาในภูมิภาคได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ด้านวิชาการประมงในทุกมิติกับนานาประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการจัดงานแสดงสินค้าประมงและงานสัมมนาวิชาการประมงในระดับภูมิภาคอาเซียน

สำหรับกิจกรรมภายในงานแบ่งออก 2 ส่วน ประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการและแสดงสินค้าด้านการประมง กว่า 200 บูธ จากประเทศสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น องค์กรระหว่างประเทศ ในส่วนของไทยพาวิลเลี่ยน จะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับการประมงของไทย ทั้งพันธุ์สัตว์น้ำของไทยชนิดต่างๆ ที่เป็นสัตว์น้ำหายาก และพันธุ์สัตว์น้ำที่นักวิชาการไทยประสบความสำเร็จ ในการเพาะขยายพันธุ์ได้ ผ่านระบบมัลติมีเดีย ที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงแนวคิดการปฏิรูปการประมง ให้มีการพัฒนาควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ Business matching ให้ผู้ประกอบการไทยได้เจราธุรกิจกับนานาประเทศ เพื่อเป็นการขยายช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่า คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 10,000 คน และสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ผ่านการเจรจาธุรกิจจากที่คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีการส่งออกสินค้าประมงไทย ประมาณ 225,000 - 230,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 8-10 จากปี 2558 คิดเป็นมูลค่า 208,311 ล้านบาท
และในส่วนของการจัดสัมมนาและนำเสนอผลงานทางวิชาการด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งองค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งเอเซียและแปซิฟิก (Network of Aquaculture Centres in Asia-Pacific: NACA) ได้ร่วมดำเนินการจัดขึ้น โดยมีการนำเสนอผลงานเชิงวิชาการด้านการประมงในมิติต่าง ๆ อาทิ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน(Sustainable Intensification of Aquaculture),การเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Response to Impacts of Climate Change),การทำประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable Fisheries), อาหารทะเล (Seafood), เทคโนโลยีการแปรรูปและความปลอดภัยด้านอาหาร (Post-harvest Technology and Food Safety), ผู้หญิงในภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำการประมง (Gender in Aquaculture and Fisheries) โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการกว่า 700 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลกร่วมการสัมมนา
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการปาฐกถาพิเศษ 3 หัวข้อ ได้แก่ 1. การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมประมงไทย โดย นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2554 ศ.ดร.สุทธวัฒน์ เบญจกุล อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2. การสร้างตลาดพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์สำหรับผลิตภัณฑ์ประมงไทย โดย นักการตลาดออนไลน์ชื่อดัง และ 3. ปฎิรูปการประมงไทย สู่ยุคประเทศไทย 4.0 โดย อธิบดีกรมประมงและยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ การแข่งขันประกวดวาดภาพจากเยาวชน การแข่งขันประกอบอาหาร 
การแข่งขันรับประทานอาหารซีฟู้ดส์ การสาธิตปรุงเมนูอาหารจากเซฟชื่อดัง และการสาธิต ชง ชิม อาหารจากผู้ประกอบการที่ร่วมออกร้าน รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าประมงที่มีคุณภาพแก่ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน

กรมประมงเปิดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Expo 2016 อย่างยิ่งใหญ่ 
ครั้งแรก...กับการโชว์ศักยภาพจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาประมงระดับอาเซียนในประเทศไทย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2559 เวลา 10.00 น. ณ Event Hall 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม 
ไบเทค บางนา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the world และ งาน 11th Asian Fisheries and Aquaculture Forum and Exhibition : Asian Food Security for the World โดยมีนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และญี่ปุ่น รวมทั้งหน่วยงานภาคีและองค์กรด้านการประมงร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรภาคีเครือข่ายของประเทศไทยและสมาชิกประเทศอาเซียนซึ่งได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านการประมงในภูมิภาค และเป็นการเปิดเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการประมง ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาด้านการประมงในภูมิภาคเพื่อตอบสนองความต้องการของจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำ
ให้เป็นแหล่งอาหารที่หล่อเลี้ยงประชากรโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศสมาชิกอาเซียน และญี่ปุ่น จะได้ร่วมกันหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ถึงแนวทางในการปฏิรูปการประมงด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการประมงอย่างยั่งยืน อาทิ การรุกล้ำพื้นที่การประมงนอกน่านน้ำ การใช้เครื่องมือการประมงที่ถูกต้องไม่ทำลายทรัพยากร การทำประมงอย่างรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการแสดงให้นานาประเทศทั่วโลก ได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาภาคการประมงทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ความปลอดภัย และความมั่นคงในการประกอบอาชีพการประมง ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน จะได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายพร้อมเปิดช่องทางการตลาดได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองกับประเทศผู้นำเข้าจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน และร่วมมือกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการผลิตสินค้าประมงที่มีมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับของตลาดโลกต่อไป
ด้านนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญของภาคการประมง และนับเป็นครั้งแรกของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้มีการจัดงานแสดงสินค้าประมงของภูมิภาคอาเซียนและงานสัมมนาวิชาการประมงขึ้น โดยวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าประมงของภูมิภาคอาเซียนสู่ตลาดโลก เปิดโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากทั่วโลก รวมทั้งผู้ประกอบการของไทยได้มีโอกาสในการเจรจาธุรกิจเปิดช่องทางการตลาดสู่สากล พร้อมเปิดเวทีให้นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ นิสิต นักศึกษาในภูมิภาคได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ด้านวิชาการประมงในทุกมิติกับนานาประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการจัดงานแสดงสินค้าประมงและงานสัมมนาวิชาการประมงในระดับภูมิภาคอาเซียน

สำหรับกิจกรรมภายในงานแบ่งออก 2 ส่วน ประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการและแสดงสินค้าด้านการประมง กว่า 200 บูธ จากประเทศสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น องค์กรระหว่างประเทศ ในส่วนของไทยพาวิลเลี่ยน จะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับการประมงของไทย ทั้งพันธุ์สัตว์น้ำของไทยชนิดต่างๆ ที่เป็นสัตว์น้ำหายาก และพันธุ์สัตว์น้ำที่นักวิชาการไทยประสบความสำเร็จ ในการเพาะขยายพันธุ์ได้ ผ่านระบบมัลติมีเดีย ที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงแนวคิดการปฏิรูปการประมง ให้มีการพัฒนาควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ Business matching ให้ผู้ประกอบการไทยได้เจราธุรกิจกับนานาประเทศ เพื่อเป็นการขยายช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่า คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 10,000 คน และสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ผ่านการเจรจาธุรกิจจากที่คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีการส่งออกสินค้าประมงไทย ประมาณ 225,000 - 230,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 8-10 จากปี 2558 คิดเป็นมูลค่า 208,311 ล้านบาท
และในส่วนของการจัดสัมมนาและนำเสนอผลงานทางวิชาการด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งองค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งเอเซียและแปซิฟิก (Network of Aquaculture Centres in Asia-Pacific: NACA) ได้ร่วมดำเนินการจัดขึ้น โดยมีการนำเสนอผลงานเชิงวิชาการด้านการประมงในมิติต่าง ๆ อาทิ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน(Sustainable Intensification of Aquaculture),การเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Response to Impacts of Climate Change),การทำประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable Fisheries), อาหารทะเล (Seafood), เทคโนโลยีการแปรรูปและความปลอดภัยด้านอาหาร (Post-harvest Technology and Food Safety), ผู้หญิงในภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำการประมง (Gender in Aquaculture and Fisheries) โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการกว่า 700 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลกร่วมการสัมมนา
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการปาฐกถาพิเศษ 3 หัวข้อ ได้แก่ 1. การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมประมงไทย โดย นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2554 ศ.ดร.สุทธวัฒน์ เบญจกุล อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2. การสร้างตลาดพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์สำหรับผลิตภัณฑ์ประมงไทย โดย นักการตลาดออนไลน์ชื่อดัง และ 3. ปฎิรูปการประมงไทย สู่ยุคประเทศไทย 4.0 โดย อธิบดีกรมประมงและยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ การแข่งขันประกวดวาดภาพจากเยาวชน การแข่งขันประกอบอาหาร 
การแข่งขันรับประทานอาหารซีฟู้ดส์ การสาธิตปรุงเมนูอาหารจากเซฟชื่อดัง และการสาธิต ชง ชิม อาหารจากผู้ประกอบการที่ร่วมออกร้าน รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าประมงที่มีคุณภาพแก่ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook