กรมประมง จัด Kickoff กิจกรรมรับซื้อหมอสีคางดำ ตั้งเป้ากำจัด 470 ตัน นำร่องจังหวัดสมุทรสงครามและเพชรบุรี

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

วันที่ 1 สิงหาคม 2561 เวลา 14.30 น. ณ หน้าองค์การบริหารส่วนตำบลคลองโคน 
ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นายเขมชาติ จิวประสาท ผู้ตรวจราชการกรม ร่วมพิธีเปิดงานโครงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำ เพื่อหยุดวงจรการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร ระบบนิเวศตลอดจนสัตว์น้ำพื้นถิ่นของประเทศ
นายเขมชาติ จิวประสาท ผู้ตรวจราชการ กล่าวว่า กรมประมงได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 11,400,000 บาท จัดโครงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร
ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติในระยะเร่งด่วน เพื่อลดปริมาณและตัดวงจรชีวิตปลาหมอสีคางดำในบ่อเลี้ยงของเกษตรกรและในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยโครงการนี้จะนำร่องในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากกรมประมงได้ลงพื้นที่ประเมินความชุกชุมของปลาหมอสีคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดเพชรบุรีพบว่า ในพื้นที่ตำบลยี่สารและตำบลแพรกหนามแดง เขตอำเภออัมพวา และตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจำนวน 501 ฟาร์ม รวมเนื้อที่เลี้ยง 53,957 ไร่พบปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงเฉลี่ย 1,629 ตัน และจังหวัดเพชรบุรีมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในตำบลบางตะบูนออกจำนวน 66 ฟาร์ม รวมเนื้อที่เลี้ยง 4,000 ไร่ พบปริมาณปลาหมอสีคางดำในบ่อเลี้ยงเฉลี่ย 156 ตัน รวมพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 567 ฟาร์ม คิดเป็นพื้นที่การเลี้ยงทั้งหมดจำนวน 57,957 ไร่ พบการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำในบ่อเลี้ยงเฉลี่ยรวมทั้งสิ้น 1,785 ตัน 
สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำในระยะเร่งด่วนจะแบ่งเป็น 2 กิจกรรมหลักๆ ได้แก่
1.กิจกรรมรับซื้อปลาหมอสีคางดำจากบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรที่มีการแพร่ระบาดเพื่อจูงใจให้เกษตรกรช่วยจับปลาหมอสีคางดำมาขายให้กับทางกรมประมง เนื่องจากปลาหมอสีคางดำไม่ใช่ปลาเศรษฐกิจจึงขายได้ราคาต่ำเพียงกิโลกรัมละ 4.50 บาท ส่งผลให้ปลาหมอคางดำไม่เป็นที่ต้องการของผู้จับปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติและเกษตรกร โดยในส่วนการรับซื้อกรมประมงได้กำหนดเป้าหมายในระยะเร่งด่วนไว้ที่ 470 ตันเพื่อเร่งกำจัดปลา

 

 

หมอสีคางดำในพื้นที่จังหวัดดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2เดือน โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ถึง 
สิ้นเดือนสิงหาคม 2561โดยได้กำหนดราคารับซื้อปลาหมอคางดำในราคากก.ละ 20 บาท จากนั้นทางกรมประมงจะนำปลาที่รับซื้อส่งไปให้หน่วยงานของรัฐเพื่อนำไปทำปุ๋ยหมักชีวภาพหรือการทำลายฝังกลบขึ้นอยู่กับสภาพสัตว์น้ำแล้วแต่กรณีไป (เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2561)
2. กิจกรรมสนับสนุนกากชา (ซาโปนิน) กรมประมงจะให้การสนับสนุนกากชาซึ่งมีสารซาโปนิน (Saponin) ที่เป็นพิษต่อเลือดสัตว์น้ำชนิดนี้บางส่วนให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งทะเล เพื่อนำไปใช้กำจัดปลาหมอสีคางดำที่หลงเหลืออยู่ในบ่อหลังจากล้างบ่อจับสัตว์น้ำภายใต้การแนะนำของนักวิชาการประมงควบคู่กันกับมาตรการรับซื้อปลาดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีเป้าหมายสนับสนุนกากชาให้เกษตรกร จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 14,500 กิโลกรัม 
และจังหวัดเพชรบุรี จำนวน 2,390 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 16,890 กิโลกรัม
นอกจากมาตรการในการเร่งแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนแล้วนั้น ในส่วนของมาตรการระยะยาวในการแก้ปัญหาปลาหมอสีคางดำที่แพร่ระบาดและรุกราน กรมประมงได้กำหนดให้มีการศึกษาวิจัยครอบคลุมทุกด้าน
เพื่อควบคุมและลดปริมาณปลาหมอสีคางดำให้มากที่สุด ซึ่งมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาวนี้จะช่วยให้ระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติคงความหลากหลายของชนิดพันธุ์สัตว์น้ำให้สามารถควบคุมซึ่งกันและกันได้ เพื่อฟื้นฟูผลผลิต
สัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรและระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น
สำหรับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำและต้องการขอรับการสนับสนุนกากชา หลักเกณฑ์เบื้องต้นจะต้องเป็นเกษตรกรที่ผ่านการขึ้นทะเบียนฟาร์มกับ
กรมประมง โดยสามารถแจ้งความจำนงล่วงหน้าเพื่อขอรับการสนับสนุนกากชา และนัดหมายวันเวลารับซื้อได้พร้อมกันในพื้นที่กรณีเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนฟาร์มสามารถติดต่อยื่นเรื่องได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสงคราม เบอร์โทร 0 3471 1258 และสำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี 
เบอร์โทร 0 3242 6032
ผู้ตรวจราชการ กล่าวในตอนท้ายว่า กรมประมงได้กำหนดห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านปลาหมอคางดำโดยเด็ดขาด หรือหากต้องการที่จะนำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงเท่านั้น สำหรับบทลงโทษตามมาตรา 144 หากพบผู้ใดกระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำผิดนำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook