Department of Fisheries : กิจกรรม

ร่วมงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ เมื่อวันจันทร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง ร่วมงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

# ข่าวสาร

550 อ่าน : 9 ปี

เมื่อวันจันทร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง ร่วมงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ณ มณฑลพิธีท..

เปิดการสัมมนาเพื่อรับฟังกระบวนการปฏิบัติงาน และแสดงความคิดเห็นต่อระบบการขอใบรับรองการจับสัตว์น้ำของไทย วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เวลา 9.00 น. นายเกียรติศักดิ์ โฆษิตชัยวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกรม เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อรับฟังกระบวนการปฏิบัติงาน และแสดงความคิดเห็นต่อระบบการขอใบรับรองการจับสัตว์น้ำของไทย ณ โรงแรมเซ็นทรัล เพลส จังหวัดสมุทรสาคร

# ข่าวสาร

589 อ่าน : 9 ปี

วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เวลา 9.00 น. นายเกียรติศักดิ์ โฆษิตชัยวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกรม เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อรับฟังกระบวนการปฏิบัติงาน และแสดงคว..

โครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/2559 และจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร จ.ขอนแก่น วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 นางรินรวี นครศรี เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงาน เป็นวิทยากรอบรมเกษตรกร โครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/2559 และจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร จ.ขอนแก่น หลักสูตรการเลี้ยงปลา ณ ศูนย์ ศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตร นายมงคล ราชาวงษ์ ตำบลเขาน้อย อำเภอเวียงเก่า จำนวน 50 ราย ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลาน้ำจืด การเลี้ยงสัตว์น้ำโดยใช้น้ำน้อย สาธิตการทำอาหารปลาอย่างง่าย

# ข่าวภูมิภาค

543 อ่าน : 9 ปี

วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 นางรินรวี นครศรี เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงาน เป็นวิทยากรอบรมเกษตรกร โครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกร..

ประชุมผู้บริหารกรมประมง เพื่อติดตามงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไข ในภารกิจต่าง ๆ เมื่อวันพุธที่ 4 พฤษภาคม ๒๕๕๙ นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกรมประมง เพื่อติดตามงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไข ในภารกิจต่าง ๆ ของกรมประมง ณ ห้องประชุมพะยูน กรมประมง

# ข่าวสาร

717 อ่าน : 9 ปี

เมื่อวันพุธที่ 4 พฤษภาคม ๒๕๕๙ นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกรมประมง เพื่อติดตามงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไข ในภา..

เกษตรกรประมงดีเด่นแห่งชาติ 5 สาขา เตรียมรับรางวัลโล่พระราชทานในงานพระราชพิธีพืชมงคลประจำปี 2559 ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆในสังกัดดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ที่มีผลงานดีเด่น เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ผลงานให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จักและยึดถือเป็นแบบอย่างเข้ารับพระราชทานรางวัลในวันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งถือเป็นพระราชพิธีที่มีความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจให้เกษตรกรได้เกิดความภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี ในปีนี้ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 อันเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกสำหรับในส่วนของกรมประมง มีเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ด้านประมงทั้งหมด 5 สาขา โดยแยกเป็นเกษตรกรดีเด่น 3 สาขา คือ 1) สาขาอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่ นายชนธัญ นฤเศวตานนต์ ต.ตาเนาะแมเราะอ.เบตง จ.ยะลา 2) สาขาอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย ได้แก่ นายอนุสรณ์ พงษ์พานิช ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ 3) สาขาอาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ได้แก่ นายอำนวย เตชะวรงค์สกุล ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และสถาบันเกษตรกรดีเด่นอีก 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มเกษตรกรทำประมงหรือกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชมรมปลาเชียงราย ต.สันกลาง อ.พาน จ.เชียงราย และ 2) กลุ่มเกษตรกรแปรรูปสัตว์น้ำ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปปลาบ้านห้วยบง 2 ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภูอธิบดีกรมประมงกล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติรายบุคคลต้องมีคุณสมบัติต่างๆ อาทิ เป็นเกษตรกรที่มีสัญชาติไทย มีความประพฤติดี ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียมาก่อน ประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมมีผลงานทางการเกษตรดีเด่นเป็นพิเศษ และเผยแพร่ให้แก่ส่วนรวมได้นำไปใช้ประโยชน์ สมควรแก่การยกย่องให้เป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่น ที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับพระราชทานโล่รางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติในสาขาเดียวกันมาก่อน ส่วนสถาบันเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสถาบันเกษตรกรดีเด่นต้อง/มีคุณสมบัติ...-2-มีคุณสมบัติ เป็นสถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย หรือเป็นกลุ่มที่รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง และขึ้นทะเบียนเพื่อรับการส่งเสริมและสนับสนุนจากส่วนราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี มีข้อมูลย้อนหลังให้คณะกรรมการตรวจสอบ อย่างน้อย 3 ปี หากเป็นสถาบันเกษตรกรที่เคยได้รับพระราชทานโล่รางวัลดีเด่นแห่งชาติมาแล้ว จะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาใหม่ส่วนเกณฑ์การให้คะแนนคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น และสถาบันเกษตรกรดีเด่น จะพิจารณาแตกต่างกันในแต่ละด้าน กล่าวคือ เกณฑ์การให้คะแนนการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นพิจารณาให้คะแนนใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ความคิดริเริ่มและความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคในการสร้างผลงาน 2) ผลงานและความสำเร็จของผลงานทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนระยะเวลาที่ปฏิบัติงานและความยั่งยืนในอาชีพ 3) ความเป็นผู้นำและการเสียสละ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมในด้านต่างๆ และ4) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับสถาบันเกษตรกรดีเด่น พิจารณาให้คะแนนใน 5 ด้าน ดังนี้ 1) มีความคิดริเริ่ม 2) มีความสามารถในการบริหารและจัดการสถาบัน 3) บทบาทและการมีส่วนร่วมของสมาชิกต่อสถาบัน 4) ความมั่นคงและฐานะทางเศรษฐกิจของสถาบัน และ5) การทำกิจกรรมด้านสาธารณประโยชน์ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งนี้เกษตรกรและผู้แทนสถาบันเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติด้านประมงทั้งหมดจะได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธี พืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2559 ณ พลับพลาที่ประทับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 นี้ ๏

# ข่าวประชาสัมพันธ์

1,548 อ่าน : 9 ปี

ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆในสังกัดดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร สถาบั..

กรมประมง...รณรงค์ ฤดูน้ำแดงปี 59 ประกาศ! ห้ามจับสัตว์น้ำจืดในช่วงวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนทั่วประเทศ ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า สัตว์น้ำจืดของประเทศไทย เป็นทรัพยากรของแผ่นดินที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นความมั่นคงด้านอาหารที่หล่อเลี้ยงประชาชนในประเทศ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อการยังชีพ และสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ทรัพยากรสัตว์น้ำสามารถฟื้นตัวเกิดขึ้นใหม่ทดแทนและดำรงอยู่อย่างยั่งยืนได้ หากเรารู้จักการใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและเหมาะสม ในทางตรงกันข้ามหากมีการนำมาใช้เกินสมดุลกำลังผลิตของธรรมชาติ ก็จะเป็นสาเหตุให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลงจนเกิดการสูญพันธุ์ได้ในที่สุด ดังนั้นกรมประมงจึงได้ผลิตพันธุ์สัตว์น้ำ และปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ เป็นจำนวนมากเพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ ควบคู่กับการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ด้วยการควบคุมเครื่องมือทำการประมงที่มีประสิทธิภาพบางชนิด เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ในช่วงฤดูปลาวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน และเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำให้เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืนกรมประมง มีนโยบายชัดเจนและให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์น้ำ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการศึกษาวิจัย ติดตามสภาวะทรัพยากรประมง เพื่อกำหนดมาตรการทางกฎหมาย ตรวจตราควบคุมเฝ้าระวัง คุ้มครองดูแลรักษาและป้องกันสัตว์น้ำในธรรมชาติ เพื่อการทำการประมงที่เหมาะสม มาตรการที่สำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงดังกล่าว คือการประกาศและกำหนดช่วงเวลา หรือพื้นที่ท้องที่จังหวัด โดยการห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงที่มีประสิทธิภาพสูงจับสัตว์น้ำจืดที่มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ครอบคลุมแหล่งน้ำจืดของประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ออกประกาศกำหนดเพื่อใช้เป็นมาตรการด้านการสงวนคุ้มครอง และอนุรักษ์พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดในฤดูที่กำลังมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ให้มีโอกาสแพร่ขยายพันธุ์ เพื่อเกิดผลผลิตสัตว์น้ำของแหล่งน้ำในปีต่อๆ ไปกรมประมงจึงขอประกาศปิดฤดูการทำประมงในเขตน้ำจืด ในระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม - 15 กันยายน 2559 พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้น 10 จังหวัด ที่มีประกาศปิดฤดูการทำประมงในเขตน้ำจืดเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ดังนี้1. จังหวัดพังงา ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 25592. จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 25593. จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 25594. จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 25595. จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 25596. จังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 15 ตุลาคม 25597. จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 15 ตุลาคม 25598. จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 15 ตุลาคม 25599. จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 255910. จังหวัดพัทลุง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2559 – 31 มกราคม 2560โดยห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงด้วยเครื่องมือทำการประมง หรือด้วยวิธีใดๆ ในที่จับสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ยกเว้นเครื่องมือที่อนุญาตให้ทำการประมงได้ เป็นเครื่องมือบางชนิดที่ไม่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างรุนแรงตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้1. เบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว2. ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และขนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้าง ไม่เกิน 2 เมตร โดยห้ามไม่ให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาหน้าตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป3. ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง 4. การทำประมงในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือการทำการประมงเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ หรือรวบรวมลูกสัตว์น้ำหรือสัตว์น้ำวัยอ่อนเพื่อวัตถุประสงค์ในการเพาะเลี้ยง ซึ่งต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีกรมประมงให้อนุญาตเท่านั้น บทกำหนดโทษ หากผู้ใดฝ่าฝืนตามประกาศฯ ยังมีผลบังคับใช้ในบทเฉพาะกาลมาตรา 171 ประกอบมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ปรับตั้งแต่ห้าพันถึงห้าหมื่นบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงโดยในปีนี้กรมประมง ได้กำหนดจัดงานวันคุ้มครองปลาน้ำจืดมีไข่ “ฤดูน้ำแดง” ประจำปี2559 ในวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2559 ณ บริเวณท่าชัยยุทธ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอธิบดีกรมประมงได้กล่าวตอนท้ายว่า....กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือจากพี่น้องที่มีอาชีพจับสัตว์น้ำ และประชาชนทั่วไป ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ และร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกการทำประมงอย่างถูกวิธี ไม่ทำลายสัตว์น้ำ ด้วยการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ไม่จับปลาในฤดูที่ปลาน้ำจืดมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน พร้อมกันนี้กรมประมงขอความร่วมมือ ให้ประชาชน ชุมชนท้องถิ่น ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และสร้างจิตสำนึกเพื่อหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำ ในท้องถิ่นตนเอง ผ่านการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรประมง และกลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่กรมประมง ในการสอดส่องดูแลและแจ้งเบาะแสการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เปิดโอกาสให้ฤดูกาลที่สัตว์น้ำจืดกำลังมีไข่ ได้วางไข่และแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนทรัพยากรสัตว์น้ำจืด เพื่อใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและยั่งยืนสืบต่อไป

# ข่าวประชาสัมพันธ์

6,009 อ่าน : 9 ปี

ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า สัตว์น้ำจืดของประเทศไทย เป็นทรัพยากรของแผ่นดินที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน เป็นแห..

