94 ปี กรมประมง “ยืนหยัด พัฒนาการประมงอย่างยั่งยืน” ในโอกาสวันสถาปนากรมประมง และวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2563

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

วันที่ 21 กันยายน 2563 ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมงกำหนดจัดงาน “วันสถาปนากรมประมงครบรอบปีที่ 94” และ “วันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2563” เผยเตรียมสร้างจุดแข็งให้สินค้าประมงไทยให้เป็นสินค้าสำคัญของการพัฒนาอย่างเศรษฐกิจของไทย สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยในโอกาสนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานการเปิดงานฯ และร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำออนไลน์ จำนวน 1,940,000 ตัว ลงสู่ 4 แหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สำคัญของไทย พร้อมมอบโล่รางวัลแก่เกษตรกรดีเด่น ข้าราชการดีเด่น และแสดงความยินดีกับกรมประมง ที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2563 ด้วย

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่ภาคการประมงของประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ผลิตสัตว์น้ำและสินค้าประมงที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนป้องปรามการทำประมงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างอาชีพประมงให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และสร้างวิถีความอยู่ดีมีสุขให้กับเกษตรกรชาวประมงและประชาชนมาโดยตลอด จนปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและแปรรูปสินค้าสัตว์น้ำมากกว่า 1.5 ล้านตันต่อปี สร้างมูลค่าการส่งออกได้ปีละกว่า 2 แสนล้านบาท

ถึงแม้ในรอบปีที่ผ่านมา ภาคการประมงของไทยต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ทั้งจากภัยธรรมชาติ ราคาผลผลิตสัตว์น้ำตกต่ำ มาตรการทางการค้าของประเทศผู้นำเข้า รวมถึงผลกระทบจากโรคระบาดโควิด19 แต่การขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการประมงของไทยก็ยังไม่หยุดนิ่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยต่อพี่น้องเกษตรกรชาวประมง จึงได้มีนโยบายและให้แนวทางการปฏิบัติราชการแก่กรมประมง ในการขับเคลื่อนดำเนินงานตามแผนแม่บทชาติด้านการประมง ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งกรมประมงได้นำนโยบายดังกล่าวมาขับเคลื่อนเป็นโครงการต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการประมงอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานทางวิชาการและการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน การขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรด้านการประมง จัดเก็บในฐานข้อมูลกลางระดับประเทศไปสู่การเยียวยาในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด19 /การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผ่านโครงการฟื้นฟูและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และโครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านการประมง/ การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการประมงทั้งพื้นบ้านและพาณิชย์ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินในการประกอบอาชีพประมงได้อย่างยั่งยืน / บูรณาการการมีส่วนร่วมของภาครัฐและชุมชนด้วยการเพิ่มความรู้ พัฒนา และปลูกจิตสำนึกรักหวงแหนในทรัพยากรสัตว์น้ำในชุมชนพื้นถิ่นบริหารจัดการผลผลิตสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืน ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ผ่านโครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมกว่า 80 แห่งทั่วประเทศ / กิจกรรมย้ายพันธุ์สัตว์น้ำสู่บ้านใหม่ เพื่อชุบชีวิตสัตว์น้ำในช่วงฤดูแล้งไปยังแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ ให้เป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ของชุมชน / โครงการบริหารจัดการประมงทะเลอย่างยั่งยืน / ยกระดับการผลิตด้านการประมง ในรูปแบบ

“การตลาด นำการผลิต” ผ่านโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ตลอดจนส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าประมงให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค สร้างมาตรฐานสินค้าประมงให้อยู่ในระดับสากล มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าประมงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าประมง ที่น่าสนใจ คือ การส่งเสริมการตลาดโดยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “Fisheries Shop” รวมไปถึงการกำหนดมาตรการในการทำประมงเพื่อสร้างความสมดุลตามกำลังการผลิตสัตว์น้ำในธรรมชาติ ตลอดจนการผลักดันงานวิจัยให้สามารถนำไปต่อยอดเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เช่น การเพาะขยายพันธุ์ปลากะพงทองและปลิงทะเลเพื่อเตรียมผลักดันให้เป็น สัตว์เศรษฐกิจของไทย

จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วน ทำให้ในปี 2563 ที่ผ่านมากรมประมงสามารถคว้ารางวัลเลิศรัฐ เป็นรางวัลที่มอบให้หน่วยงานที่มีความเป็นเลิศทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐ ที่มีการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร และเปิดระบบราชการให้ภาคส่วนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งในปีนี้ กรมประมงได้รับรางวัลเลิศรัฐ ถึง 3 รางวัล ด้วยกัน อาทิ โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมแหล่งน้ำชุมชนหนองอีเริง จังหวัดชัยภูมิ และแหล่งน้ำหนองก่าน-สุขสำราญ จังหวัดหนองบัวลำภู / โครงการลูกอ๊อดเงินล้าน เพิ่มคุณภาพชีวิตเกษตรกรหนองแต้ จังหวัดนครพนม / นวัตกรรมการบริการ ได้แก่ ระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาภาคการประมงของประเทศได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม กรมประมงยังได้วางแนวทางและมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนทุกภารกิจ เพื่อมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป เพื่อการพัฒนาภาคการประมงไทยอย่างยั่งยืน ให้เกษตรกรชาวประมงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเน้นฟื้นฟูและสนับสนุนอาชีพการทำประมง ให้เกิดความยั่งยืนบนพื้นฐานของการรักษาทรัพยากรและถูกต้องตามกฎหมาย ส่งเสริมการรวมกลุ่ม สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ลดต้นทุน ลดอุปสรรคในการประกอบอาชีพ รวมถึงส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากภูมิปัญญามาเพิ่มมูลค่า เพื่อสร้างจุดแข็งให้สินค้าประมงไทย สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

สำหรับการจัดงานในวันนี้ กรมประมงได้จัดกิจกรรมของวันสถาปนากรมประมง ครบรอบปีที่ 94 และกิจกรรมวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2563 ขึ้นพร้อมกัน โดยมีพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำออนไลน์ใน

4 พื้นที่ ประกอบด้วย 1. บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ 2. กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา 3. หนองหาร จังหวัดสกลนคร และ 4. เขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,940,000 ตัว ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งหมด 9 ชนิด ประกอบด้วย ปลาตะเพียนขาว ปลาตะเพียนทอง ปลายี่สกเทศ ปลาสวาย ปลาเทพา ปลาจาด ปลาบ้า ปลากาดำ และกุ้งก้ามกราม นอกจากนี้ ยังมีพิธีการมอบโล่รางวัลให้กับผู้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการประมงไทย อาทิ เกษตรกรดีเด่น ข้าราชการดีเด่น รางวัลชุมชนประมงดีเด่น/ชมเชย รางวัลประเมินฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รางวัลเลิศรัฐ รางวัลผลงานวิชาการประมง รางวัลศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมงต้นแบบ (Smart PIPO) รางวัลเจ้าหน้าที่สืบสวนต้นแบบด้านการควบคุมการทำการประมง (Smart investigator) รางวัลเรือประมงต้นแบบ (Smart Vessel) รางวัลท่าเทียบเรือประมงต้นแบบ (Smart Port) และการประกาศเกียรติคุณให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมประมง ผู้เกษียณอายุซึ่งมีคุณูประการต่อกรมประมง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเกษตรกรชาวประมงและเจ้าหน้าที่ ทุกคนด้วย

อธิบดีกล่าวปิดท้ายว่า ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 94 กรมประมงจะยังคงยืนหยัดเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการประมงของไทย เพื่อให้เกษตรกร ชาวประมง และประชาชนในประเทศได้มีทรัพยากรสัตว์น้ำไว้ใช้ควบคู่ไปกับอาชีพประมงที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook