ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี

 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี




ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี

น้ำ กับการเลี้ยงปลา 

 

 

การเตรียมบ่อก่อนเลี้ยง มี 2 รูปแบบใหญ่

 

 

ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพปลา

 

 

บทความดีๆ ช่วยบอกต่อ:>> ผลของอุณหภูมิ ต่อสุขภาพปลา & เทคนิคเลี้ยงปลารับปีแดดระอุ


     โดยทั่วไปค่าอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงปลาในเขตร้อนอยู่ในช่วง 25-32 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมมีผลต่ออุณหภูมิภายในร่างกายของปลาเนื่องจากปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น การตอบสนองของระบบภูมิคุ้กันโรคจะเป็นปกติเมื่ออุณหภูมิน้ำอยู่ในช่วงเดียวกับอุณหภูมิทางสรีระ (physiological range) ปลาจะมีอัตราการเผาผลาญของร่างกาย(metabolic rates) เพิ่มขึ้นถ้าน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น สำหรับปลาส่วนใหญ่ถ้าอุณหภูมิของน้ำเพิ่มขึ้น 10 องศาเซลเซียส จะมีผลให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของปกติ ซึ่งสัตว์น้ำแต่ละชนิดจะมีความสามารถในการปรับตัวต่ออุณหภูมิและอัตราการเผาผลาญของร่างกายที่เพิ่มขึ้นแตกต่างกันไป เมื่ออุณหภูมิน้ำสูงขึ้นจะพบว่าปลามีการว่ายน้ำมากขึ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารเพิ่มขึ้นและมีอัตราการหายใจเร็วขึ้น สังเกตได้จากความถี่ในการเปิดปิดของแผ่นปิดเหงือกการเพิ่มอัตราการหายใจทำให้ปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นอัตราหากสภาวะนี้คงอยู่หรือเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลานานซึ่งมีผลต่อปริมาณออกซิเจนที่ละลายในบ่อเลี้ยงถูกใช้ไปเรื่อยๆ ทั้งจากปลา พืชน้ำและแพลงตอนพืช เมื่อถึงสภาวะที่ปลาทนร้อนไม่ได้หรือมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิฉับพลันปลาจะปรับสภาพไม่ทันรวมทั้งอาจขาดออกซิเจนและตายได้อุณหภูมิน้ำจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่ออุณหภูมิของน้ำ เช่น ความแรงของลม ความลึกของแหล่งน้ำ ความข้มของแสงอาทิตย์ และความโปร่งของน้ำ ด้วยเช่นกัน

     นอกจากอุณหภูมิจะมีผลต่อสัตว์น้ำแลัวยังมีผลต่อคุณภาพน้ำด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ ความหนืดของน้ำ การแบ่งชั้นของน้ำ จึงควรเฝ้าระวังตรวจสอบอุณหภูมิท่เปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอและควรมีแผน/มาตราการในการควบคุมอุณหภูมิในบ่อเลี้ยง เช่นติดตั้งตาข่ายกรองแสงเพื่อลดความเข้มแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องในบ่อเลี้ยง เพื่อให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพปลาให้น้อยที่สุด
ที่มา: ป.เจริญฟาร์ม

....เทคนิคเลี้ยงปลารับปีแดดระอุ......
     อันดับแรก ต้องเลี้ยงปลาไม่หนาแน่นจนเกินไป ลดอัตราการปล่อยปลาลงจากปกติ 30% เพื่อให้ปลาอยู่สบายขึ้น เพราะอากาศที่ร้อนทำให้น้ำเน่าเสียง่าย เนื่องจากออกซิเจนจะละลายน้ำได้น้อยลง รวมทั้งปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของปลา
ทำร่มเงาด้วยสแลนบังแดด เพื่อลดความเข้มของแสงที่ตกลงไปถึงกระชังปลาหรือบ่อเลี้ยงโดยตรง ใช้สแลน 60-70% กางคลุมเหนือกระชังหรือบ่อเลี้ยง นอกจากจะช่วยลดอุณหภูมิน้ำแล้ว ยังช่วยลดความเครียดจากแสงจ้ามากเกินไป ที่ทำให้ปลากินอาหารลดลง โตช้า และป่วยได้
การเลี้ยงปลาในบ่อ ปรับสภาพบ่อให้มีน้ำลึกไม่ต่ำกว่า 1.8 ม. วัดค่าความขุ่นใสให้ได้ 40–50 ซม. และวัดค่า DO บ่อยครั้งขึ้น และเปิดเครื่องตีน้ำในช่วงกลางวัน
ส่วนการเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำก็เช่นกัน ควรลงเลี้ยงปลาน้อยลง 30% ถ้าเป็นไปได้ควรย้ายกระชังไปในบริเวณน้ำลึกขึ้น ทำความสะอาดกระชังบ่อยขึ้น เนื่องจากฤดูร้อนพาราไซต์และแบคทีเรียจะเติบโตรวดเร็ว และควรกำจัดวัชพืชน้ำและสาหร่ายไม่ให้เกาะกระชัง เพื่อลดการขวางการไหลของน้ำผ่านกระชัง
หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพน้ำให้ผสมวิตามินซีในอาหารให้ปลากินติดต่อกัน 3–5 วัน ควรหมั่นสังเกตการกินอาหาร อย่าให้มีอาหารเหลือเกินกว่า 5 นาที และเปลี่ยนมาให้อาหารในช่วงไม่ร้อนจัด โดยแบ่งการให้อาหารเป็น 5–6 มื้อต่อวัน เพื่อกระตุ้นการกิน

     อีกเทคนิคลดอุณหภูมิน้ำอย่างได้ผล ติดตั้งเครื่องตีน้ำเพื่อช่วยเติมอากาศ และควรเปิดตลอดเวลาโดยเฉพาะช่วงกลางวัน เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของอุณหภูมิน้ำ ไม่ให้มีการแบ่งชั้นของน้ำ ช่วยไม่ให้อุณหภูมิน้ำสูงเกินไป ต้องหมั่นสุ่มตรวจพาราไซต์ทุกสัปดาห์ และใช้แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ให้เหมาะสม โดยดูจากค่าแอมโมเนียรวมที่ละลายน้ำไม่ควรเกิน 0.5 PPM

 


ปัจจัยความเครียด ที่มีผลต่อสัตว์น้ำในฤดูร้อนปัจจัยความเครียด ที่มีผลต่อสัตว์น้ำในฤดูร้อน

 

 

แนวทางการสร้างออกซิเจนในน้ำ

อันดับแรกสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าออกซิเจนละลายในน้ำได้อย่างไร 

  • อนุภาคออกซิเจนจะละลายลงไปในน้ำเพียงแค่สัมผัสกับน้ำ ดังนั้นในการที่จะนำออกซิเจนเข้าสู่บ่อมากขึ้น จำเป็นต้องมีน้ำที่สัมผัสกับออกซิเจนในบรรยากาศมากขึ้น
  • พื้นผิวของน้ำในบ่อมักจะสัมผัสกับบรรยากาศ และจะมีความเข้มข้นของออกซิเจนสูงสุด สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมปลาจึงว่ายอยู่ใกล้ผิวสระน้ำในช่วงเวลาที่ออกซิเจนขาดแคลน
  • น้ำส่วนใหญ่ที่อยู่ลึกลงไปในบ่อจะไม่สามารถเข้าถึงอนุภาคออกซิเจนได้ เพื่อเพิ่มระดับออกซิเจนตลอดปริมาตรของน้ำในบ่อ จะต้องเพิ่มพื้นที่ผิวที่สัมผัสกับออกซิเจน

 

 

เลี้ยงปลาอย่างไรให้โต ตอน การอนุบาลลูกปลาในกระชัง

 

 

เลี้ยงปลาอย่างไรให้โต ตอน วิธีทำน้ำเขียว

 

 

การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำผสมผสาน แบบเกษตรอินทรีย์ตามวิถีพอเพียง

การประกอบอาชีพด้านการเกษตรด้วยการจัดการระบบนิเวศเกษตรอย่างเหมาะสม สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและนำไปสู่ผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ด้วยสร้างอาหารตามธรรมชาติสำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และจัดการระบบนิเวศของบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีจะนำไปสู่ความยั่งยืนของการประกอบอาชีพและพึ่งพาตนเองได้ โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรผ่านกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ สำหรับเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ ทำให้ได้ผลผลิตสัตว์น้ำที่หลากหลาย

ประเภทสัตว์น้ำ
   1. สัตว์น้ำกินพืช สามารถใช้สารอาหารจากพืชและแป้งได้ดี อาทิ ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาสลิด ฯลฯ
   2. สัตว์น้ำกินสัตว์ อาศัยกิจสัตว์ชนิดอื่น หรืออาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูง อาทิ ปลากดเหลือง ปลาช่อน และปลาดุก ฯลฯ
   3. สัตว์น้ำอื่นๆ เป็นสัตว์น้ำที่สามารถเลี้ยงร่วมกับปลาได้ อาทิ กุ้งก้ามกราม และหอยขม ฯลฯ

แหล่งอาหารสำหรับสัตว์น้ำ
   1. ฟางข้าว และสิ่งเหลือทิ้งทางการเกษตรทิ้งไว้ให้ย่อยสลายภายในพื้นที่เกษตร หรือเผาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ได้แก่ ฟางข้าว หญ้า ต้นข้าวโพด ต้นถั่ว และรวมถึงวัชพืชต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีปริมาณโปรตีนและเยื่อใยสูง เช่น ฟางข้าวมีโปรตีนต่ำเพียง 3.9% เท่านั้น สัตว์ที่ย่อยและใช้ประโยชน์จากวัสดุเหล่านี้ จึงมักเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีจุลินทรีย์ในกระเพาะช่วงย่อยสลายเยื่อใย สำหรับสัตว์น้ำสามารถกิน และดูดซึมสารอาหารจากวัสดุเหล่านี้ได้น้อย (เกษตรกรจึงต้ออาศัยกระบวนการย่อยสลายจากจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ เพื่อให้สิ่งเหลือทิ้งทางการเกษตรเหล่านี้เป็นอาหารสัตว์น้ำได้)
   2. มูลสัตว์ เป็นสิ่งเหลือทิ้งทางเกษตรประเภทหนึ่งที่มีสารอาหารสูง โดยเฉพาะมูลสัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป ได้แก่ มูลไก่ และมูลสุกร ส่วนมูลวัวที่ปล่อยเลี้ยงให้กินหญ้าตามธรรมชาติมีสารอาหารต่ำ (มูลสัตว์เป็นแหล่งของธาตุไนโตรเจนและฟอสฟอรัสำหรับการเติบโตของแพลงก์ตอนพืช จึงช่วยสร้างอาหารตามธรรมชาติภายในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ มูลสัตว์ที่นำมาใช้ควรผ่านการหมักให้ย่อยสลายก่อน เพื่อป้องกันและเกิดน้ำเสียและลดปริมาณจุลินทรีย์ก่อโรคที่อาจปนเปื้อนในมูลสัตว์)
   3. ใบพืช หรือพืชน้ำ เป็นอาหารเสริมที่มีราคาถูกและหาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น ผักบุ้ง แหนเป็ด แหนแดง ผำ ใบมันสำปะหลัง และเศษผัก เป็นต้น (ใช้สำหรับเป็นอาหารปลากินพืช)
Cr : ทวีเดช ไชยนาพงษ์ สถานบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ

 

 

 "แหนแดง" ...แหล่งโปรตีนในอาหารสัตว์ ...แหล่งไนโตรเจนในแปลงผัก

 


รักษ์เกษตร : ลดการสูญเสียน้ำในสระ 

การสูญเสียน้ำในสระ อาจมาจากหลายสาเหตุ #ถ้าเกิดจากการระเหย ตัวแปรที่สำคัญคือ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และลม และ#ถ้าเกิดจากการรั่วซึม ตัวแปรที่สำคัญก็คือ สภาพของดิน และระดับน้ำใต้ดิน เมื่อระดับน้ำในสระลดต่ำกว่าระดับน้ำในดินเมื่อไหร่ น้ำจากดินก็จะไหลเข้าบ่อเอง
การสูญเสียน้ำในสระ ที่เกิดขึ้นจาก #การที่น้ำซึมลงสู่ดินชั้นล่าง เมื่อดินมีช่องว่างทำให้น้ำที่เก็บกักอยู่ซึมลึกลงไปใต้ดิน วิธีป้องกันทำได้หลายวิธี อาจทำได้โดย
1) วิธีการอุดช่องว่างระหว่างดินก้นสระ ให้ทำการบดอัดดินเหนียวที่ก้นสระ หรือ
2) วิธีหว่านปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป เพื่อสร้างพืชน้ำเมื่อมันตายทับถมลงไปกลายเป็นอินทรียวัตถุอุดรูช่องว่างของดิน

การสูญเสียของน้ำในสระ ที่เกิดจาก #การซึมของน้ำออกทางด้านข้าง ในฤดูแล้งพื้นดินด้านข้างของสระแห้ง ทำให้น้ำจากสระซึมเข้าไปทดแทน วิธีป้องกันทำได้โดย
1) การบุด้วยผ้าพลาสติก หรือ
2) การปลูกแฝกเป็นแนวรอบสระ ให้ชิดติดกันสองหรือสามชั้น เพื่อให้รากแฝกที่ลงลึกไปช่วยป้องกันไม่ให้น้ำออกทางด้านข้างมากเกินไป

การระเหยของน้ำในสระไปในอากาศ เกิดจาก #ความร้อนจากดวงอาทิตย์ และ #แรงลมที่พัดผ่านสระ จะช่วยเร่งการระเหยของน้ำให้เร็วขึ้น วิธีป้องกันคือ ต้องลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงสระน้ำ โดยการปลูกพืชที่ให้ร่มเงาให้แก่สระ เพื่อไม่ให้แดดแผดเผาทั้งวัน และต้องปลูกพืชรอบขอบสระ เพื่อชะลอแรงลมที่จะพัดผ่านน้ำในสระ และถ้าหากมีการปลูกโรงเรือนบนสระ เพื่อเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูควบคู่ไปกับการเลี้ยงปลา หลังคาโรงเรือนก็จะช่วยป้องกันแดดได้อีกส่วนหนึ่งด้วย

#การป้องกันการรั่วซึมของน้ำในสระ
1) การใช้ดินเหนียว นำมาเกลี่ยเป็นชั้นบางๆ หนาชั้นละ 15 เซนติเมตร ปูทับที่ก้นสระและทางลาดด้านข้าง ราดน้ำให้ทั่วจนมีความชื้นพอประมาณ แล้วจึงบดดินด้วยรถบดให้แน่นเป็นชั้นๆ ตลอดทั้งก้นสระและทางลาดด้านข้าง รวมความหนาของดินที่บดทับจนแน่นดีแล้ว ประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นอย่างน้อย
2) การใช้แผ่นวัสดุสังเคราะห์ นำมาปูที่ก้นและทางลาดด้านข้างสระ แทนการใช้ดินเหนียว แผ่นวัสดุสังเคราะห์จะมีคุณสมบัติทึบน้ำ น้ำไหลผ่านไม่ได้ แผ่นที่ใช้งานปูสระเก็บน้ำนี้ มีหลายชนิด ผลิตและมีจำหน่ายทั่วไป โดยคุณสมบัติของวัสดุ ขนาด ความหนาวิธีการปู บริการการปู และราคาต่อตารางเมตรแตกต่างกันด้วย

#การพัฒนาพื้นที่รอบขอบสระ
1) การพัฒนาพื้นที่ที่ถูกคลื่นกัดเซาะ หรือฝนตกกัดเซาะ เป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดคือ การปลูกหญ้าโดยตลอดเกือบถึงก้นสระ ให้หญ้าขึ้นงอกงามเต็มที่ก่อนจะมีการเก็บน้ำ ถึงแม้ว่าจะมีน้ำท่วมหญ้าที่ปลูกไว้ตาย แต่รากของหญ้าที่ยึดเกาะดินไว้แน่น ซึ่งพอระดับน้ำในสระลด หญ้าก็อาจงอกขึ้นมาใหม่ตามเดิม ถ้าบริเวณใดถูกน้ำกัดเซาะไป ก็สามารถซ่อมแซมเติมดิน แล้วปลูกหญ้าเพิ่มเติมให้มีสภาพดีตามเดิมต่อไปได้ ส่วนการป้องกันพื้นที่รอบขอบสระและคันสระ ที่ไม่ให้ถูกน้ำฝนกัดเซาะ ควรนำหญ้าแฝกมาปลูกให้รอบขอบสระอย่างน้อย 2 แถว ให้ปลูกอยู่เหนือระดับน้ำเก็บกัก พร้อมกับบำรุงดูแลให้เจริญงอกงามโดยเร็ว เพื่อช่วยกรองป้องกันตะกอนดินไม่ให้ไหลลงสู่สระ
2) การพัฒนาพื้นที่รอบสระให้ร่มรื่น และช่วยลดการระเหยของน้ำในสระ พื้นที่โดยรอบขอบสระ ควรปลูกไม้ยืนต้นขนาดสูงเป็นระยะๆ เพื่อช่วยให้เกิดความร่มรื่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนได้ จะช่วยลดอุณหภูมิผิวน้ำได้มาก การคายน้ำของต้นไม้ จะช่วยทำให้บรรยากาศบริเวณนั้น มีความชื้นมากกว่าบริเวณทั่วไป และช่วยลดความเร็วของกระแสลมที่พัดมากระทบผิวน้ำอีกด้วย

ที่กล่าวมานี้ เป็นปัจจัยที่ช่วยลดอัตราการระเหยของน้ำจากสระได้เป็นอย่างดี ต้นไม้ที่ปลูกควรเป็นประเภทไม่ผลัดใบ เพื่อป้องกันมิให้น้ำในสระได้รับผลกระทบ เพราะใบไม้หล่นจมน้ำ ทำให้น้ำเน่าเสียได้

การขุดสระ ให้เลือกบริเวณที่เป็นลุ่มต่ำของพื้นที่ สังเกตง่ายว่า "บริเวณนั้นจะมีกรวดถูกน้ำพัดไหลมารวมกัน เจอแล้วปักหมุดขุดได้เลย เพราะข้างล่างจะเป็นดินดาน เก็บน้ำได้ดี" อย่างเลือกขุดสระที่เนินดินเพราะด้านล่างจะเป็นดินร่วนเก็บน้ำไม่อยู่
#สระที่ขุดควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตตุรัส เพราะจะเสียพื้นที่ของบ่อน้อยที่สุด
#ความลึกของสระที่เหมาะสมควรอยู่ในระดับ 4-5 เมตร เพราะน้ำที่เก็บกัก จะระเหยออกวันละ 3 มิลลิเมตร หน้าแล้ง 7 เดือน น้ำก็จะหายไปพอสมควร
#การขุดสระต้องขุดให้มีความลาดเอียง อัตรา 1:1 และให้มีตะพักป้องกันตลิ่งทรุดในช่วงน้ำน้อย
#กองดินที่ขุด ให้วางห่างจากขอบสระ 1-2 เมตร เพื่อกันเดินไหลลงบ่อ
#รอบสระแนะนำให้ปลูกหญ้าแฝกยึดดินไว้ รอบคันสระปลูกไม้ผล ไม้ใช้สอย ไม้ให้ร่วมเงาที่ใช้น้ำน้อย ถ้ามีหญ้าหรือวัชพืชขึ้นช่วงแล้งไม่ต้องตัดบ่อย เพราะเขาจะฃ่วยคลุมดิน ลดการระเหยของน้ำในดินได้ดี

 

 

ขั้นตอนเมื่อเราซื้อปลามาใหม่ ที่คุณอาจจะยังไม่รู้...

 

 

ชวนเกษตรกร ขึ้นทะเบียน – ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นฐานข้อมูลรับการช่วยเหลือ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ กับทางราชการ

สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ขอเชิญชวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) หรือ ผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2) หรือ ผู้ทำการประมง (ทบ.3) ดำเนินการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาล กรณีประสบภัยพิบัติในพื้นที่ (ด้านประมง) ตามระเบียบกระทรวงการคลัง และได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ติดตามข่าวสารของสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี เพิ่มเติมได้ที เว็บไซต์สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี:
-> การช่วยเหลือ เมื่อประสบภัยพิบัติ 
-> การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

  •   หน่วยงาน: สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี
  •   ประกาศวันที่: 2021-11-26
  •   ประกาศสิ้นสุดเเล้วเมื่อวันที่: 2021-11-26 
 รูปภาพ/เอกสาร  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202410301121151_announce.jpg  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202410301114431_announce.jpg  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202410301109311_announce.jpg  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202410301108261_announce.jpg  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202111261530263_announce.jpg  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202111261530262_announce.jpg  ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กับสำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี_id_202111261530261_announce.jpg
  •   Hits
  • ภารกิจประจำวันที่ 10 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  ภารกิจประจำวันที่ 10 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี   จำนวนผู้อ่าน 57  ภารกิจประจำวันที่ 25 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี   ภารกิจประจำวันที่ 25 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี   จำนวนผู้อ่าน 34 ภารกิจประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 31 ภารกิจประจำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 31 ภารกิจประจำวันที่ 31 มกราคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 31 มกราคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 29 ภารกิจประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 27 ภารกิจประจำวันที่ 8 เมษายน 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 8 เมษายน 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 25 ภารกิจประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 23 ภารกิจประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 22 ภารกิจประจำวันที่ 5 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 5 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 22 ภารกิจประจำวันที่ 7 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 7 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 22 ภารกิจประจำวันที่ 16 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี     ภารกิจประจำวันที่ 16 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี   จำนวนผู้อ่าน 22 ภารกิจประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  ภารกิจประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี   จำนวนผู้อ่าน 21 ภารกิจประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  ภารกิจประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี   จำนวนผู้อ่าน 21 ภารกิจประจำวันที่ 11 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี ภารกิจประจำวันที่ 11 มีนาคม 2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี  จำนวนผู้อ่าน 19

    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี

    รายละเอียด สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี SARABURI PROVINCIAL FISHERIES OFFICE ที่ตั้ง : 123 หมู่ 6 ศาลากลางจังหวัดสระบุรี สำนักงานประมงจังหวัดสระบุรี (ชั้น 2)            ตำบลตะกุด อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี 18000           123 Moo 6, Saraburi Provincial Hall, Saraburi Provincial Fisheries Office (2nd floor)            Takud Sub-district, Mueang Saraburi District, Saraburi, 18000 การเดินทางสาธารณะ : รถสองแถวสาย 9 (10 บาทตลอดสาย)                                       โดยจุดจอดรถสองแถวเริ่มต้นที่ บขส.สระบุรี สิ้นสุดที่ ศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี  Social Network     : fpo_saraburi@fisheries.go.th  LINEID : fposaraburi QR Code Line    ผู้ดูแลเว็บไซต์ : นางสาวพรศิริ โพธาราม   เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล  email  fpo_saraburi@fisheries.go.th  โทรศัพท์ 0 3634 0742  FAX 0 3634 0742  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6