การประชุมการจดทะเบียนเรือขนถ่ายและท่าเทียบเรือ วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.30 น.ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมการจดทะเบียนเรือขนถ่ายและท่าเทียบเรือ ผ่านระบบประชุมทางไกล(conference)พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับ 22 จังหวัดชายทะเลณ ห้องประชุมยี่สก กรมประมง

# ข่าวสาร

608 อ่าน : 9 ปี

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.30 น.ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมการจดทะเบียนเรือขนถ่ายและท่าเทียบเรือ ผ่านระบบประชุ..

New Royal Ordinance on Fisheries for betterment of Thailands fishery management The world, now, takes the view that IUU fishing is a problem tied in with labor/human trafficking. With the purpose of eliminating IUU fishing and other illegal fishing activities, the new law imposes severe punishment. As a result, those people concerned with fishing operation and downstream industry should pay attention to and study the law deliberately. The Royal Ordinance on Fisheries B.E. 2558 (2015) has been enacted and has entered into force since November 14, 2015. The law aims to reorganize fisheries in Thailand in compliance with international measures and regulations on combating Illegal, Unreported and Unregulated (IUU) Fishing. Upon the capacity of the new law, apart from controlling fishing vessels, it encompasses the downstream industry. This is in accordance with the Government policy against IUU Fishing and labor/human trafficking in fishery sector. Details of this new law are as follows: Section 11. A factory operator under the law on factories who engages in a business relating to aquatic animals is prohibited from employing a person in violation of the law on labour protection or an alien who does not hold a licence under the law on working of aliens. In the case where a competent official finds a violation under paragraph one, if the number of persons employed unlawfully found at the factory is not more than five, the competent official shall forthwith report to the Director - General, and the Director - General shall order the suspension of the factory operations for a period of ten to thirty days. In the case where a competent official finds a violation under paragraph one, if the number of persons employed unlawfully found at the factory is more than five, the competent official shall forthwith report to the Director - General, and the Director - General shall notify the Permanent Secretary of the Ministry of Industry to order the closure of the factory pursuant to the law on factories. In the case where the competent official finds that a factory operator whose license has been suspended under paragraph two has committed another violation under paragraph one within a period of three years as from the order of suspension, the competent official shall forthwith report to the Director - General, and the Director - General shall notify the Permanent Secretary of the Ministry of Industry who shall order the closure of the factory pursuant to the law on factories. A factory operator who has received a factory closure order under paragraph three or paragraph four shall be prohibited from operating a factory to engage in a business relating to aquatic animals and the licensor under the law on factories shall not issue a license for the operation of a business relating to aquatic animals to such person. An order of factory closure under this section shall have the effect of license revocation for Category 3 factories under the law on factories. Section 82. Prior to proceeding with the port-out procedure pursuant to section 81, the owner or the master of a fishing vessel shall submit documents related to vessel registration, the vessel use permit, the fishing licence, details of the number and a list of outgoing seamen on board, evidence of authorisation, license and permit under section 83, as well as evidence related to the provision of appropriate systems for ensuring occupational safety, hygiene and wellbeing of seamen as prescribed in the Ministerial Regulation to the competent official at the Port In ?Port Out Controlling Centre in accordance with the rules and procedures prescribed by the Director - General. In the case where the owner or the master of a fishing vessel fails to submit the documents and evidence pursuant to paragraph one, or the provision of a system for ensuring occupational safety, hygiene and wellbeing of seamen does not comply with the requirements stated in the Ministerial Regulation, the competent official shall order the detention of the fishing vessel at the fishing port or order the return of the fishing vessel to the fishing port. Section 83. A seaman must hold a seaman document issued under the law on navigation in Thai waters. In the case of a seaman who is not a Thai national, a permit to remain in the Kingdom under the law on immigration and a work license under the law on working of aliens must also be obtained. For the purposes of administrative facilitation, the Director - General shall have the same powers as the Harbour Master under the law on navigation in Thai waters, with respect to the issuance of seaman documents, the Commissioner General of the Royal Thai Police under the law on immigration, with respect to the issuance of a permit for temporary stay in the kingdom for aliens working on fishing vessels, and the Registrar under the law on working of aliens, with respect to the licensing of aliens working on fishing vessels which engage in fishing operations at sea. When granting a permit or license under paragraph three, the Director - General must comply with rules, procedures and conditions prescribed by the Council of Ministers. Upon issuance of a permit or license, the Marine Department, Royal Thai Police and Department of Employment must be notified accordingly. The foregoing provisions, however, do not prejudice the rights of a seaman to apply for a seaman document under the law on navigation in Thai waters or to apply for a permit or license under the law on immigration and law on working of aliens. The Director - General shall have the power to issue a seaman document and evidence of licensing or permission to a seaman in accordance with the form prescribed by Notification of the Director - General. The seaman shall keep such evidence with himself/herself or at a safe place in the fishing vessel in which he/she is stationed. The seaman document, permit or license issued under paragraph two shall only be valid for working on board the fishing vessel specified in the evidence document, in the vicinity of the fishing port, and only during the period specified therein. Pursuant to Section 124, any person who violates Section 11 paragraph one shall be subject to a fine of 400,000 baht to 800,000 baht per each unlawfully employed person. Any person who operates a factory in violation of section 11 paragraph two, paragraph three or paragraph four shall be liable to a term of imprisonment not exceeding two years or to a fine of 200,000 baht or 2,000,000 baht, or both, and a daily fine of 100,000 - 500,000 baht per day for the entire duration of the violation. Under Section 153, the owner of any fishing vessel making use of a seaman without a license or permit pursuant to Section 83 shall be subject to a fine of between 400,000 baht per seaman, and the Director - General shall order the revocation of the owners fishing license. The Director - General of the Marine Department shall also revoke the seaman document of the master of the vessel pursuant to the law on navigation in Thai waters. Upon severe punishment and higher fine imposed by the new law, it will bring about deterrence and elimination of labor/human trafficking in fishery sector. The Government, thus; has executed the law strictly in order to achieve the objectives of the law and contribute the sustainability of the Thai fishery sector.

# ข่าวภาคภาษาต่างประเทศ

985 อ่าน : 9 ปี

The world, now, takes the view that IUU fishing is a problem tied in with labor/human trafficking. With the purpose of eliminating IUU fishing and ..

โครงการโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขฯ และโครงการคลินิเกษตรเคลื่อนที่ฯ วันที่ 4 พฤษภาคม 2559 นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในโครงการโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขฯ และโครงการคลินิเกษตรเคลื่อนที่ฯ ณ บริเวณวัดหนองตะเฆ่ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โดยมีส่วนราชการในจังหวัดสระบุรี, นายนิมิตร เกษตสุวรรณ ประมงอำเภอหนองแค พร้อมด้วยนางสาวพวงทอง วันมงคล นักวิชาการประมงปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสระบุรี และเจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ร่วมโครงการโดยการออกบูธให้บริการ/คำปรึกษาด้านประมง และมอบพันธุ์ปลาจำนวน 100 ถุง ภายใต้

# ข่าวภูมิภาค

521 อ่าน : 9 ปี

วันที่ 4 พฤษภาคม 2559 นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในโครงการโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขฯ และโครงการคลินิเกษตรเคล..

ขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ประกอบกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงหรือกุ้งเครย์ฟิช ขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ประกอบกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงหรือกุ้งเครย์ฟิช มาแจ้งข้อมูลการประกอบกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม ตามประกาศกรมประมง ลงวันที่ 25 เมษายน 2559

# ข่าวประชาสัมพันธ์

9,313 อ่าน : 9 ปี

ขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ประกอบกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงหรือกุ้งเครย์ฟิช มาแจ้งข้อมูลการประกอบกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม ตามประกาศกรมประมง..