จากการร้องเรียนของชาวประมงว่ากฎหมายฉบับใหม่ที่ออกมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 สร้างปัญหากับชาวประมงมากแค่ทำผิดเล็กน้อยมีโทษถึงขั้นยึดเรือ ถือเป็นการเขียนกฎหมายแบบครอบจักรวาล เพราะการทำประมงผิดกฎหมายตามหลักสากล คือ การกระทำต่อทรัพยากร แต่การยึดทรัพย์ของชาวประมง ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ชี้แจงข่าวประเด็นดังกล่าวว่าตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มีกำหนดในมาตรา 169 ที่กำหนดให้เครื่องมือทำการประมง สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เรือประมง
หรือสิ่งอื่นใด ที่ใช้ในการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้ ให้ริบเสียทั้งสิ้นนั้น..มีความรุนแรงและก่อให้เกิดผลกระทบมากต่อชาวประมงผู้ซึ่งอาจจะกระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยไม่ได้ตั้งใจหรืออาจเป็นความผิดเล็กน้อย
ดังนั้น จึงได้มีการเสนอปรับแก้ไขพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ในมาตรา 169 ซึ่งได้มีการประกาศใช้เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยปรับเปลี่ยนหลักการ ให้การริบของกลางตามกฎหมายประมง ได้แก่เรือประมง เครื่องมือทำการประมง สัตว์น้ำ จะกระทำได้เฉพาะกรณีความผิดร้ายแรงตามกำหนดไว้ในพระราชกำหนดการประมงเท่านั้น มิใช่ริบของกลางตามความผิดทั้งหมดตามที่กำหนดไว้เช่นเดิม ซึ่งทำให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น โดยไม่ทำให้มาตรการป้องกันการทำการประมงผิดกฎหมายได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ หลักกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจในการริบเรือประมงของกลาง ซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 นั้น มีหลักทั่วไป ว่าการริบเรือนั้นเป็นอำนาจศาล และกำหนดให้ริบทรัพย์สินบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยกระทำความผิดเท่านั้น จึงอยากให้ชาวประมง ผู้ซึ่งมิได้ตั้งใจที่จะกระทำความผิดนั้นมิต้องกังวลใจว่ากฎหมายจะไม่เป็นธรรม เพราะทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงพี่น้องชาวประมงทุกคนขอให้ทำประมงให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดจะดีที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรประมง...อธิบดีกรมประมง กล่าว
