บุคคลในภาพ นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ (รองอธิบดีกรมประมง)
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 15.00 น. นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง เข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบายด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งเป็นการยกระดับการบังคับใช้พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 มาตรา 27 วรรคสอง โดยมีพลเรือเอก ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะ เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นประธานการประชุม
ในที่ประชุม ได้มีการชี้แจงสถานการณ์ความตึงเครียดและความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ตลอดจนการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองของประเทศไทย พร้อมทั้งรายงานถึงพฤติกรรมของเรือสัญชาติไทยและผู้ประกอบการนำเข้า–ส่งออกไทยบางส่วน ที่มีการลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าที่เข้าข่ายเป็นยุทธปัจจัยจากประเทศไทยไปยังกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่ปรากฏตามการนำเสนอข่าวในสื่ออย่างกว้างขวาง
ดังนั้น เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย รวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เสียสละในพื้นที่แนวหน้า และเพื่อลดขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ศรชล. ในฐานะหน่วยงานบูรณาการหลักด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้ร่วมกับ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับมาตรการบังคับใช้กฎหมายทางทะเลอย่างเข้มงวดและเข้มข้น โดยเน้นการเฝ้าระวัง ป้องปราม ป้องกัน ยับยั้ง และสกัดกั้น ไม่ให้เรือสัญชาติไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้ามผ่านเส้นทางทางทะเล ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายภารกิจให้แต่ละหน่วยงานนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ในส่วนของ กรมประมง ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่ร่วมบูรณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และมีภารกิจตรวจติดตามเรือประมงครอบคลุมทั่วประเทศ ได้ยืนยันความพร้อมในการ ยกระดับการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย ตามนโยบายที่ได้รับ โดยดำเนินการผ่านกลไกสำคัญ ได้แก่
- การตรวจเรือประมงก่อนออกทำการประมงและหลังกลับเข้าเทียบท่า (PIPO)
- การตรวจเรือประมงในทะเล (Inspection at Sea)
- การติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมเรือประมงผ่านระบบติดตามเรือ (VMS)
กรมประมงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนภารกิจการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลต่อไป
#กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
#กรมประมง