ถอยไปไกลถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในโลกตะวันตกอีกฟากหนึ่ง สูตรคำนวณ #ขีดจำกัดความเร็วตัวเรือ (Hull Speed, V = 2.4287 × L^0.5) ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยวิศวกรยุคคลาสสิค เพื่อใช้ประมาณหาความเร็วสูงสุดที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติของเรือที่ขับเคลื่อนด้วยใบเรือ เรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน แนวคิดดังกล่าวก็ยังมีพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ ในสังคมของนักแล่นใบ ?
แม้ว่าสำหรับ ??? วิศวกรยุคใหม่แล้ว สูตรนี้จะมีความถูกต้องแค่บางส่วน ก็ไม่ได้หมายความว่า ทฤษฎีฟิสิกส์เรียบง่ายที่เป็นพื้นฐานของมันจะผิดพลาดเสียทีเดียว
???? ดังนี้
1) คลื่นที่สร้างจากหัวเรือ ก็มีความเร็วไปตามเรือ ?? ก่อนจะหลุดไปด้านท้าย
2) เมื่อคลื่น(ตามขวาง)มีความเร็วตามเรือที่เร่งความเร็วขึ้น ความยาวของคลื่นก็ยืดตัวออกเรื่อยๆ
ตามนิยาม ??? #ความเร็วตัวเรือ หมายถึง ความเร็วที่หัวเรือจะสร้างคลื่นที่มีความยาวพอดีกับความยาวเรือ ไปแทรกสอดกับคลื่นที่เกิดจากบริเวณท้ายเรือในลักษณะที่เสริมกัน ทำให้เกิดการต้านทานการอย่างสูง...เกินกว่ากำลังขับเคลื่อนของเรือใบโบราณจะเอาชนะได้ เสมือนมีกำแพงความเร็วที่ไม่อาจข้ามผ่าน
??
ลองแทนตัวเลขดู เรือที่มีความยาวแนวน้ำเท่ากับ 5, 10, 15, 20, และ 25 ม. จะมีความเร็วตัวเรือเท่ากับ 5.4, 7.7, 9.4, 10.9, และ 12.1 น็อต ตามลำดับ
ใน 60 ปีที่ผ่านมา วิศวกรอย่าง Daniel Savitsky (อาจารย์ปู่ของแอดมินเอง) ก็ได้พัฒนาวิธี #ออกแบบเรือ ต่างๆ เพื่อก้าวข้ามกำแพงความเร็วดังกล่าวสำเร็จ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่กำหนดความเร็วสูงสุดของเรือมีเพียง 2 อย่าง คือ ?? แรงต้านทานสุทธิ
?? กำลังขับดันเรือ หาใช่สูตรวิเศษง่ายๆ ใดๆ ไม่
???
ความเร็วตัวเรือ กลายเป็นเพียง ความเร็วโหนก (Hump Speed) จุดหนึ่งที่ก้าวพ้นได้ ถ้าทำไว้ดีแต่แรกก็ไม่ต้อง “ติด Hump” เหมือนกับ #เรือปลา ขนของเถื่อนในบทความตอนที่แล้ว
ที่น่าเสียดายก็คือ การจะแก้ไขให้เรือหวานเย็นที่ต่อมาแล้วในทรงระวางขับน้ำทั้งอ้วนทั้งหนัก “ไต่ Hump” สำเร็จในภายหลัง แล้วยังต้องวิ่งต่อขึ้นไปอีกไกลตามกราฟความต้านทานเรือ ?? ที่สูงชันนั้น มักจะเป็นไปไม่ได้ในทางเศรษฐศาสตร์เสียแล้ว
??
ถอยไปไกลถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในโลกตะวันตกอีกฟากหนึ่ง สูตรคำนวณ #ขีดจำกัดความเร็วตัวเรือ (Hull Speed, V = 2.4287 × L^0.5) ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยวิศวกรยุคคลาสสิค เพื่อใช้ประมาณหาความเร็วสูงสุดที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติของเรือที่ขับเคลื่อนด้วยใบเรือ เรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน แนวคิดดังกล่าวก็ยังมีพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ ในสังคมของนักแล่นใบ ?
แม้ว่าสำหรับ ??? วิศวกรยุคใหม่แล้ว สูตรนี้จะมีความถูกต้องแค่บางส่วน ก็ไม่ได้หมายความว่า ทฤษฎีฟิสิกส์เรียบง่ายที่เป็นพื้นฐานของมันจะผิดพลาดเสียทีเดียว
???? ดังนี้
1) คลื่นที่สร้างจากหัวเรือ ก็มีความเร็วไปตามเรือ ?? ก่อนจะหลุดไปด้านท้าย
2) เมื่อคลื่น(ตามขวาง)มีความเร็วตามเรือที่เร่งความเร็วขึ้น ความยาวของคลื่นก็ยืดตัวออกเรื่อยๆ
ตามนิยาม ??? #ความเร็วตัวเรือ หมายถึง ความเร็วที่หัวเรือจะสร้างคลื่นที่มีความยาวพอดีกับความยาวเรือ ไปแทรกสอดกับคลื่นที่เกิดจากบริเวณท้ายเรือในลักษณะที่เสริมกัน ทำให้เกิดการต้านทานการอย่างสูง...เกินกว่ากำลังขับเคลื่อนของเรือใบโบราณจะเอาชนะได้ เสมือนมีกำแพงความเร็วที่ไม่อาจข้ามผ่าน
??
ลองแทนตัวเลขดู เรือที่มีความยาวแนวน้ำเท่ากับ 5, 10, 15, 20, และ 25 ม. จะมีความเร็วตัวเรือเท่ากับ 5.4, 7.7, 9.4, 10.9, และ 12.1 น็อต ตามลำดับ
ใน 60 ปีที่ผ่านมา วิศวกรอย่าง Daniel Savitsky (อาจารย์ปู่ของแอดมินเอง) ก็ได้พัฒนาวิธี #ออกแบบเรือ ต่างๆ เพื่อก้าวข้ามกำแพงความเร็วดังกล่าวสำเร็จ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่กำหนดความเร็วสูงสุดของเรือมีเพียง 2 อย่าง คือ ?? แรงต้านทานสุทธิ
?? กำลังขับดันเรือ หาใช่สูตรวิเศษง่ายๆ ใดๆ ไม่
???
ความเร็วตัวเรือ กลายเป็นเพียง ความเร็วโหนก (Hump Speed) จุดหนึ่งที่ก้าวพ้นได้ ถ้าทำไว้ดีแต่แรกก็ไม่ต้อง “ติด Hump” เหมือนกับ #เรือปลา ขนของเถื่อนในบทความตอนที่แล้ว
ที่น่าเสียดายก็คือ การจะแก้ไขให้เรือหวานเย็นที่ต่อมาแล้วในทรงระวางขับน้ำทั้งอ้วนทั้งหนัก “ไต่ Hump” สำเร็จในภายหลัง แล้วยังต้องวิ่งต่อขึ้นไปอีกไกลตามกราฟความต้านทานเรือ ?? ที่สูงชันนั้น มักจะเป็นไปไม่ได้ในทางเศรษฐศาสตร์เสียแล้ว
??
ถอยไปไกลถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในโลกตะวันตกอีกฟากหนึ่ง สูตรคำนวณ #ขีดจำกัดความเร็วตัวเรือ (Hull Speed, V = 2.4287 × L^0.5) ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยวิศวกรยุคคลาสสิค เพื่อใช้ประมาณหาความเร็วสูงสุดที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติของเรือที่ขับเคลื่อนด้วยใบเรือ เรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน แนวคิดดังกล่าวก็ยังมีพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ ในสังคมของนักแล่นใบ ?
แม้ว่าสำหรับ ??? วิศวกรยุคใหม่แล้ว สูตรนี้จะมีความถูกต้องแค่บางส่วน ก็ไม่ได้หมายความว่า ทฤษฎีฟิสิกส์เรียบง่ายที่เป็นพื้นฐานของมันจะผิดพลาดเสียทีเดียว
???? ดังนี้
1) คลื่นที่สร้างจากหัวเรือ ก็มีความเร็วไปตามเรือ ?? ก่อนจะหลุดไปด้านท้าย
2) เมื่อคลื่น(ตามขวาง)มีความเร็วตามเรือที่เร่งความเร็วขึ้น ความยาวของคลื่นก็ยืดตัวออกเรื่อยๆ
ตามนิยาม ??? #ความเร็วตัวเรือ หมายถึง ความเร็วที่หัวเรือจะสร้างคลื่นที่มีความยาวพอดีกับความยาวเรือ ไปแทรกสอดกับคลื่นที่เกิดจากบริเวณท้ายเรือในลักษณะที่เสริมกัน ทำให้เกิดการต้านทานการอย่างสูง...เกินกว่ากำลังขับเคลื่อนของเรือใบโบราณจะเอาชนะได้ เสมือนมีกำแพงความเร็วที่ไม่อาจข้ามผ่าน
??
ลองแทนตัวเลขดู เรือที่มีความยาวแนวน้ำเท่ากับ 5, 10, 15, 20, และ 25 ม. จะมีความเร็วตัวเรือเท่ากับ 5.4, 7.7, 9.4, 10.9, และ 12.1 น็อต ตามลำดับ
ใน 60 ปีที่ผ่านมา วิศวกรอย่าง Daniel Savitsky (อาจารย์ปู่ของแอดมินเอง) ก็ได้พัฒนาวิธี #ออกแบบเรือ ต่างๆ เพื่อก้าวข้ามกำแพงความเร็วดังกล่าวสำเร็จ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่กำหนดความเร็วสูงสุดของเรือมีเพียง 2 อย่าง คือ ?? แรงต้านทานสุทธิ
?? กำลังขับดันเรือ หาใช่สูตรวิเศษง่ายๆ ใดๆ ไม่
???
ความเร็วตัวเรือ กลายเป็นเพียง ความเร็วโหนก (Hump Speed) จุดหนึ่งที่ก้าวพ้นได้ ถ้าทำไว้ดีแต่แรกก็ไม่ต้อง “ติด Hump”
ที่น่าเสียดายก็คือ การจะแก้ไขให้เรือหวานเย็นที่ต่อมาแล้วในทรงระวางขับน้ำทั้งอ้วนทั้งหนัก “ไต่ Hump” สำเร็จในภายหลัง แล้วยังต้องวิ่งต่อขึ้นไปอีกไกลตามกราฟความต้านทานเรือ ?? ที่สูงชันนั้น มักจะเป็นไปไม่ได้ในทางเศรษฐศาสตร์เสียแล้ว
บทความจาก Tagu offshore Thailand