Department of Fisheries : ข่าวกิจกรรม หน่วยงานภายในกรมประมง

ตรวจสอบเรือประมงพาณิชย์ ณ ท่าเทียบเรือประมง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงเพชรบุรี สังกัดศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 6 (ประจวบคีรีขันธ์) กองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต กรมประมง ได้ตรวจสอบเรือประมงพาณิชย์ ณ ท่าเทียบเรือประมง โดยบูรณาการร่วมกับชุดสหวิชาชีพ ประกอบด้วย กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมการจัดหางาน และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผลการปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

# ศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 6 (ประจวบคีรีขันธ์)

11 อ่าน : 2 เดือน

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงเพชรบุรี สังกัดศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 6 (ประจวบคีรีขันธ์) กองตรว..

กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..ตั้งแผนเฉพาะกิจตรวจติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกข้ามพรมแดนอย่างเข้มข้น ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้ง จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ใน 4 จุดสำคัญ ทุก 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากวิกฤตปัญหามลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในขณะนี้ กรมประมงได้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการบริโภคสัตว์น้ำและความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างสูงสุด ซึ่งในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดูแลความปลอดภัยทางด้านอาหาร และการบริหารจัดการทรัพยากรประมง จึงได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กองตรวจสอบคุณภาพสินค้าประมง รวมถึงหน่วยงานในระดับพื้นที่ ได้แก่ สำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ร่วมติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ที่พบว่าลำน้ำทั้ง 2 สาย มีความขุ่นมากกว่าปกติ ทั้งในด้านสุขภาพของสัตว์น้ำ และสารปนเปื้อนในสัตว์น้ำพร้อมรายงานผลการตรวจวิเคราะห์เป็นระยะ โดยจากการเก็บตัวอย่างปลาแค้ที่มีตุ่มแดงมาตรวจวินิจฉัยโรค พบมีปรสิตกลุ่มไดจีน และพบเชื้อแบคทีเรียที่ตุ่มเนื้องอก แต่ไม่พบในอวัยวะภายใน และยังไม่พบเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนจากการเก็บตัวอย่างทั้งปลากินพืช เช่น ปลาสร้อย ปลาซ่า และปลากินเนื้อ เช่น ปลาค้าว ปลากด จำนวน 3 ครั้ง พบว่าโลหะหนักซึ่งเป็นสารปนเปื้อนยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินค่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม กรมประมง ได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกข้ามพรมแดน ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ดังนี้ จุดสำรวจบริเวณจังหวัดเชียงราย ได้แก่ จุดสำรวจที่ 1 บ้านโป่งนาคำขึ้นไปถึงแคววัวดำ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมือง (CR1) จุดสำรวจที่ 2 สะพานแม่ฟ้าหลวงบริเวณหน้าศาลากลางถึงฝายเชียงราย (CR2) จุดสำรวจที่ 3 หลังวัดสันธาตุถึงสบกก ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน (CR3) และจุดสำรวจบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ จุดสำรวจที่ 1 ชายแดนไทย-พม่า หย่อมบ้านแก่งตุ๋ม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย (CM1) ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2568 เดือนละ 2 ครั้ง ทุกสัปดาห์ที่ 1 และสัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่องทุกเดือน โดยจะดำเนินการรวบรวมเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำที่ได้จากชาวประมง แพปลา และเจ้าหน้าที่กรมประมงทำการสุ่มเก็บด้วยตนเอง พร้อมจัดแบ่งประเภทสัตว์น้ำที่เก็บตัวอย่าง ทั้งชนิดที่เป็นปลากินพืช และปลากินเนื้ออย่างน้อยชนิดละ 1 กิโลกรัม ในแต่ละจุดสำรวจ พร้อมทำการบันทึกภาพ บันทึกความยาวและน้ำหนักเป็นรายตัว ทั้งนี้ สัตว์น้ำที่เก็บตัวอย่างมาจะถูกตรวจหาการปนเปื้อนของสารพิษที่สำคัญ4 ชนิด ได้แก่ สารหนู (As), ปรอท (Hg), ตะกั่ว (Pb) และแคดเมียม (Cd) ผ่านบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) นอกจากนี้ ยังมีการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียวิทยา ไวรัสวิทยา และพยาธิวิทยา เพื่อวินิจฉัยโรคเบื้องต้นในห้องปฏิบัติการของกองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมง อีกด้วย รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า แม้ว่าผลการตรวจวิเคราะห์สัตว์น้ำตัวอย่างในขณะนี้ จะยังอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภค แต่ขอแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการบริโภคสัตว์น้ำที่จับได้จากแม่น้ำสายและแม่น้ำกกในระยะนี้ไปก่อน โดยกรมประมงจะยังคงดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนในสัตว์น้ำตามแผนปฏิบัติการเฉพาะกิจที่วางไว้เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สัตว์น้ำที่จำหน่ายเพื่อบริโภคส่วนใหญ่มาจากระบบการเพาะเลี้ยง ซึ่งไม่ได้ใช้น้ำจากแม่น้ำสายและแม่น้ำกก ดังนั้น พี่น้องประชาชนจึงสามารถมั่นใจในการบริโภคสัตว์น้ำได้อย่างปลอดภัย

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

163 อ่าน : 2 เดือน

กรมประมง..ตั้งแผนเฉพาะกิจตรวจติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกข้ามพรมแดนอย่างเข้มข้น ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้ง จ.เชียงใหม..

กรมประมงสามารถรับซื้อปลาหมอคางดำและส่งให้กรมพัฒนาที่ดินเพื่อผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ รวมทั้งสิ้น 1,116,016 กิโลกรัม (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.30 น.) นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง เปิดเผยว่า เพื่อเร่งควบคุมและลดจำนวน ปลาหมอคางดำ กรมประมงได้จัดกิจกรรมเชิงรุกเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่ระบาดผ่านกิจกรรม ลงแขกลงคลอง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่บูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ รวมถึงได้มีการสนับสนุนอุปกรณ์จับปลาที่เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ สร้างการมีส่วนร่วม ให้เกษตรกร ชาวประมง ประชาชน เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และยังมีการส่งเสริมด้านองค์ความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับชุมชน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ และอาหารพืช ต่อไป ที่สำคัญ การรับซื้อปลาหมอคางดำที่จับได้จากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติที่ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ 14 จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ระยอง ปัจจุบันกรมประมงสามารถรับซื้อปลาหมอคางดำและส่งให้กรมพัฒนาที่ดินเพื่อผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ รวมทั้งสิ้น 1,116,016 กิโลกรัม (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.30 น.) โดยผู้ที่มีความสนใจนำปลามาขายสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ของท่าน

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

51 อ่าน : 2 เดือน

นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง เปิดเผยว่า เพื่อเร่งควบคุมและลดจำนวน ปลาหมอคางดำ กรมประมงได้จัดกิจกรรมเชิงรุกเพื่อกำจัด..

กรมประมง จับมือ อบจ.ปทุมธานี ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกว่า 5 แสนตัว ลงคลอง 13 หนองเสือเพิ่มประชากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติควบคู่ไปกับกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดปทุมธานี ภายใต้ MOU ยกระดับการพัฒนาภาคการเกษตรในระดับพื้นที่ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำจังหวัดปทุมธานี โดยร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืด จำนวน 500,000 ตัว ลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ บริเวณศาลาริมคลอง 13 วัดธรรมราษฎร์เจริญผล ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายคมสัน ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ให้การต้อนรับ และพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ในนามของผู้จัดโครงการฯ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาร่วมกิจกรรมมากกว่า 400 คน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำจังหวัดปทุมธานี เป็นความร่วมมือระหว่างกรมประมงกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการดูแลฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ ตลอดจน ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์ดังเช่นในอดีต เป็นแหล่งอาหาร สร้างรายได้ ตลอดจนมีเป้าหมายพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนรอบคลอง ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติของจังหวัดเกิดความยั่งยืน ดังนั้น จึงได้จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในวันนี้ขึ้น มีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืด จำนวน 8 สายพันธุ์ ประกอบด้วย กุ้งก้ามกราม 100,000 ตัว ปลาตะเพียนขาว 100,000 ตัว ปลานวลจันทร์ 100,000 ตัว ปลาสวาย 100,000 ตัว ปลาบ้า (ปลาสุลต่าน) 33,000 ตัว ปลากดเหลือง 10,000 ตัว ปลาแรด 5,000 ตัว ปลาบึก 2,000 ตัว รวมจำนวนทั้งสิ้น 500,000 ตัว ลงสู่คลอง 13 ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้น โดยมีความยาวถึง 22 กิโลเมตร เริ่มจากคลองระพีพัฒน์ ไปจนถึงประตูระบายน้ำหน้าวัดพิชิตปิตยาราม นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการทางด้านการประมงอีกมากมายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน สำหรับกิจกรรมดังกล่าวที่จังหวัดปทุมธานี เป็นการนำร่องดำเนินโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การยกระดับการพัฒนาภาคการเกษตรในระดับพื้นที่ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และ สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ที่จะร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ด้านการเกษตร ร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาด้านการเกษตร เช่น การพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านการผลิต การรับรองมาตรฐาน การแปรรูป การตลาด การส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมุ่งหมายที่จะยกระดับภาคการเกษตรของไทยตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร เกิดการบูรณาการพัฒนาการเกษตรในระดับพื้นที่ให้เข้มแข็ง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โมเดล Thailand 4.0 ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอัครา พรหมเผ่า) ได้พยายามผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมสามารถช่วยให้พี่น้องเกษตรกรประชาชนในพื้นที่มีแหล่งอาหารแหล่งประกอบอาชีพควบคู่ไปกับความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่ที่ยั่งยืน ...อธิบดีกรมประมง กล่าว

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

41 อ่าน : 2 เดือน

เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำจังหวัดปทุมธานี โดยร..

กรมประมง...โชว์ผลสำเร็จ ดันไต๋รักษ์ชาติ สู่ Smart Master Fisher ยกระดับ “ผู้หาปลาเลี้ยงคน ผู้สร้างความมั่นคงทางอาหาร” สู่มาตรฐานสากล กรมประมง เผยผลสำเร็จของการดำเนินโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้ควบคุมเรือประมงไทย เพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน” หรือ “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) จำนวนทั้งสิ้น 4 รุ่น รวมผู้ผ่านการฝึกอบรม 211 ราย จาก 22 จังหวัดชายทะเลทั่วประเทศ ยกระดับศักยภาพของผู้ควบคุมเรือให้มีความรู้ความเข้าใจ เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของไทยอย่างยั่งยืน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า…กรมประมง ได้กำหนดเป้าหมายที่สำคัญเพื่อยกระดับความรู้และทักษะของผู้ควบคุมเรือประมงไทยหรือไต๋เรือ โดยมอบหมายให้กองบริหารจัดการเรือประมง และการทำการประมง จัดฝึกอบรมหลักสูตร ผู้ควบคุมเรือประมงไทยเพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมประมงในการพัฒนาศักยภาพของอาชีพประมงและเป็นการเชิดชู ไต๋เรือ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีเกียรติ คุณค่าและศักดิ์ศรี ในฐานะ “ผู้หาปลาเลี้ยงคน ผู้สร้างความมั่นคงทางอาหาร” สอดรับนโยบายของนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ให้ความสำคัญ ของอาชีพไต๋เรือไม่ใช่แค่ผู้ขับเคลื่อนเรือ แต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โครงการดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ควบคุมเรือประมงให้มีความรู้ ความสามารถ และปลูกจิตสำนึกในการทำประมงอย่างรับผิดชอบ พร้อมยกระดับมาตรฐานการทำงานให้ทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งในด้านการบริหารจัดการทรัพยากร การปฏิบัติตามกฎหมาย ตลอดจนการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของแรงงานประมง และยังถือเป็นการเชิดชูและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไต๋เรือให้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีคุณค่า และมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ โดยการจัดฝึกอบรมหลักสูตร ผู้ควบคุมเรือประมงไทยเพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) มีผู้ผ่านการฝึกอบรมจำนวนรวมทั้งสิ้น 211 คน แบ่งเป็นจัดการฝึกอบรม แบ่งออกเป็น 4 รุ่น ครอบคลุมพื้นที่ทะเลทั้งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย รุ่นที่ 1 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จำนวน 53 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 19 – 21 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรมคามิโอ แกรนด์ จังหวัดระยอง รุ่นที่ 2 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงฝั่งอันดามัน จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล จำนวน 52 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 19 – 21 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรม แคนทารี บีช เขาหลัก จังหวัดพังงา รุ่นที่ 3 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงอ่าวไทยตอนล่าง จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส จำนวน 54 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 19 – 21 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรม ลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา จังหวัดสงขลา รุ่นที่ 4 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงอ่าวไทยตอนบน จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จำนวน 52 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 18 – 20 มีนาคม 2568 ณ โรงแรม ไอสนุก รีสอร์ท แอนด์ สวีท หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การฝึกอบรมดังกล่าวเป็นการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะแก่ผู้ควบคุมเรือประมงไทยให้เป็น “Smart Master Fisher” โดยมีเนื้อหาการอบรมครอบคลุมทั้งด้านกฎหมายและนโยบายการประมง การบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนงานประมง ระบบติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) การส่งเสริมสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกเรือ รวมถึงแนวทางการประมงที่ยั่งยืนตามหลักการขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) นอกจากนี้ จากการสำรวจข้อมูลผู้เข้าอบรม พบว่า กลุ่มที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ใช้เครื่องมืออวนล้อมจับ คิดเป็นร้อยละ 32.70 รองลงมาคือ กลุ่มเครื่องมือลากแผ่นตะเฆ่ ร้อยละ 25.12 และกลุ่มเครื่องมืออวนครอบหมึก ร้อยละ 15.64 โดยทุกกลุ่มล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีบทบาทในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนฟื้นฟูการประมงของประเทศ สำหรับความก้าวหน้าล่าสุดของโครงการฝึกอบรม “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) ผู้ที่ผ่านการอบรมได้รวมพลังกันจัดตั้ง “เครือข่ายไต๋รักษ์ชาติ” ขึ้น การรวมตัวกันในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพเดียวกันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงพลังของ “ผู้นำทางทะเล” ที่พร้อมขับเคลื่อนภาคการประมงไทยให้เติบโตอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของประเทศให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน กรมประมงขอแสดงความยินดีกับไต๋เรือที่ผ่านการอบรมทุกท่าน และขอชื่นชมที่ได้ร่วมกันจัดตั้งเครือข่ายไต๋รักษ์ชาติขึ้น ขอให้นำความรู้และทักษะที่ได้รับจากการอบรมไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล เพื่อร่วมกันส่งต่อ ท้องทะเลไทยที่อุดมสมบูรณ์ ให้คงอยู่เป็นมรดกทางธรรมชาติสู่คนรุ่นหลังอย่างยั่งยืนต่อไป…อธิบดีกรมประมง กล่าวทิ้งท้าย

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

78 อ่าน : 2 เดือน

กรมประมง เผยผลสำเร็จของการดำเนินโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้ควบคุมเรือประมงไทย เพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน” หรือ “ไต๋รักษ์ชาติ&rd..

ผอ.ศพช.ฉะเชิงเทรา เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ “โครงการส่งเสริม อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง” ณ บริเวณโรงเรียนบ้านสีล้ง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา วันศุกร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ นางชมพูนุท สามห้วย นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายกฤษณ์ธนสรรค์ อินทร์บำรุง ตำแหน่ง นักวิชาการประมงปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ ฯ เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ “โครงการส่งเสริม อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง” ในการนี้ ศูนย์ ฯ ได้ให้การสนับสนุนพันธุ์กุ้งแชบ๊วย จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัว โดยมีหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานประกอบด้วย สำนักงานประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกรมประมง (Fisheries Co-ordinator : FC) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา คณะครูและนักเรียน ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำดังกล่าว ณ บริเวณโรงเรียนบ้านสีล้ง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

# ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งฉะเชิงเทรา

80 อ่าน : 2 เดือน

วันศุกร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ นางชมพูนุท สามห้วย นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพั..

ข่าวประชาสัมพันธ์ ด่านตรวจประมงเพชรบุรี

# ด่านตรวจประมงเพชรบุรี

7 อ่าน : 2 เดือน

ข่าวประชาสัมพันธ์ ด่านตรวจประมงเพชรบุรี

# ด่านตรวจประมงเพชรบุรี

7 อ่าน : 2 เดือน

ข่าวประชาสัมพันธ์ ด่านตรวจประมงเพชรบุรี

# ด่านตรวจประมงเพชรบุรี

8 อ่าน : 2 เดือน

ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ วันศุกร์ ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘ นายสาธิต คำผง นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี พร้อมด้วยข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่ ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยจัดโต๊ะหมู่พร้อมเครื่องราชสักการะบริเวณอาคารสำนักงาน จัดตกแต่งอาคารสถานที่ราชการ และปรับปรุงภูมิทัศน์ของหน่วยงาน

# ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี

30 อ่าน : 2 เดือน

วันศุกร์ ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘ นายสาธิต คำผง นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุก..