ไทยเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีขับเคลื่อน นโยบายประมงอาเซียน ระดม 10ชาติสมาชิก เพื่อร่วมพัฒนาการประมงในภูมิภาค

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

ประเทศไทยโดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม The 26th Meeting of the ASEAN Sectoral Working Group on Fisheries (26th ASWGFi) ระหว่างวันที่ 7-12 พฤษภาคม 2561 ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร เปิดเวทีให้ 10 ชาติสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย ร่วมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพิจารณานโยบายพัฒนาด้านการประมงของภูมิภาคอาเซียน โดยมีประเทศและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการพัฒนาการประมงในอาเซียนเข้าร่วมหารือ เพื่อร่วมกันพัฒนาการประมงในภูมิภาคอาเซียนให้เกิดความยั่งยืนและเกิดความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยมีผู้เข้าร่วม
การประชุมกว่า 60 คน

นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังเป็นประธาน
เปิดการประชุมดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ว่า แผนแม่บทของอาเซียนมีเป้าหมายที่สำคัญคือ มุ่งเน้นที่การสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับภูมิภาค ซึ่งการพัฒนาภาคการประมงถือเป็นนโยบายที่อาเซียนได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำในภูมิภาคเสื่อมโทรมลงอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการทำประมงที่เกินกำลังผลิตของธรรมชาติ การทำประมงอย่างไม่รับผิดชอบ และมีการลักลอบทำการประมงในพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) นอกจากนี้ ในส่วนของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำยังมีความจำเป็นที่ต้องเร่งพัฒนาและยกระดับการเพาะเลี้ยงตั้งแต่ต้นน้ำกระทั่งถึงปลายน้ำ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ปลอดโรค ปลอดภัย รวมทั้งให้ความใส่ใจกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การจัดประชุมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่คณะทำงานซึ่งเป็นระดับอธิบดี และระดับผู้ตัดสินใจเชิงนโยบายสูงสุดในการดำเนินงานความร่วมมือเพื่อพัฒนาการประมงของภูมิภาคที่อยู่ภายใต้การประชุมของระดับรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้อาเซียน (AMAF) จะได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินกิจกรรม /โครงการ ต่างๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์/ แผนงานความร่วมมือด้านการประมงของอาเซียน อาทิ โครงการด้านความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัยด้านอาหาร ความร่วมมือภายใต้มาตรการต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ จะมีการรายงานความก้าวหน้าโครงการ/ กิจกรรมภายใต้ความร่วมมือด้านการประมงระหว่างอาเซียนกับองค์กรระหว่างประเทศ และประเทศผู้สนับสนุน ได้แก่ SEAFDEC, UNEP/GEF, Islamic Development Bank (IDB) , สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย อีกด้วย

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมประมงในฐานะตัวแทนประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและดำรงตำแหน่งประธานการประชุมในครั้งนี้ จะผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนในประเด็นที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ และประเด็นที่เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการพัฒนาความร่วมมือด้านการประมงที่ประเทศไทยมีบทบาทนำ โดยจะหยิบยกขึ้นหารือเพื่อเป็นกรอบแนวทางในบริหารจัดการประมงในภูมิภาคที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป โดยประเด็นการหารือ
ที่สำคัญ ประกอบด้วย

• การพัฒนานโยบายประมงร่วมอาเซียน (ASEAN Common Fisheries Policy) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๘ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ 
ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยในขณะนั้น ได้เสนอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาจัดทำนโยบายประมงอาเซียน และที่ประชุมได้ขานรับข้อเสนอโดยเห็นชอบให้ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกันพิจารณาจัดทำนโยบายประมงร่วมอาเซียน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางการประมงและความมั่นคงทางด้านอาหารในภูมิภาคอันจะสนับสนุนประชาคมอาเซียนที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งคาดว่าการประชุมครั้งนี้จะได้มีความคืบหน้าในการวางแนวทางการดำเนินการพร้อมกับหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากองค์กร หรือประเทศคู่เจรจาของอาเซียนเพื่อจัดทำนโยบายประมงร่วมดังกล่าวต่อไป
• การผลักดันความปลอดภัยทางอาหารของอาเซียน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า โดยยกระดับมาตรฐานตั้งแต่ฟาร์มเลี้ยงจนถึงส่งออก ซึ่งคณะทำงานประมงอาเซียนได้ให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวอย่างมาก โดยสนับสนุนให้มีการจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีและเหมาะสมของฟาร์มเพาะเลี้ยง
สัตว์น้ำของอาเซียน ได้แก่ ASEAN Shrimp GAP :สำหรับกุ้งทะเล ASEAN GAqP ซึ่งเป็นมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วไป ซึ่งทั้งสองมาตรฐานได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีของอาเซียนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ มาตรฐานดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศผู้นำเข้านอกภูมิภาค
• การบริหารจัดการด้านโรคสัตว์น้ำข้ามแดนระหว่างประเทศอาเซียน ประเทศไทยมีบทบาทนำด้านโรคสัตว์น้ำเนื่องจากมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญและมีความพร้อมด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการดำเนินการ ซึ่งประเทศสมาชิกเล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายสุขภาพสัตว์น้ำของอาเซียน ASEAN Network of Aquatic Animal Health Centres (ANAAHC) ขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ ณ กรมประมง กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์โรค 
การรับรองสุขภาพสัตว์น้ำในภูมิภาคอาเซียน และมีความคืบหน้าในการดำเนินการโดยได้มีการจัดประชุม 
The 1st Meeting of ASEAN Network of Aquatic Animal Health Centres (ANAAHC) ณ กรุงเทพฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนด้านสุขภาพสัตว์น้ำจากประเทศสมาชิกอาเซียน องค์กรภาคเอกชนด้านสุขภาพสัตว์น้ำ SEAFDEC และ NACA เข้าร่วมในการประชุม
ครั้งนั้นด้วย
• การป้องกันยับยั้งและขจัดการทำประมง IUU ประเทศไทยได้พัฒนาและดำเนินการแก้ไขปัญหา
การประมง IUU ของไทยในทุกมิติ โดยมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งในส่วนของภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมาประเทศสมาชิกได้ร่วมกันกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติ (guideline) เพื่อป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมง IUU มาโดยตลอด และประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือพร้อมช่วยเหลือประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาและดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการประมง IUU ภายในภูมิภาคให้หมดไป
ทั้งนี้ การจัดประชุมดังกล่าวฯ คาดว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียน
ในการพัฒนาภาคการประมงในภูมิภาคมากขึ้นเป็นลำดับ และเกิดนโยบายประมงร่วมอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม อันจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีความชัดเจนมากขึ้น

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook