Department of Fisheries : ข่าวกิจกรรม หน่วยงานภายในกรมประมง

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลาได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อเฝ้าระวังแหล่งอาศัยและแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่ง จำนวน 6 จุด เพื่อวิเคราะห์คุณภาพน้ำ 7 พารามิเตอร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลาได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อเฝ้าระวังแหล่งอาศัยและแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่ง จำนวน 6 จุด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เพื่อวิเคราะห์คุณภาพน้ำ 7 พารามิเตอร์ ได้แก่ อุณหภูมิ ความเค็ม พีเอช ออกซิเจนละลายน้ำ ไนโตรเจนรวม แอมโมเนียรวม และฟอสฟอรัสรวม ดังรายละเอียดตามภาพที่แสดง

# ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา

18 อ่าน : 2 เดือน

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลาได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อเฝ้าระวังแหล่งอาศัยและแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้..

ตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำนำเข้า วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 17.20 น. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงท่าอากาศยานดอนเมือง ตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำนำเข้าประเภทหอยแครง มีชีวิต จำนวน 759 กิโลกรัม นำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตรวจสอบแล้วถูกต้องตรงตามใบอนุญาตนำเข้าฯ จึงได้ทำการตรวจปล่อยอนุญาตให้นำเข้าต่อไป

# ด่านตรวจประมงท่าอากาศยานดอนเมือง

24 อ่าน : 2 เดือน

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 17.20 น. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงท่าอากาศยานดอนเมือง ตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำนำเข้าประเภทหอยแครง มีชีวิต จำนวน 759 กิโลกร..

จัดประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ งานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายพิธาน นงค์นวล หัวหน้ากลุ่มวิจัยและพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมง กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มวิจัยฯ ดำเนินการจัดประชุมเตรียมการรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสร็จทรงมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35 ณ อาคารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ในวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. โดยการประชุมดังกล่าวมีนายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานการประชุม

# กลุ่มวิจัยและพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมง

43 อ่าน : 2 เดือน

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายพิธาน นงค์นวล หัวหน้ากลุ่มวิจัยและพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมง กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกร..

กรมประมง...คว้ารางวัล GDCC GOV Cloud 2568 พัฒนาระบบ “การออกใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน” ยกระดับบริการเศรษฐกิจสู่ยุคดิจิทัล วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568 ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กรุงเทพมหานคร นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เข้ารับรางวัล GDCC GOV Cloud ประจำปี พ.ศ. 2568 ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยผลงาน "ระบบการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน" ซึ่งจัดขึ้นในงานสัมมนา "GOV Cloud 2025 : Empowering Thailand Government with GDCC Open Data" โดยได้รับเกียรติจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้มอบรางวัล พร้อมด้วย นายพลพิศิลป์ สุวรรณชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการประมง นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วม เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานภาครัฐที่ใช้บริการ GDCC ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังเข้ารับรางวัลฯ ว่า...กรมประมงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับรางวัล GDCC GOV Cloud ประจำปี พ.ศ. 2568 ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากผลงาน "ระบบการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน" ซึ่งเป็นผลงานที่กรมประมงดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า ที่ผลักดันและให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบฯ เพื่ออำนวยความสะดวก ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพ ควบคู่กับการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้คงอยู่อย่างยั่งยืน โดยให้กรมประมงเร่งดำเนินการเพื่อรองรับการออกใบอนุญาตให้เรือประมงพื้นบ้านกว่า 50,000 ลำทั่วประเทศ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 มาตรา 32 "ผู้ใดจะทำการประมงพื้นบ้านโดยใช้เรือประมง หรือเครื่องมือที่มีขนาดหรือลักษณะตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ต้องได้รับใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย เว้นแต่เป็นการใช้เรือประมงโดยใช้เครื่องมือทำการประมงประเภทที่อธิบดีประกาศกำหนด" ระบบ "การออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน" เป็นระบบฯ ที่ถูกพัฒนาโดย กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมประมง ในปี พ.ศ. 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน และอำนวยความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยื่นคำขอฯ ให้แก่ชาวประมงพื้นบ้าน ตัวระบบได้ถูกติดตั้งระบบฯ บนคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service: GDCC) ซึ่งมีความปลอดภัยและมีเสถียรภาพในการทำงานสูง สามารถรองรับการให้บริการแก่ชาวประมงพื้นบ้านจำนวนมากได้ อีกทั้ง สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวการออกใบอนุญาตฯ นอกจากนี้ ระบบการออกใบอนุญาตฯ ดังกล่าวยังสามารถพัฒนาต่อยอด เพิ่มรายการขออนุญาตที่หลากหลายได้ในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ การพัฒนาระบบออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านในครั้งนี้ ถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาระบบราชการให้มีความทันสมัย โปร่งใส และตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง กรมประมง ยังคงมุ่งมั่นในการยกระดับการบริหารจัดการประมงให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน การรับรางวัลของกรมประมงในวันนี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาระบบและการให้บริการภาครัฐของกรมประมงให้มีประสิทธิภาพและก่อเกิดประโยชน์แก่ชาวประมงและผู้ใช้บริการอื่นมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการสนับสนุน การอนุรักษ์ทรัพยากรประมงของไทยอย่างยั่งยืนต่อไป...อธิบดีกรมประมง กล่าวทิ้งท้าย

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

84 อ่าน : 2 เดือน

วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568 ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กรุงเทพมหานคร นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เข้ารับรางวัล G..

กรมประมง...หนุน “เกษตรกรสร้างรายได้เสริมจากการแปรรูปสัตว์น้ำ” ยกระดับการประกอบอาชีพให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน กรมประมงเดินหน้าขับเคลื่อน “โครงการสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง” ตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมการแปรรูปสัตว์น้ำ ชู “วิสาหกิจชุมชนปลาสลิดเกษตรพัฒนา จ.สมุทรสาคร” เป็นต้นแบบการต่อยอดอาชีพ ยกระดับรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้มีการดำเนิน “โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง” อย่างต่อเนื่อง มุ่งสนับสนุนเกษตรกรและชาวประมงในการพัฒนาอาชีพ ควบคู่กับการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นทั่วประเทศ ใน 5 ด้านการทำประมง ประกอบด้วย ด้านประมงทะเลชายฝั่ง ด้านประมงทะเลนอกชายฝั่ง ด้านประมงน้ำจืด ด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และด้านการแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าสัตว์น้ำในพื้นที่ สอดรับกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการยกระดับสินค้าเกษตรท้องถิ่นเป็นสินค้ามูลค่าสูง ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนส่งเสริมการขอรับรองมาตรฐานสำคัญต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของสมาชิกองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในการบริหารจัดการผลผลิตสัตว์น้ำในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการสร้างอาชีพสร้างรายได้ ตลอดจน ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในชุมชนให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร มีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) จำนวนกว่า 3,000 ราย จัดตั้งเป็นองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นทั้งหมด 36 กลุ่ม สำหรับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาสลิดที่ขึ้นทะเบียน ทบ.1 มีจำนวน 309 ราย คิดเป็นพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีการเพาะเลี้ยงปลาสลิดมากอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอำเภอบ้านแพ้วที่เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาสลิดขนาดใหญ่ มีศักยภาพการผลิตสูง เกษตรกรมีการใช้ลูกพันธุ์คุณภาพที่ผลิตขึ้นเอง ประกอบกับมีแหล่งน้ำที่ดี สามารถใช้ในการเพาะเลี้ยงปลาสลิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาครได้เข้าไปส่งเสริมและให้คำแนะนำในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงจนถึงการแปรรูป อาทิ การขึ้นทะเบียนเกษตรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ. 1) เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของกรมประมง การพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (Good Aquaculture Practice: GAP) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและมาตรฐานของบ่อเลี้ยง รวมถึง การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่กรมประมงมีการวิจัยมาปรับใช้ เช่น เครื่องขอดเกล็ดปลาจากกองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการผลิต จากเดิมที่เกษตรกรหนึ่งคนสามารถขอดเกล็ดปลาสลิดได้ 100 กิโลกรัมต่อวัน ปัจจุบันสามารถขอดเกล็ดปลาได้มากถึง 100 กิโลกรัม ภายในหนึ่งชั่วโมง ด้านคุณอุมารินทร์ เกตพูลทอง รองประธานวิสาหกิจชุมชนปลาสลิดเกษตรพัฒนา กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาสลิดเกษตรพัฒนา เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการพัฒนาต่อยอดอาชีพเกษตรกรในพื้นที่ และต้องการแก้ไขปัญหาราคาปลาสลิดตกต่ำ จึงมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต ด้วยการแปรรูปและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่าย สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ โดยทางกลุ่มฯ ได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากสำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร ในการให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ จนสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ปลาสลิดดองเกลือ ปลาสลิดแดดเดียวทั้งตัว ปลาสลิดแดดเดียวแล่ก้าง ปลาสลิดทอดพร้อมรับประทาน และน้ำพริกปลาสลิด ซึ่งมีจุดแข็ง คือ เป็นสินค้าที่ผลิตมาจากต้นน้ำ เนื่องจากเกษตรกรเพาะพันธุ์ลูกปลาเอง และเลี้ยงในฟาร์มที่มีมาตรฐาน ได้รับการคัดเลือกเป็นสินค้า OTOP 5 ดาวของจังหวัดสมุทรสาคร มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และได้รับตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียวจากกรมประมง ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ว่าสินค้าของกลุ่มฯ มีความสด สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ ยังได้มีการวางแผนพัฒนาสินค้า ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน Good Manufacturing Practice (GMP) เพื่อรองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย สำหรับช่องทางการจำหน่าย ทางกลุ่มฯ มีการจำหน่ายสินค้าในร้าน Fisherman Shop @สมุทรสาคร และช่องทางออนไลน์ Facebook ปลาสลิดเกษตรพัฒนา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 08 7976 5731 อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า... “ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนปลาสลิดเกษตรพัฒนา ถือเป็นภาพสะท้อนของพลังความร่วมมือภายในชุมชนที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมประมงในทุกมิติ ทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี มาตรฐานการผลิต ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพสินค้าเกษตรท้องถิ่นให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง”

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

56 อ่าน : 2 เดือน

กรมประมงเดินหน้าขับเคลื่อน “โครงการสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง” ตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหก..

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นางสาวปริศนา คลิ้งสุขคล้าย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา มอบหมายให้นายอุกฤษฏ์ ชูสุวรรณ นักวิชาการประมงปฎิบัติการ ส่งมอบพันธุ์ปูทะเล ให้แก่สำนักงานประมงจังหวัดปัตตานี วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นางสาวปริศนา คลิ้งสุขคล้าย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา มอบหมายให้นายอุกฤษฏ์ ชูสุวรรณ นักวิชาการประมงปฎิบัติการ ส่งมอบพันธุ์ปูทะเล จำนวน 50,000 ตัว ให้แก่ สำนักงานประมงจังหวัดปัตตานี เพื่อปล่อยบริเวณซั้งหาดวาสุกรี หมู่ที่4 บ้านปาตาติมอ ตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อเพิ่มผลผลิตปูทะเลในแหล่งน้ำธรรมชาติ ตามโครงการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ กิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลนราธิวาส เจ้าหน้าที่จากส่วนราชการอำเภอสายบุรี กลุ่มประมงพื้นบ้านปาตาติมอ และประชาชนในพื้นที่ร่วมปล่อย

# ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา

14 อ่าน : 2 เดือน

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นางสาวปริศนา คลิ้งสุขคล้าย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา มอบหมายให้นายอุกฤษฏ์..

กรมประมง ผนึกกำลังสมาคม TABA ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หนุนการใช้ปัจจัยการผลิตทางการประมงที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ถูกกฎหมาย ปลอดภัยต่อสัตว์น้ำและผู้บริโภค วันที่ 4 มิ.ย. 68 - กรมประมงจับมือสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย (Thai Aquaculture Business Association: TABA) ลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการสนับสนุนการค้า และส่งเสริมความรู้เพื่อให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ปัจจัยการผลิตทางการประมงที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” โดยมี นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และนายสรพัศ ปณกร นายกสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย เป็นผู้ลงนามฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสององค์กรร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมพะยูน กรมประมง กรุงเทพฯ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “ปัจจัยการผลิตทางการประมง” ทั้งอาหารสัตว์น้ำ ยารักษาโรค และวัตถุอันตรายทางการประมง นับเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งกรมประมง โดยกองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต ได้มีการควบคุม กำกับ ดูแลการค้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้มีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการประมงถูกต้องตามกฎหมาย เกษตรกรสามารถนำไปใช้ในการเพาะเลี้ยงได้อย่างเหมาะสม และสามารถสร้างผลผลิตสัตว์น้ำที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและยังสอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า สามารถส่งออกได้ สำหรับบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเครือข่ายภาคเอกชน มุ่งเน้น การส่งเสริมให้สมาชิกในสมาคมฯ ผู้แทนจำหน่าย หรือร้านค้าปัจจัยการผลิต เช่น ยาสัตว์น้ำ อาหารสัตว์น้ำ และวัตถุอันตรายทางการประมงที่มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และมีการขออนุญาตเกี่ยวกับการขายปัจจัยการผลิตแต่ละประเภทตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมส่งเสริมให้มีการค้าผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ ข่าวสาร และข้อมูลจากกรมประมงสู่ผู้ประกอบการและเกษตรกร อาทิ การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการประมง การขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ การขออนุญาตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปัจจัยการผลิตแต่ละประเภท แนวทางในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ปัจจัยการผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมายมาจำหน่าย ฯลฯ ตลอดจนการแจ้งข้อมูล ข่าวสาร และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ปัจจัยการผลิตทางการประมงในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อร่วมกันหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้เป็น “การก่อการดี” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความร่วมมือในมิติใหม่ของทั้งสององค์กร ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน และความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น กรมประมงพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างศักยภาพของภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน นายสรพัศ ปณกร นายกสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมฯ ในนามผู้ผลิตปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกับกรมประมง สมาคมฯ มีนโยบายในการสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการผลิตสัตว์น้ำและการค้าปัจจัยการผลิตให้อยู่ในมาตรฐานที่ดี และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐอยู่แล้ว ซึ่งการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือนี้จะเป็นการยกระดับคุณภาพปัจจัยการผลิตให้มีมาตรฐาน ทั้งในด้านความปลอดภัยไร้สารตกค้างต้องห้าม คุณภาพ มาตรฐาน คุ้มค่าสมราคา มีความถูกต้องตามกฎหมาย และการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพที่เราจะส่งมอบสู่อุตสาหกรรมสมดังเจตนารมณ์ที่สมาคมฯ ได้ตั้งไว้ โดยได้รับคำแนะนำและกำกับดูแลจากกรมประมง การลงนามในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปสู่โอกาสใหม่และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำ ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภคสัตว์น้ำ ว่าสินค้าสัตว์น้ำของประเทศไทยที่เลือกใช้ปัจจัยการผลิตอย่างถูกต้องจะมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและธุรกิจของทุกภาคส่วน ทางสมาคมฯ ขอขอบคุณกรมประมงเป็นอย่างสูงที่ให้ความสำคัญและสละเวลามาร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเช่นนี้ให้กับการผลิตสัตว์น้ำ “ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการยกระดับอุตสาหกรรมปัจจัยการผลิตทางการประมง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศ เกษตรกรและผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคสัตว์น้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ” ...อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

31 อ่าน : 2 เดือน

วันที่ 4 มิ.ย. 68 - กรมประมงจับมือสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย (Thai Aquaculture Business Association: TABA) ลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร..

กรมประมง ดำเนินโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 47 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี วันที่ 3 มิถุนายน 2568 กรมประมงได้จัดกิจกรรมโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี 2568 จำนวน 16,400,000 ตัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่องานด้านการประมงตลอดมา ตามพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่นำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของพสกนิกรที่ประกอบอาชีพด้านต่าง ๆ ซึ่งอาชีพด้านการประมงเป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่ได้รับการสนับสนุนพัฒนาจนเกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรดีขึ้น อีกทั้ง เป็นการปลูกฝังให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ เพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ โดยส่วนกลาง ในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลปล่อยพันธุ์ปลา ที่กรมประมง น้อมเกล้าฯ จัดถวาย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ณ ท่าวาสุกรี จำนวน 1 ล้านตัว ประกอบด้วย ปลาตะเพียนขาว ปลาตะเพียนทอง ปลายี่สกไทย ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อยขาว ปลากระแห ปลาโพง ปลาชะโอน และปลาเทพา สำหรับในส่วนภูมิภาค กรมประมงได้จัดเตรียมพันธุ์สัตว์น้ำที่เพาะพันธุ์ได้ จำนวน 15,400,000 ตัว เพื่อปล่อยทั่วประเทศ โดยสำนักงานประมงจังหวัด 76 จังหวัด และสำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกรมประมงในพื้นที่ ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจังหวัดละ 200,000 ตัว ลงสู่แหล่งน้ำสำคัญในพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล รวมทั้งเป็นการเพิ่มปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำ ตลอดจนการฟื้นฟูและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติให้คงความอุดมสมบูรณ์สืบไป นอกจากนี้ สำนักงานประมงจังหวัด และสำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังจัดกิจกรรมมอบพันธุ์สัตว์น้ำให้กับผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำชุมชน เพื่อแพร่ขยายพันธุ์ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เป็นการฟื้นฟูและเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำ เป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้กับราษฎรในชุมชนจะสามารถนำมาบริโภคและแปรรูป ก่อให้เกิดประโยชน์ภายในชุมชน และมีผลิตภัณฑ์ที่รู้จัก ประชาชนสามารถสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพประมง ซึ่งจะช่วยปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์น้ำ และรักษาสมดุลทางธรรมชาติได้อย่างยังยืนต่อไป

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

13 อ่าน : 2 เดือน

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี วันที่ 3 มิถุนายน 2568..

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายชลิต สง่างาม นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ส่งมอบพันธุ์กุ้งแชบ๊วย ให้แก่สำนักงานประมงจังหวัดสงขลา โดยประมงอำเภอสิงหนคร วันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายชลิต สง่างาม นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ส่งมอบพันธุ์กุ้งแชบ๊วย ให้แก่สำนักงานประมงจังหวัดสงขลา โดยประมงอำเภอสิงหนคร ปล่อยบริเวณเขตอนุรักษ์บ้านทะเลนอก หมู่ที่ 1 ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา จำนวน 500,000 ตัว และบริเวณหาดบางหอย หมู่ที่ 7 ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา จำนวน 300,000 ตัว เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยมีสำนักทรัพยากรชายฝั่งทางทะเลที่ 5(สงขลา) เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลชิงโค ผู้นำท้องถิ่น คณะครูและนักเรียน กลุ่มอสม. กลุ่มประมงพื้นบ้านสิงหนคร กลุ่มประมงพื้นบ้านชิงโค และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมดังกล่าว

# ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสงขลา

15 อ่าน : 2 เดือน

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายชลิต สง่างาม นักวิชาการประมงชำนาญการ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั..

กรมประมง..โชว์ผลงานพัฒนาสายพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจ ปรับโฉม “ปลาหมอชุมพร 1” ให้รูปร่าง แบน หนา ดูมีขนาดใหญ่ ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดยุคใหม่ เกษตรกรเลี้ยงเชิงพาณิชย์ได้คุ้มค่า ราคาดี กรมประมง... โชว์ผลงานปรับปรุงรูปร่างปลาหมอชุมพร 1 สำเร็จ ด้วยวิธีคัดเลือกลักษณะภายในครอบครัว เพื่อให้ได้รูปร่างปลาหมอที่ตัวแบนและหนาขึ้น ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดยุคใหม่ พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเชิงพาณิชย์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมประมงติดตามการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำพันธุ์ดี โดยเฉพาะชนิดพันธุ์ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต จำนวน 14 สายพันธุ์ ได้แก่ ปลานิล (จิตรลดา 3, จิตรลดา 4) ปลานิลแดง (เร้ด 1, เร้ด 2, ปทุมธานี 1) ปลาไน (คอม 1) ปลาตะเพียนขาว (ซิลเวอร์ 1 ซี, ซิเวอร์ 2 เค, ตะเพียนขาวนีโอเมล) ปลายี่สกเทศ (โรห์ 1) ปลานวลจันทร์เทศ (มา 1) กุ้งก้ามกราม (มาโคร 1) กุ้งขาวแวนาไม และปลาหมอ (ชุมพร 1) พร้อมกระจายพันธุ์สัตว์น้ำที่ดีมีคุณภาพไปสู่เกษตรกร เพื่อให้สามารถผลิตสัตว์น้ำได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยมีลักษณะรูปร่างปรากฏตรงตามความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี มีความต้านทานโรค ให้ผลผลิตสูง และจำหน่ายได้ราคาดี ส่งผลให้เกษตรกรมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพระยะยาว ล่าสุด กรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำสามารถปรับปรุงพันธุ์โดยปรับปรุงรูปร่างปลาหมอชุมพร 1 ได้สำเร็จ ด้วยวิธีการคัดเลือกโดยดูลักษณะภายในครอบครัว ซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนความลึกลำตัวต่อความยาวมาตรฐาน น้ำหนัก และความยาวตลอดลำตัวให้เพิ่มขึ้นสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี กระทั่งนำไปสู่การขยายผลเพื่อเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ นายสุชาติ จุลอดุง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร เปิดเผยว่า “ปลาหมอ” (Climbing Perch) เป็นปลาน้ำจืดที่เลี้ยงง่าย ทนทานต่อสภาพน้ำที่แปรปรวน สามารถเพาะเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นสูง และขนส่งในรูปแบบปลาสดมีชีวิตได้ไกล ทำให้ตลาดมีความต้องการสูง โดยทางศูนย์ฯ ได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ปลาหมออย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2546 โดยในช่วงแรกได้ปรับปรุงด้านการเจริญเติบโตแบบหมู่ 4 รุ่น ซึ่งทำให้ได้ปลาหมอที่มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 76 และตั้งชื่อสายพันธุ์ว่า ปลาหมอชุมพร 1 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2554 แต่เพื่อให้ได้ปลาที่มีลักษณะรูปร่างสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคซึ่งนิยมเลือกซื้อปลาหมอที่มีลักษณะลำตัวแบน สันหนา ดูเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ แม้จะมีน้ำหนักเท่ากันเมื่อเทียบกับปลาหมอรุ่นก่อน ๆ จนกระทั่งในปี 2563 จึงได้ใช้วิธีการคัดเลือกลักษณะภายในครอบครัวเพื่อปรับปรุงรูปร่างของปลาหมอชุมพร 1 จำนวน 2 รุ่น ซึ่งพบว่าปลาหมอรุ่นที่ 2 มีค่าเฉลี่ยสัดส่วนความลึกของลำตัวต่อความยาวมาตรฐาน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 มีรูปร่างที่แบนขึ้น ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น อีกทั้งยังมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 15 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการปรับปรุงพันธุ์ที่ยังคงลักษณะการเจริญเติบโตที่ดี สามารถสร้างผลผลิตปลาหมอเพื่อรองรับความต้องการของตลาดผู้บริโภค และพร้อมกระจายพันธุ์สำหรับให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงเชิงพาณิชย์ต่อไป จากการสัมภาษณ์ศาสตราจารย์ นายแพทย์เอาชัย กาญจนพิทักษ์ หนึ่งในเกษตรกรผู้มีประสบการณ์เลี้ยงปลาหมอชุมพร 1 และปลาหมอชุมพร 1 ปรับปรุงพันธุ์ในร่องสวนปาล์ม อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ยืนยันว่า ปลาหมอสายพันธุ์ชุมพร 1 ที่มีการปรับปรุงพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของระยะเวลาการเจริญเติบโต รูปร่าง และราคาจำหน่าย โดยปลาหมอชุมพร 1 ที่ปรับปรุงพันธุ์ จะใช้ระยะเวลาการเลี้ยงจนได้ขนาดตามความต้องการของตลาด คือ 3 - 5 ตัวต่อกิโลกรัม เพียง 4 เดือน และสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงถึง 150 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังตอบสนองต่อความต้องการของตลาดร้านอาหารที่ต้องการปลาหมอขนาดใหญ่เพื่อนำไปประกอบอาหาร ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรไทยได้เป็นอย่างดี อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับเกษตรกรหรือผู้สนใจที่ต้องการขอรับคำแนะนำ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาหมอชุมพร 1 ปรับปรุงพันธุ์ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร เลขที่ 12/35 หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่งคา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร 86100 โทรศัพท์ 0 7751 0310 ในวันและเวลาราชการ หรือที่ Facebook Page : ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร

# กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

11 อ่าน : 2 เดือน

กรมประมง... โชว์ผลงานปรับปรุงรูปร่างปลาหมอชุมพร 1 สำเร็จ ด้วยวิธีคัดเลือกลักษณะภายในครอบครัว เพื่อให้ได้รูปร่างปลาหมอที่ตัวแบนและหนาขึ้น ตรงตามความ..