รมช.อัครา นำทัพผู้บริหารกรมประมง เปิดงานวันกุ้งกระบี่ ครั้งที่ 21 “ร่วมมือ ร่วมใจ กุ้งไทย ยั่งยืน” พร้อมเสวนาและเยี่ยมชมเลี้ยงกุ้งแบบ Zero waste โดยใช้ระบบโซลาร์เซลล์ (มนัสชัยฟาร์ม 2)

 บุคคลในภาพ  นายบัญชา  สุขแก้ว (อธิบดีกรมประมง) 
 ฟังเสียงบรรยาย
 หยุดเสียงบรรยาย

นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานวันกุ้งกระบี่ ครั้งที่ 21 “ร่วมมือ ร่วมใจ กุ้งไทย ยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ณ แพลทตินั่ม ฮอลล์ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ โดยมี นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายวนัส วัตตธรรม ประธานชมรมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เกษตรกรชาวประมง ภาคประชาชน เข้าร่วม ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายการขับเคลื่อนงานที่สำคัญ 9 นโยบาย มุ่งเน้นการทำการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาชีพและยกระดับศักยภาพของเกษตรกรชาวประมง ยกระดับสินค้าประมงท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะนำไปสู่วิสัยทัศน์หลักของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อความมั่นคงทางด้านอาหาร ทั้งนี้ กรมประมงได้ขานรับนโยบายดังกล่าว มุ่งมั่นดำเนินการเพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเลในหลายด้าน ทั้งการลดต้นทุนการผลิต โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกทดแทนพลังงานไฟฟ้า การเลือกใช้อาหารที่มีระดับโปรตีนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงการเลี้ยง รวมถึงการส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์ทดแทนการใช้ยาและสารเคมีในการเลี้ยงกุ้ง เพื่อลดความเสี่ยง ความเสียหายจากการเกิดโรค และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับเกษตรกร ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ รวมถึงการส่งเสริมการส่งออกของผู้ประกอบการ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ภายในงาน รมช.เกษตรฯ ได้มอบหัวเชื้อจุลินทรีย์ (ปม.1) จำนวน 1,000 ซอง แก่ชมรมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ และมอบของที่ระลึกแก่ผู้สนับสนุนการจัดงานวันกุ้งกระบี่ ปี 2567 จากนั้น รมช.เกษตรฯ และอธิบดีกรมประมง ได้ร่วมเสวนาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 19 กลุ่ม เยี่ยมชมนิทรรศการวิชาการเกี่ยวกับเทคนิคการเพาะเลี้ยงและโรคกุ้งทะเล รวมถึงบูทแสดงสินค้า นวัตกรรมที่เกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้ง และในช่วงบ่าย รมช.เกษตรฯ พร้อมด้วยอธิบดีกรมประมง และคณะผู้บริหารกรมประมง ร่วมลงพื้นที่ “มนัสชัยฟาร์ม 2” ตั้งอยู่เลขที่ 210 หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เพื่อเยี่ยมชมฟาร์มต้นแบบประสบความสำเร็จในการนำระบบโซล่าร์เซลล์มาใช้เป็นพลังงานทดแทนภายในฟาร์มเลี้ยงกุ้งทะเล ร่วมกับการเลี้ยงแบบ Zero waste โดยนำดินเลนจากบ่อเลี้ยงกุ้งมาปลูกพืชผักสวนครัว และการใช้จุลินทรีย์ทดแทนการใช้สารเคมีระหว่างการเลี้ยง

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า มนัสชัยฟาร์ม 2 เป็นฟาร์มต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงกุ้งทะเล มีการบริหารจัดการฟาร์มอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การคัดเลือกลูกกุ้งที่มีคุณภาพจากโรงเพาะฟักหรือโรงอนุบาลลูกกุ้งที่ผ่านการตรวจโรค และมีใบรับรองการตรวจโรคของแต่ละรอบการผลิตหรือกิจกรรม Lot by lot ของกรมประมง โดยทางฟาร์มเลือกใช้กุ้งขาวแวนนาไมสายพันธุ์ทนโรค เน้นการควบคุมคุณภาพน้ำระหว่างการเลี้ยงและมีการสุ่มตรวจหาเชื้อก่อโรคในกุ้งเป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีหากมีการตรวจพบเชื้อก่อโรค นอกจากนั้นทางฟาร์มเน้นการเติมจุลินทรีย์เติมลงบ่อเลี้ยง เพื่อควบคุมปริมาณจุลินทรีย์และเชื้อก่อโรคภายในบ่อ พร้อมทั้งผสมจุลินทรีย์กับอาหารให้กุ้งกินเพื่อสร้างสมดุลในระบบลำไส้ ส่งผลให้กุ้งมีสุขภาพดี ทดแทนการใช้สารเคมีระหว่างการเลี้ยง และที่สำคัญ มนัสชัยฟาร์ม 2 ได้เลือกใช้พลังงานสะอาดระบบโซล่าร์เซลล์สำหรับเครื่องตีน้ำ โดยฟาร์มจะเปิดเครื่องตีน้ำตลอดช่วงกลางวัน และในวันที่มีแดดน้อยระบบที่ติดตั้งจะทำการดึงไฟฟ้าระบบปกติเข้ามาเสริม ซึ่งการติดตั้งระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ดังกล่าวสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ร้อยละ 30 ต่อเดือน และสามารถคืนทุนได้หมดภายในระยะเวลา 3 ปี และคาดว่าการเลี้ยงกุ้งโดยใช้ระบบโซล่าเซลล์นี้จะเป็นต้นแบบและทางเลือกให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในอนาคต

“การร่วมงานวันกุ้งกระบี่ ครั้งที่ 21 ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้าง การรับรู้องค์ความรู้ใหม่ ๆ ร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูลข่าวสาร และเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่าง ๆ ของพี่น้องคนกุ้งทั่วทุกภูมิภาค แต่ยังเป็นเวทีที่สร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกร ภาคเอกชน ภาครัฐ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อร่วมกันวางแผนการบริหารจัดการ ทั้งด้านการผลิตและการตลาด ร่วมกันแก้ไขปัญหา ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการผลิตกุ้งที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมประมงกล่าว

 

 แชร์เนื้อหา : ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook