ข่าวกรมประมง

ร่วมพบปะพูดคุยกับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเพื่อรับฟังสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งในปัจจุบัน ตลอดจนเยี่ยมชมโครงการวิจัยต้นแบบโลจิสติกส์ในการขนส่งกุ้งก้ามกราม(Macrobrachim roesenbergii)  วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น. ณ ประกอบฟาร์ม ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนายอนันต์ สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี ร่วมพบปะพูดคุยกับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเพื่อรับฟังสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งในปัจจุบัน ตลอดจนเยี่ยมชมโครงการวิจัยต้นแบบโลจิสติกส์ในการขนส่งกุ้งก้ามกราม(Macrobrachim roesenbergii) มีชีวิตแบบไม่ใช้น้ำสำหรับสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้ง โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุบล ชื่นสำราญ และคณะ จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดยโครงการฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ววน.) และงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาพื้นที่ (บพท.) หลังได้ทำการวิจัยออกแบบเครื่องลดอุณหภูมิน้ำเพื่อทำให้กุ้งสลบเพื่อขนส่งแบบมีชีวิตโดยไม่ใช้น้ำ โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 500 ก.ก./รอบ ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวดำเนินการใกล้แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้วและมีกำหนดจะทดสอบระบบพร้อมเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการขนส่งกุ้งก้ามกรามที่สนใจ #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  

 136 อ่าน : 2 ปี

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น. ณ ประกอบฟาร์ม ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี

นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง พร้อ.. 

นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมหารือและมีการนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งตามแนวอ่าวไทย   วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมอินทรี ชั้น 4 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมหารือและมีการนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งตามแนวอ่าวไทย โดย?มี ผศ. ดร.พงษ์ศักดิ์ สุทธินนท์ ภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เป็นผู้นำเสนอความก้าวหน้าเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการประเมินผลกระทบกิจกรรมการประมงจากอุทกภัยโดยภาพถ่ายดาวเทียม? เพื่อใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมงต่อไป #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 143 อ่าน : 2 ปี

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมอินทรี ชั้น 4 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง

นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เป็.. 

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาประมงไทย  วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.30 น. ณ ห้องประชุมทูน่า ชั้น 6 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาประมงไทย ร่วมกับ นายพัฒนพงศ์ ชูแสง ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ นายอำนวย คงพรหม ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล นายเดชา ปรัชญารัตน์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมได้มีการหารือและเตรียมความพร้อมข้อมูลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาประมงไทย เพื่อรายงานต่อคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ และเยียวยาความเดือดร้อนให้กับชาวประมง ตลอดจนรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้ #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 102 อ่าน : 2 ปี

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.30 น. ณ ห้องประชุมทูน่า ชั้น 6 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธ.. 

โครงการประกวดภาพถ่ายวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2566  การประกวดภาพวิทยาศาสตร์ Image of Science "วิจิตร วิจัย" *****ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2566***** การศึกษา วิจัย หรือทำงานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีวิถีการปฎิบัติที่เป็นระเบียบแบบแผน นำมาซึ่งผลลัพท์ที่เชื่อถือได้ เป็นที่ยอมรับทั้งในแวดวงวิทยาศาสตร์ และเป็นประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงนั้น เปี่ยมไปด้วยความรู้ จินตนาการและความมุ่งมั่นพยายามของผู้ปฏิบัติไม่น้อยไปกว่าการทำงานในด้านอื่น ๆ ซึ่งมีคุณค่า มีความวิจิตรงดงามที่่น้อยคนจะได้สัมผัส โดยรูปภาพถือเป็นสื่อแบบหนึ่ง ที่นอกจากจะใช้แสดงแบบจำลอง แสดงข้อมูลหรือใช้เป็นหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์แล้ว ยังถูกใช้สะท้อนความทรงจำ ความประทับใจ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงานทางด้านวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย อพวช. ขอเชิญชวนนักวิทย์ นักคิด นักวิจัยมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว ความประทับใจ ความงดงามที่เกิดขึ้นในงานทางด้านวิทยาศาสตร์เหล่านั้น ให้สังคมได้รับรู้ ได้สัมผัสความวิจิตรของงานวิจัยไปด้วยกัน โดยการส่งภาพพร้อมคำบรรยายถึงความงามและความสำคัญของภาพนั้น ผู้สนใจเข้าร่วมส่งผลงานโปรดเตรียมข้อมูล 4 ส่วนหลัก คือ ภาพ ชื่อภาพ คำบรรยายประกอบภาพ และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เทคโนโลยี หรือเทคนิคที่ใช้สร้างภาพ ประเภทที่เปิด ผลงานยอดเยี่ยม และผลงานยอดนิยม  ระยะเวลาส่งผลงาน วันนี้ ถึง 31 มี.ค. 2566 (เวลา 23.59 น.) ระยะเวลาโหวตผลงานประเภทยอดนิยม 1 - 15 เม.ย. 2566 (เวลา 23.59 น.) ศึกษารายละเอียดและส่งผลงานได้ที่ลิงก์ Image of Science "วิจิตร วิจัย" - SCIENCE IS OUT THERE #วิทย์ติดเลนส์ (nsm.or.th)   ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการฯ การประกวดในปี 2566 แบ่งออกเป็น 2 ครั้ง ครั้งที่ 1: Image of Science "วิจิตร วิจัย" (กำลังเปิดรับผลงาน) ครั้งที่ 2: Science is out there หัวข้อ (รอประกาศ) รุ่นการแข่งขัน 1. รุ่นประชาชนทั่วไป 2. เยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี (หมายเหตุ: ในการประกวดรอบที่ 1: Image of Science "วิจิตร วิจัย" ไม่มีการแบ่งรุ่น/อายุ) ประเภทการประกวด 1.ประเภทยอดเยี่ยม พิจารณาจากความสวยงามของภาพ ความถูกต้องของเนื้อหา การบรรยายสอดคล้องกับภาพ  และเป็นวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน คณะกรรมการผู้พิจารณาคือผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ของ อพวช. 2.ประเภทยอดนิยม พิจารณาจากคะแนนโหวตรูปภาพจากฟอร์มโหวตเป็นหลัก ความสวยงามของภาพความถูกต้องของเนื้อหา การบรรยายสอดคล้องกับภาพ และเป็นวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน คณะกรรมการผู้พิจารณาคือผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ของ อพวช. รอบ     เปิดรับผลงาน หัวข้อ หมดเขต ส่งผลงาน       ประกาศผล 1 ม.ค. - มี.ค. 2566       Image of Sciece "วิจิตร วิจัย"  (ภาพจากการทำงานทางด้านวิทยาศาสตร์)        31 มี.ค. 2566        ภายใน 20 เม.ย. 2566       2 พ.ค. - ก.ค. 2566 Science is out there หัวข้อ (รอประกาศ) 31 ก.ค. 2566   ภายใน 20 ส.ค. 2566 **หัวข้อและวันที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบในเว็บไซต์ http://contest.nsm.or.th/**   รางวัลสำหรับการประกวด ครั้งที่ 1: Image of Science "วิจิตร วิจัย" (ไม่มีการแบ่งรุ่น/อายุ) ประเภทการประกวด ทุนการศึกษา จำนวน ภาพถ่ายยอดเยี่ยม ชนะเลิศ 10,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร                          รองชนะเลิศอันดับ 1                    8,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 2 6,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   ชมเชย (ถ้ามี) 2,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร ภาพถ่ายยอดนิยม ชนะเลิศ 3,000  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 1 2,500  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 2 2,000  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร       รางวัลสำหรับการประกวด ครั้งที่ 2: Science is out there หัวข้อ (รอประกาศ)    (รุ่นประชาชนทั่วไป) ประเภทการประกวด ทุนการศึกษา จำนวน ภาพถ่ายยอดเยี่ยม                               ชนะเลิศ 10,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 1                     8,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 2 6,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   ชมเชย (ถ้ามี) 2,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร ภาพถ่ายยอดนิยม ชนะเลิศ 3,000  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 1 2,500  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 2 2,000  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รางวัลสำหรับการประกวด ครั้งที่ 2: Science is out there หัวข้อ (รอประกาศ)  (รุ่นเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี) ประเภทการประกวด ทุนการศึกษา จำนวน ภาพถ่ายยอดเยี่ยม                              ชนะเลิศ 6,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 1                    4,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 2 2,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   ชมเชย (ถ้ามี) 1,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร ภาพถ่ายยอดนิยม ชนะเลิศ 2,000  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 1 1,500  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รองชนะเลิศอันดับ 2 1,000  บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร   รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ  กองสื่อสารวิทยาศาสตร์ ศูนย์พัฒนาความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ คลองห้า ปทุมธานี โทร 0 2577 9999 ต่อ 1472  E-mail nsmphotocontest@nsm.or.th www.nsm.or.th/contest และ www.facebook.com/NSMthailand      

 454 อ่าน : 2 ปี

การประกวดภาพวิทยาศาสตร์ Image of Science "วิจิตร วิจัย"

*****ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2566*.. 

ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านประมงในต่างประเทศ   เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนายธนาวุฒิ กุลจิตติชนก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม นายสุธรรม ลิ่มพานิช ผู้อำนวยการกองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ และเจ้าหน้าที่กรมประมง ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านประมงในต่างประเทศ ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานความช่วยเหลือแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ โรงเรียนสามัญกินนอนชนเผ่าแขวงคำม่วน บ้านโพนสูง เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน เพื่อสำรวจความพร้อมในการดำเนินงานกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำในโรงเรียน จากการเข้าพื้นที่และหารือร่วมกับนายเมืองมา นามทะนนสี ผู้อํานวยการโรงเรียน และคณะครู พบว่า ปัจจุบันบ่อดินสำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำของโรงเรียน มีจำนวน 3 บ่อ ปัจจุบันประสบปัญหาน้ำแห้ง เนื่องจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ให้การสนับสนุนการขุดลอกบ่อเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ทำให้ดินพื้นบ่อไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ นอกจากนี้ โรงเรียนมีบ่อคอนกรีต จำนวน 3 บ่อ พบบ่อมีสภาพรั่วซึม ไม่สามารถเก็บน้ำได้ จำนวน 2 บ่อ และสามารถใช้เลี้ยงสัตว์น้ำได้จำนวน 1 บ่อ ทั้งนี้ คณะได้ให้คำแนะนำในการเก็บน้ำในบ่อดินโดยการปรับหน้าดิน และการปรับปรุงซ่อมแซมบ่อคอนกรีตเพื่อให้สามารถเลี้ยงสัตว์น้ำได้ สำหรับกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำในโรงเรียนจะต้องปรับแผนการสนับสนุน โดยเน้นการสนับสนุนการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ใช้น้ำน้อย เช่น กบในกระชังบก การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก หรือบ่อคอนกรีต โดยกรมประมงจะดำเนินการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำ อาหารสัตว์น้ำ และวัสดุการเกษตรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากบ่อดินสามารถเก็บน้ำได้จะดำเนินการสนับสนุนพันธุ์ปลากินพืช เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารโปรตีนประเภทปลา และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการประมงของโรงเรียนและชุมชนต่อไป จากนั้นได้เดินทางไปยังศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม-ป่าไม้หนองเต่า บ้านโพนสิม เมืองไกรสอนพรหมวิหาร แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านกสิกรรมให้แก่ประชาชนลาวในแขวงสะหวันนะเขตและแขวงใกล้เคียง โดยเข้ารับฟังการบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกับนายสุลีพอน พิมมะจัก ผู้อำนวยการโครงการศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม-ป่าไม้ แขวงสะหวันนะเขต (หนองเต่า) ฝ่ายลาว เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของโครงการในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้ง แนวทางการดำเนินงานในอนาคต โอกาสนี้ ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของหน่วยงานวิชาการประมง (การเลี้ยงปลา) และร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำภายในศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำต่อไป #นายมานพหนูสอนรองอธิบดีกรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ #กรมประมง เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนายธนาวุฒิ กุลจิตติชนก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม นายสุธรรม ลิ่มพานิช ผู้อำนวยการกองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ และเจ้าหน้าที่กรมประมง ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านประมงในต่างประเทศ ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานความช่วยเหลือแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ โรงเรียนสามัญกินนอนชนเผ่าแขวงคำม่วน บ้านโพนสูง เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน เพื่อสำรวจความพร้อมในการดำเนินงานกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำในโรงเรียน จากการเข้าพื้นที่และหารือร่วมกับนายเมืองมา นามทะนนสี ผู้อํานวยการโรงเรียน และคณะครู พบว่า ปัจจุบันบ่อดินสำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำของโรงเรียน มีจำนวน 3 บ่อ ปัจจุบันประสบปัญหาน้ำแห้ง เนื่องจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ให้การสนับสนุนการขุดลอกบ่อเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ทำให้ดินพื้นบ่อไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ นอกจากนี้ โรงเรียนมีบ่อคอนกรีต จำนวน 3 บ่อ พบบ่อมีสภาพรั่วซึม ไม่สามารถเก็บน้ำได้ จำนวน 2 บ่อ และสามารถใช้เลี้ยงสัตว์น้ำได้จำนวน 1 บ่อ ทั้งนี้ คณะได้ให้คำแนะนำในการเก็บน้ำในบ่อดินโดยการปรับหน้าดิน และการปรับปรุงซ่อมแซมบ่อคอนกรีตเพื่อให้สามารถเลี้ยงสัตว์น้ำได้ สำหรับกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำในโรงเรียนจะต้องปรับแผนการสนับสนุน โดยเน้นการสนับสนุนการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ใช้น้ำน้อย เช่น กบในกระชังบก การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก หรือบ่อคอนกรีต โดยกรมประมงจะดำเนินการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำ อาหารสัตว์น้ำ และวัสดุการเกษตรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากบ่อดินสามารถเก็บน้ำได้จะดำเนินการสนับสนุนพันธุ์ปลากินพืช เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารโปรตีนประเภทปลา และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการประมงของโรงเรียนและชุมชนต่อไป จากนั้นได้เดินทางไปยังศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม-ป่าไม้หนองเต่า บ้านโพนสิม เมืองไกรสอนพรหมวิหาร แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านกสิกรรมให้แก่ประชาชนลาวในแขวงสะหวันนะเขตและแขวงใกล้เคียง โดยเข้ารับฟังการบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกับนายสุลีพอน พิมมะจัก ผู้อำนวยการโครงการศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม-ป่าไม้ แขวงสะหวันนะเขต (หนองเต่า) ฝ่ายลาว เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของโครงการในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้ง แนวทางการดำเนินงานในอนาคต โอกาสนี้ ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของหน่วยงานวิชาการประมง (การเลี้ยงปลา) และร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำภายในศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำต่อไป #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ #กรมประมง  

 161 อ่าน : 2 ปี

เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนายธนาวุฒิ กุลจิตติชนก หั.. 

ลงพื้นที่จรรยวรรธน์ฟาร์ม อ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อพบปะพูดคุยกับเกษตรกรถึงการดำเนินงานของการจัดทำฟาร์มต้นแบบการใช้อาหารและการจัดการอาหารที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิต ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (แปลงใหญ่ปลาสลิด) จังหวัดราชบุรี ซึ่งเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อปี 2564 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างดำเนินโครงการฯ ปีที่ 3   เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 14.30 น.? ณ จรรยวรรธน์ฟาร์ม อ.บางแพ จ.ราชบุรี นายประพันธ์? ลีปายะคุณ? รองอธิบดีกรมประมง? พร้อมด้วย นายประวิทย์ ขำร้าย ผู้ตรวจราชการกรม นายอนันต์ สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี ดร. ลัดดาวัลย์ ครองพงษ์ ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี นายรัฐภัทร์ ประดิษสรรพ์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และคณะ ลงพื้นที่จรรยวรรธน์ฟาร์ม อ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อพบปะพูดคุยกับเกษตรกรถึงการดำเนินงานของการจัดทำฟาร์มต้นแบบการใช้อาหารและการจัดการอาหารที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิต ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (แปลงใหญ่ปลาสลิด) จังหวัดราชบุรี ซึ่งเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อปี 2564 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างดำเนินโครงการฯ ปีที่ 3 พร้อมทั้งได้ติดตามผลการดำเนินงานของกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ ที่ได้เข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการลดต้นทุนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้วยการใช้สารคลุกเคลือบเสริมความแข็งแรง เพื่อเสริมความแข็งแรงร่วมกับการทำฟางหมักเพื่อเพิ่มอาหารธรรมชาติในการเพาะเลี้ยงปลาสลิด จากการสอบถามนายอุไร ทิพย์สัน เกษตรกรภายใต้โครงการฯ ที่ได้ทดลองใช้สารเสริมภูมิต้านทานคลุกเคลือบอาหารร่วมกับการทำฟางหมัก พบว่าปลาสลิดมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ ปราดเปรียว เพศผู้และเพศเมียมีขนาดใกล้เคียงกัน ไม่พบการลอยตายเมื่อสภาพอากาศหรือสภาพน้ำมีการเปลี่ยนแปลง อัตราการรอดตายเพิ่มมากขึ้นเป็นที่พึงพอใจของเกษตรกร #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 167 อ่าน : 2 ปี

เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 14.30 น.? ณ จรรยวรรธน์ฟาร์ม อ.บางแพ จ.ราชบุรี

นายประพันธ์? ลีปายะคุณ? รองอธิบดีกรมประมง? พ.. 

ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินด้านการส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกรของกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี  วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 13.00 น.? ณ ศุวิมิตรฟาร์ม อ.บางแพ จ.ราชบุรี นายประพันธ์? ลีปายะคุณ? รองอธิบดีกรมประมง? พร้อมด้วยนายประวิทย์ ขำร้าย ผู้ตรวจราชการกรม นายอนันต์ สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี ดร. ลัดดาวัลย์ ครองพงษ์ ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี นายรัฐภัทร์ ประดิษฐ์สรรพ์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และคณะฯ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามของศุวิมิตรฟาร์ม เพื่อพบปะพูดคุยกับนายศิริชัย เคนลา เจ้าของศุวิมิตรฟาร์ม และติดตามความก้าวหน้าการดำเนินด้านการส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกรของกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี ดังนี้ การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่มีการใช้สารคลุกเคลือบอาหารเสริมคุณภาพสัตว์น้ำของกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ ที่มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแรง ทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงในการเลี้ยงส่งผลให้กุ้งก้ามกรามมีอัตราการรอดตายมากยิ่งขึ้น ลักษณะลำตัวใสสะอาด และกุ้งมีความแข็งแรง การผลิตกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่(พรีเมียม) ภายใต้ BCG Model ซึ่งทางกรมประมงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)ในการดำเนินโครงการวิจัยการพัฒนาระบบการเพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่(พรีเมียม) เพื่อเพิ่มมูลค่าและเสริมสร้างศักยภาพการส่งออก โดยมุ่งหวังสร้างให้เกิดต้นแบบการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่ (พรีเมียม) เพื่อการขับเคลื่อนBCG Model ไปสู่การใช้ประโยชน์ในภาคเกษตรกรอย่างยั่งยืน #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 151 อ่าน : 2 ปี

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 13.00 น.? ณ ศุวิมิตรฟาร์ม อ.บางแพ จ.ราชบุรี

นายประพันธ์? ลีปายะคุณ? รองอธิบดีกรมประมง? พร้อมด้ว.. 

ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (ปลาสวยงาม) จังหวัดราชบุรี  วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น.? ณ รุ่งมณีชาฟาร์ม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายประพันธ์? ลีปายะคุณ? รองอธิบดีกรมประมง? พร้อมด้วย นายประวิทย์ ขำร้าย ผู้ตรวจราชการกรมประมง นายอนันต์ สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี ดร. ลัดดาวัลย์ ครองพงษ์ ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี นายรัฐภัทร์ ประดิษฐ์สรรพ์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดและคณะ ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (ปลาสวยงาม) จังหวัดราชบุรี จากข้อมูลของสำนักงานประมงจังหวัดราชบุรี พบว่า โครงการฯ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 - 2565 มีสมาชิกรวม 37 ราย โดยกรมประมงได้ดำเนินการตามแผนการพัฒนารายแปลงเพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการซื้อปัจจัยการผลิตและจำหน่ายผลผลิตด้วยการผลิตสัตว์น้ำสวยงามที่ได้มาตรฐานผการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี นอกจากนี้ ได้ติดตามผลการดำเนินงานของกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ ที่ได้เข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการลดต้นทุนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้วยการทำอาหารไข่ตุ๋นสำเร็จรูปสำหรับปลาสวยงาม ซึ่งสูตรอาหารดังกล่าวนอกจากจะเสริมสร้างโปรตีนและพลังงานที่ครบถ้วนแล้ว ยังมีความคงตัวในน้ำสูง ช่วยให้น้ำไม่เน่าเสียง่าย และแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารมีชีวิตรวมถึงการปนเปื้อนของเชื้อโรคที่มากับอาหารมีชีวิต ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่ออัตราการรอดตายของสัตว์น้ำ โดยเกษตรกรสามารถทำได้เองจากเครื่องมือและอุปกรณ์ในครัวเรือน ซึ่งสูตรอาหารดังกล่าวได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกร นอกจากการใช้อาหารไข่ตุ๋นฯ แล้ว กรมประมงยังได้ถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้สารคลุกเคลือบอาหารเสริมคุณภาพสัตว์น้ำในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเสริมความแข็งแรง เพิ่มสีสัน และความแวววาวของเกล็ดปลา จากการสอบถามนายกำพล สร้อยแสง เจ้าของรุ่งมณีชาฟาร์ม ฟาร์มเลี้ยงปลาทองต้นแบบในการใช้อาหารสัตว์น้ำสวยงามที่พัฒนาสูตรโดยกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมแบบแปลงใหญ่ (แปลงใหญ่ปลาสวยงาม) ทราบว่าทางฟาร์มได้ทดลองใช้อาหารไข่ตุ๋นสำเร็จรูปและสูตรสารคลุกเคลือบอาหารเสริมคุณภาพสัตว์น้ำในการเพาะเลี้ยงปลาทองในบ่อทดลองอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ปี พบว่า ปลาทองมีการยอมรับอาหารได้ดี มีสุขภาพแข็งแรง สีขึ้นเร็ว เกล็ดแวววาว และที่สำคัญช่วยลดปัญหาน้ำเน่าเสียในบ่อส่งผลให้ปลาทองมีอัตราการรอดตายเพิ่มมากขึ้นเป็นที่พึงพอใจของเกษตรกร #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 189 อ่าน : 2 ปี

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น.? ณ รุ่งมณีชาฟาร์ม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

นายประพันธ์? ลีปายะคุณ? รองอธิบดีกรมประมง? พร้อ.. 

กรมประมงปล่อย “ปลายี่สกไทย” คืนถิ่นราชบุรี หลังพบน้อยลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ย้ำนโยบายชัดเจน… “สัตว์น้ำประจำจังหวัด ต้องคงอยู่ในถิ่นกำเนิด”  วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น. นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วย นายอนันต์ สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี นายปกรณ์ วงศ์มโนพณิช ผู้ใหญ่บ้านหัวทุ่ง หมู่ 20 และคณะผู้บริหาร ร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลายี่สกไทย จำนวน 10,000 ตัว ลงสู่แม่น้ำแม่กลอง บริเวณท่าน้ำหน้าเทศบาลตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นการฟื้นฟูและอนุรักษ์ปลาประจำถิ่นให้คงความสมบูรณ์ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติของจังหวัดราชบุรีต่อไป นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า “ปลายี่สกไทย” ได้รับการคัดเลือกให้เป็นปลาประจำจังหวัดราชบุรี เนื่องจากในอดีตปลายี่สกไทยจะว่ายทวนน้ำขึ้นไปผสมพันธุ์วางไข่บริเวณต้นน้ำทางตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี และจะล่องลงมาหาแหล่งอาหารในเขตจังหวัดราชบุรีจึงพบชุกชุมมากในแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำสาขาตลอดลำน้ำตั้งแต่อำเภอบ้านโป่งจนถึงอำเภอเมืองราชบุรี แต่เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำแม่น้ำกลอง บริเวณอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการกีดขวางการเดินทางของปลายี่สกไทย และในปัจจุบันปริมาณและชนิดพันธุ์ปลาน้ำจืดของไทยในแหล่งน้ำมีปริมาณลดน้อยลงมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ ตลอดจนความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการเกษตร รวมถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติ อาทิ การเกิดภัยแล้ง การเกิดอุทกภัย ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ทรัพยากรพ่อแม่พันธุ์ปลาน้ำจืดของไทยรวมถึงปลายี่สกไทยในแหล่งน้ำธรรมชาติลดจำนวนลงจนไม่สามารถซื้อหามาบริโภคได้โดยทั่วไป และไม่มีปรากฏให้ประชาชนสามารถพบเห็นได้ในแหล่งน้ำทั่วไปเหมือนในอดีต ส่งผลให้ปลายี่สกไทยตกอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการใกล้สูญพันธุ์ กรมประมงได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรีดำเนินโครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจืดของไทย โดยการกำหนดแผนการเพาะพันธุ์และปล่อยพันธุ์ปลายี่สกไทยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อช่วยอนุรักษ์ฟื้นฟูปลาชนิดนี้ไว้ก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติ นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพาะพันธุ์ปลายี่สกไทยสามารถดำเนินการเพาะพันธุ์ได้เพียงปีละ 1 ครั้งในช่วงฤดูหนาวของทุกปี โดยการใช้วิธีฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์เพื่อทำการผสมเทียม และในปีงบประมาณ 2566 ได้กำหนดแผนปล่อยคืนลงสู่ธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นการปล่อยพันธุ์ปลายี่สกไทยที่เพาะพันธุ์เป็นชุดแรกของปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเป็นการปล่อยครั้งที่ 2 โดยครั้งที่ 1 ได้มีการจัดกิจกรรมปล่อยปลายี่สกไทยจำนวน 10,000 ตัว ไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาโดยมี นายอุดม เพชรคุต รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรมดังกล่าว รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า กรมประมงพร้อมเดินหน้าในการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำให้คงอยู่คู่กับแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะสัตว์น้ำเศรษฐกิจและสัตว์น้ำประจำถิ่น โดยได้กำหนดให้ดำเนินการควบคู่กันทั้งในด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจซื้อลูกพันธุ์ปลายี่สกไทย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 032-919-572

 319 อ่าน : 2 ปี

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น. นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วย นายอนันต์ สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี นางสาวสุรังษี ทัพพะรั.. 

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณาเรื่องอุทธรณ์และเรื่องร้องเรียนของกลุ่มเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐที่เหลือจากการชดเชยเยียวยาในระยะที่ 1 (ระยะเร่งด่วน) ครั้งที่ 2/2566   วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมปากเปี่ยน ชั้น 5 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณาเรื่องอุทธรณ์และเรื่องร้องเรียนของกลุ่มเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐที่เหลือจากการชดเชยเยียวยาในระยะที่ 1 (ระยะเร่งด่วน) ครั้งที่ 2/2566 ผ่านระบบ Hybrid Meetings ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอคณะทำงานกลั่นกรองการเยียวยาและดำเนินการตามมาตรการลดจำนวนเรือประมงเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืนต่อไป #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ #กรมประมง

 122 อ่าน : 2 ปี

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมปากเปี่ยน ชั้น 5 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เป็น..