นางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง มอบหมายให้นายพลพิศิลป์ สุวรรณชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการประมง ในฐานะผู้แทนประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม The 5th INFOFISH World Tilapia Trade Conference and Exhibition ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม Jubilee Prestige Hotel Ratchadapisek กรุงเทพมหานคร โดยมีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปลานิลจากทั่วทุกมุมโลก เข้าร่วมงานรวมกว่า 350 คน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปลานิลให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายพลพิศิลป์ สุวรรณชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการประมง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ว่า...ประเทศไทย โดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเจ้าภาพร่วม ได้ร่วมมือกับ INFOFISH จัดการประชุมระหว่างประเทศ The 5th International Technical Conference and Exposition on Tilapia ภายใต้แนวคิด “Enhancing Innovation and Sustainability for the Future of Tilapia Industry” หรือ “การเสริมสร้างนวัตกรรมและความยั่งยืนเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมปลานิล” โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมปลานิลโลก (World Tilapia Association), การประชุม The International Symposium on Tilapia in Aquaculture ครั้งที่ 13, องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO), มหาวิทยาลัยแอริโซนา (The University of Arizona), สภาการส่งออกถั่วเหลืองแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Soybean Export Council: USSEC) และภาคีเครือข่ายในอุตสาหกรรมปลานิลทั่วโลก การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมปลานิลระดับโลก ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความสามารถในการแข่งขัน และความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปลานิลในอนาคต
การประชุม Tilapia 2025 ในครั้งนี้ มีเนื้อหาที่สำคัญ ได้แก่ ภาพรวมของตลาดปลานิลทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคสำคัญ อาทิ เอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และยุโรป มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวโน้มการผลิตและตลาดในแต่ละภูมิภาค การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสมัยใหม่ เช่น ระบบ Bio-RAS, IMTA, และการเลี้ยงในน้ำกร่อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานของปลานิลต่อสภาพแวดล้อม การนำเสนอองค์ความรู้ด้านสุขภาพและโภชนาการของปลานิล รวมถึงการพัฒนาวัคซีน และอาหารสัตว์น้ำจากวัตถุดิบทางเลือก เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ ยังมีการหารือด้านการเพิ่มมูลค่า และขยายตลาดผลิตภัณฑ์ปลานิล การใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ในกระบวนการแปรรูป การส่งเสริมการลงทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตลอดจน การเสวนาเกี่ยวกับสวัสดิภาพของปลานิลและการรับรองมาตรฐานการผลิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับคุณภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างอนาคตที่มั่นคงให้แก่อุตสาหกรรมปลานิลของโลก
สำหรับประเทศไทย “ปลานิล” มีความหมายที่ลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวไทยอย่างยิ่ง โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพันธุ์ปลานิลจำนวน 10,000 ตัว ให้กรมประมงนำไปเพาะขยายและเผยแพร่ แก่เกษตรกรทั่วประเทศ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ “ปลานิลจิตรลดา” สายพันธุ์พระราชทานที่มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวง ต่อการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งปัจจุบัน กรมประมงยังคงสืบสานพระราชปณิธาน อันทรงคุณค่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ปลานิลไทยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งด้านการเจริญเติบโต ความแข็งแรงต้านทานโรค และคุณภาพของเนื้อปลา เพื่อรองรับความต้องการปลานิลทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างยั่งยืน
ผู้ทรงคุณวุฒิฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า...การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในครั้งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศในฐานะผู้นำด้านการเพาะเลี้ยงปลานิลที่สำคัญของโลก อีกทั้งยังเป็นเวทีที่สำคัญของประเทศต่าง ๆ ในการร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมปลานิลของโลกในอนาคต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สร้างโอกาสทางการลงทุน และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของประชาคมโลกอย่างแท้จริง โดยกรมประมง ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร รวมถึงการส่งเสริมการผลิตปลานิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมประมงไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต