เปิดเวทีประชุมความร่วมมืออาเซียน-ซีฟเดค

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

ไทยเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีประชุมความร่วมมืออาเซียน-ซีฟเดค
พร้อมผนึกกำลังประเทศสมาชิกแถลงการณ์ร่วมหนุนพัฒนาการประมง
ในภูมิภาคให้ยั่งยืนและต่อต้านการทำประมง IUU

ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีการประชุมความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืนสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมผนึกกำลังประเทศสมาชิกร่วมจับมือแถลงการณ์ ต่อต้าน
การทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หนุนสร้างแรงขับเคลื่อน ระดับพหุภาคีเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของอาเซียนให้สอดรับกับมาตรฐาน และกฎระเบียบสากล เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารในภูมิภาคอย่างยั่งยืน
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.00 น. ณ ห้องบอลรูม บี ชั้น 23 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อการพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืนสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน: ต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าสัตว์น้ำ และ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากภูมิภาคอาเซียน (High-level Consultation on Regional Cooperation in Sustainable Fisheries Development Towards the ASEAN Economic Community: Combating IUU Fishing and Enhancing the Competitiveness of ASEAN Fish and Fishery Products) โดยมีนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธาน เปิดการประชุม พร้อมนี้ผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) และศูนย์พัฒนาการประมง
แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) ยังได้ร่วมกันจัดทำแถลงการณ์ร่วมด้านความร่วมมือในภูมิภาค 
เพื่อต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การ ควบคุม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากภูมิภาค อาเซียน โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิก ASEAN-SEAFDEC ประกอบด้วย บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศไทย ผู้บริหารระดับสูงของ ASEAN และ SEAFDEC ตลอดจนตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศ 
และผู้เกี่ยวข้องในภาคการประมงกว่า 100 คน เข้าร่วมงานประชุม
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและ ไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing: IUU Fishing) ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อความยั่งยืนของทรัพยากรประมงและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ต่างให้ความสำคัญในประเด็นปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทย
ได้ให้ความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่น ๆ ในการเข้าร่วมหารือเพื่อกำหนดกรอบนโยบายในการขจัดการทำประมง IUU มาโดยตลอด และครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพ
จัดการประชุมฯ ดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาการประมงในภูมิภาคให้เกิดความยั่งยืนและการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU อย่างจริงจัง และพร้อมที่จะประสานความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อนำไปสู่การขจัดปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU นั้น
มีความซับซ้อน ด้วยข้อจำกัดทั้งสภาวะของทรัพยากรสัตว์น้ำ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรร่วมกัน ประเด็นปัญหาแรงงาน รวมทั้งการซื้อขายวัตถุดิบระหว่างประเทศภายในภูมิภาค ก่อนที่จะมีการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ 
จึงไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงลำพัง จำเป็นต้องอาศัย
การสนับสนุนจากหลายภาคส่วน รวมถึงการสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อร่วมกันขจัดการทำประมง IUU ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 
ดังนั้น การที่ผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) และศูนย์พัฒนาการประมง
แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) ร่วมกันจัดทำแถลงการณ์ที่จะพัฒนาการประมงในภูมิภาคให้เกิดความยั่งยืนและการต่อต้านการทำ ประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการ
ส่งสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อการขจัดการทำประมง IUU อย่างจริงจัง ทั้งด้านการสร้างความเข้มแข็งในระบบการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) 
การตรวจสอบย้อนกลับของสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ที่มาจากการจับ และการเพาะเลี้ยง การสร้างความสมดุล
ของการลงแรงประมงโดยคำนึงถึงสภาวะทรัพยากรประมงในภูมิภาค การเสริมสร้างความร่วมมือในการ
บริหารจัดการทรัพยากรประมงข้ามพรมแดน การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน การจัดการประเด็นแรงงานให้มีการปฏิบัติที่ถูกกฎหมายและเป็นธรรม รวมถึงการพัฒนามาตรการเชิงป้องกัน และสนับสนุนในการเสริมสร้างการฟื้นฟูทรัพยากร เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมด้วย

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU สำหรับประเทศไทยว่า ได้ดำเนินการปฏิรูปนโยบายด้านการประมงครั้งใหญ่ ภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ประมงในปัจจุบัน ตลอดจนมีการกำหนดกฎระเบียบตามมาตรฐานระดับสากล พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการประมงทะเล โดยมีความมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาการทำประมง
เกินศักยภาพการผลิต (Overfishing) โดยงดการออกใบอนุญาตทำการประมงใหม่ให้กับเรือประมง การกำหนดมาตรการในการออกใบอนุญาตเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการประมงโดยเสรีเป็นการทำการประมงโดยมีการควบคุม ตลอดจนการใช้ระบบ MSY หรือ “ผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน” นอกจากนั้น ยังได้มีการเสริมประสิทธิภาพ
การดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวัง โดยจัดตั้งศูนย์ Port In – Port Out และมีการพัฒนาระบบ
การออกใบรับรอง การจับสัตว์น้ำเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐเจ้าของท่าอีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังได้ยื่นภาคยานุวัติสารเพื่อเข้าเป็นภาคี “ความตกลงว่าด้วยมาตรการของรัฐเจ้าของท่า” ซึ่งนับเป็นความตกลงระดับสากลที่สำคัญที่มุ่งหมายเพื่อขจัดการทำประมง IUU โดยประเทศไทยเล็งเห็นว่าการเข้าร่วมเป็นภาคีในครั้งนี้จะทำให้การควบคุมกิจกรรมของเรือประมงต่างชาติที่มาขอขึ้นท่าในประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจะช่วยป้องกันการนำเข้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่มาจากการ
ทำประมง IUU สู่ประเทศไทยในอนาคต
ทั้งนี้ การจัดประชุมดังกล่าวฯ คาดว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียนในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากภูมิภาคอาเซียน และมีความเป็นไปได้ในการจัดทำนโยบายประมงร่วมของอาเซียน
ต่อไปในอนาคต อันจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากร ประมงอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ที่มีความชัดเจนมากขึ้น 
 

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook