เมื่อวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมตะพัดทอง ชั้น 2 กองประมงต่างประเทศ กรมประมง นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม The 36 th Session of the Asia Pacific Fishery Commission (APFIC) หรือการประชุมคณะกรรมาธิการการประมงของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 36 ผ่านทางระบบออนไลน์เสมือนจริง (ZOOM Cloud Meeting)
โดยมีนายคิม จอง-จิน รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Regional Office for Asia and the Pacific) ผู้แทนประเทศสมาชิก 13 ประเทศ พร้อมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการประมงเข้าร่วมการประชุม โดยการประชุมในครั้งนี้ ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพและประธานในการจัดประชุม ซึ่งเป็นการจัดประชุมในลักษณะออนไลน์เสมือนจริงครั้งแรก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับยุค New Normal
APFIC มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกแสดงความคิดเห็น แบ่งปันองค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพการประเมินทรัพยากรสัตว์น้ำ ทั้งประมงทะเลและประมงน้ำจืด ระหว่างกัน
อธิบดีกรมประมง ได้กล่าวถึง วัตถุประสงค์หลักของการประชุม APFIC ครั้งที่ 36 ในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอกิจกรรมที่ดำเนินการภายใต้กรอบ หรือแผนการดำเนินงานของ FAO และเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบและร่วมแสดงความคิดเห็น รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด้านนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การแบ่งปันองค์ความรู้ การพัฒนาศักยภาพในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก การเสริมสร้างศักยภาพด้านการประเมินทรัพยากรสัตว์น้ำ เพื่อการบริหารจัดการประมงทะเลและประมงน้ำจืดอย่างยั่งยืน รวมถึงการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดต่อประสิทธิภาพ การดำเนินงานของคณะกรรมการด้านการประมงแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในปัจจุบัน
อีกทั้ง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคมในทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะในภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นอกจากปัญหาด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหารแล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องแรงงานภาคประมงในระบบการผลิต ประเด็นด้านการตรวจติดตามและเฝ้าระวังการทำการประมง รวมถึงประเด็นด้านการค้าและการตลาด ในฐานะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นฐานการผลิตสินค้าประมงหลักของโลก จำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสัตว์น้ำ ภายใต้สถานการณ์ที่ยากต่อการคาดคะเนเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารโลกและความยั่งยืนด้านการประมงตามเป้าหมายของ FAO และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก หรือ SDG
นอกจากนั้น อธิบดีกรมประมงได้เน้นย้ำว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อการประมง สุขอนามัย แรงงานภาคประมง ดังนั้น ควรจะต้องมีการตรวจติดตามและมีการเฝ้าระวังด้านการประมงอย่างเข้มข้น เนื่องจากกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกเป็นฐานการผลิตสินค้าประมงที่สำคัญ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการพัฒนาการตรวจติดตามและเฝ้าระวัง รวมไปถึงการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้ SDG ทำให้ประเทศไทยสามารถขจัดการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU Fishing) สินค้าประมงของไทยได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการและชาวประมงได้เห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน
หลังจากพิธีเปิดการประชุม ดร.ถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง ได้ดำเนินการเป็นประธานในการประชุม APFIC ระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤษภาคม 2564 โดยมี Mr. Simon Funge Smith ผู้แทนจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เป็นเลขานุการ ซึ่งสรุปผลการประชุมในวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ได้ดังนี้
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในวาระการประชุม และวาระการประชุม ที่ 1
• วาระการประชุมที่ 2 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับรายงานการประชุมระดับนโยบาย ครั้งที่ 77 ของ APFIC โดยประเทศมาเลเซียขอให้ฝ่ายเลขานุการช่วยเหลือด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบยั่งยืน และสนับสนุนการงดใช้ AMR ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ประเทศไทยขอให้ฝ่ายเลขานุการช่วยเหลือเกี่ยวกับ EAF-Nansen Program เพื่อหาค่าพารามิเตอร์ด้านสมุทรศาสตร์ และประเมินทรัพยากรสัตว์น้ำ เพื่อให้ตรงกับบริบทของ UN Fish Stock Agreement ประเทศญี่ปุ่นขอให้ฝ่ายเลขานุการจัดทำเว็บไซต์ที่ประเทศสมาชิกสามารถเข้าถึงแนวปฏิบัติเพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย
• วาระการประชุมที่ 3 ความเป็นไปได้ในการจัด APFIC ในรูปแบบเสมือนจริงต่อไป
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการจัด APFIC ในรูปแบบเสมือนจริง จนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะดีขึ้น หากสามารถพบปะกันได้แล้ว อาจจัดในรูปแบบของ hybrid คือ มีทั้งเสมือนจริง และมี workshop ด้วย
• วาระการประชุมที่ 4 ที่ประชุมมีมติขอให้ฝ่ายเลขานุการสนับสนุนด้านการเพาะเลี้ยงอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร โดยการแบ่งปันความรู้ และช่วยเหลือด้านเทคนิคระหว่างกัน
• วาระการประชุมที่ 5 ที่ประชุมมีมติขอให้ฝ่ายเลขานุการสนับสนุนการประเมินทรัพยากรทางทะเลและในแหล่งน้ำจืด โดยขอการสนับสนุนจากจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ รวมไปถึงประเทศสมาชิก
