การดูแลสัตว์น้ำในช่วงฤดูหนาว

 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

          ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศ การเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นั้น สภาพอากาศอุณหภูมิจะลดต่ำลงในช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่กลางวันมีแสงแดดจ้า อากาศร้อน ทำให้อุณหภูมิของน้ำในรอบวันมีความแตกต่างกันมาก มีผลต่อคุณสมบัติของน้ำ ทำให้คุณภาพน้ำลดต่ำลงทั้งด้านกายภาพ ชีวภาพ และเคมีภาพ ลักษณะเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อสุขภาพปลาเป็นอย่างมาก เนื่องจากปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น อุณหภูมิของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิของน้ำ การปรับตัวจำเป็นต้องนำพลังงานที่ได้จากการเผาผลาญอาหารมาใช้ ทำให้พลังงานที่จะนำไปใช้ในการเจริญเติบโตหรือสร้างระบบภูมิคุ้มกันลดต่ำลง มีผลให้ปลาอ่อนแอ ป่วย และติดโรคได้ง่าย จึงขอแนะนำเกษตรกรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และเป็นการควบคุมโรคระบาดในช่วงฤดูหนาว จึงขอให้เกษตรกรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

1. ควรวางแผนระยะเวลาการเลี้ยงปลาให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม หรือ งดเลี้ยงปลาในช่วงฤดูหนาว

2. ควรมีน้ำในบ่อพักไว้ใช้ในฟาร์มให้เพียงพอตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว

3. เลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยงให้เหมาะสมกับฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ควรเลือกปลาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดน้อย เช่น ปลานิล ปลาจีน และปลาไม่มีเกล็ด ที่สำคัญควรลดความหนาแน่นของปลาที่ปล่อยลงเลี้ยง และหมั่นเอาใจใส่ ตรวจสุขภาพปลาอย่างสม่ำเสมอ

4. เลื่อนมื้ออาหารให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงขึ้น และควบคุมปริมาณการให้อาหารอย่างเหมาะสม ลดปริมาณอาหารที่จะให้ลง 10 – 15 % หรือค่อยๆ ให้ปลากินจนอิ่ม เนื่องจากช่วงอุณหภูมิต่ำปลาจะกินอาหารได้น้อยลง ถ้าหากมีปริมาณอาหารเหลือจะสะสมตามพื้นบ่อ จะส่งผลให้น้ำเน่าเสีย เกิดก๊าซพิษ และมีผลกระทบต่อสุขภาพปลา ทั้งนี้ อาจมีการเสริมวิตามินซีในอาหารตามอัตราการใช้ที่ระบุในฉลาก จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ต้านทานโรค และลดความเครียดของปลาได้

5. หากบางวันท้องฟ้าปิด มีเมฆและหมอกปกคลุม ไม่มีแสงแดด จะมีผลให้ออกชิเจนในน้ำลดต่ำลง จึงควรเพิ่มออกซิเจนในน้ำด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ใช้เครื่องตีน้ำ เครื่องเติมอากาศ สูบน้ำพ่นให้เป็นฝอยเติมอากาศลงไปในบ่อ

6. หากน้ำในบ่อเริ่มเน่าเสีย โดยสังเกตจากก๊าซที่ผุดขึ้นมาจากพื้นบ่อ ให้ใช้เกลือสาดให้ทั่วบริเวณดังกล่าว ประมาณ 200–300 กิโลกรัมต่อบ่อขนาด 1 ไร่ เพื่อลดความเป็นพิษของก๊าซพิษ เช่น แอมโมเนีย เป็นต้น

7. หากพบว่ามีปลาที่เลี้ยงป่วยหรือมีอาการผิดปกติ ควรแยกออกไปเลี้ยงและรักษาต่างหาก กรณีป่วยหนักควรทำลายทิ้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง หรือ หากพบปลาตายในบ่อเลี้ยงให้กำจัดโดยการฝังหรือเผา

8. เมื่ออากาศเริ่มเข้าสู่สภาวะที่เหมาะสม (อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น) ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำตามความเหมาะสม และให้อาหารปลาได้ตามปกติ

ทั้งนี้ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตและดูแลสัตว์น้ำในระยะดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากพบปลาป่วยหรือมีอาการผิดปกติ สามารถแจ้งหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ โทรศัพท์ 0 5672 1477 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเพชรบูรณ์ โทรศัพท์ 0 5672 1815

ที่มา : สำนักงานประมงจังหวัดเพชรบูรณ์     แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook