ข่าวกรมประมง

เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะลูกกบบ้านใหม่น้ำเงิน วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะลูกกบบ้านใหม่น้ำเงิน ตำบลงิม อำเภอปง จังหวัดพะเยา นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะลูกกบบ้านใหม่น้ำเงิน ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ของกรมประมง พร้อมด้วยนายชนนวัช อุตสาสาร ประมงจังหวัดพะเยา และเจ้าหน้าที่ของกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะลูกกบบ้านใหม่น้ำเงินได้มีการรวมกลุ่มกันเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการเพาะเลี้ยงกบเข้าสู่มาตรฐาน GAP ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ด้านการประมง (สัตว์น้ำจืด) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและผู้บริโภค เพิ่มโอกาสทางการแข่งขันอยู่ภายใต้การดำเนินโครงการฯ ของสำนักงานประมงจังหวัดพะเยาและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของโครงการฯ ที่กรมประมงดำเนินการมา มีสมาชิก 40 ราย พื้นที่การเลี้ยงรวม 3.1 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงในกระชังบก บ่อคอนกรีตและ บ่อดินขนาดเล็ก โดยในปี 2567 มีผลผลิตรวมกว่า 35,280 กิโลกรัม มีรายได้รวมกว่า 3.5 ล้านบาท สมาชิกได้รับการรับรองมาตรฐานทางการเพาะเลี่ยงสัตว์น้ำ GAP ครบทั้ง 40 ราย มีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 และลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 33 นอกจากนี้ ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและเข้าร่วมโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการประมง ในปีงบประมาณ 2568 โดยได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาทเพื่อนำมายกระดับการดำเนินงานของกลุ่ม ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมประมงได้ให้คำแนะนำและเน้นย้ำในการเสริมศักยภาพเพื่อยกระดับผลผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกร ทั้งในด้านการเพาะเลี้ยง การจัดการการเพาะเลี้ยง การใช้หนอนแมลงโปรตีนเพื่อลดต้นทุน เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรมีผลผลิตที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 26 อ่าน : 4 เดือน

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะลูกกบบ้านใหม่น้ำเงิน ตำบลงิม อำเภอปง จังหวัดพะเยา

นางฐิติพร.. 

เข้าร่วมพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ อาคารเอนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง มอบหมายให้นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เข้าร่วมพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) และร่วมเป็นสักขีพยานในการทำบันทึกข้อตกลงการซื้อขายมันฝรั่งและถั่วเหลืองฝักสด ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และมีผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะ ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่จังหวัดพะเยา ซึ่งในส่วนของกรมประมง ได้นำเสนอนิทรรศการสาธิตการเลี้ยงกบในกระชังบก การทำปลานิลแปรรูป และการใช้ฟางข้าวทำอาหารธรรมชาติในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ สถานีเรียนรู้ที่ 1 การปลูกพืชใช้น้ำน้อยคุณภาพ : การปลูกและผลิตให้ได้คุณภาพ สถานีที่ 2 เกษตรแม่นยำ : เพิ่มศักยภาพการผลิตของพืชใช้น้ำน้อย สถานีที่ 3 การสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และสถานีที่ 4 การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการงานวิจัยและเทคโนโลยี อีกกว่า 20 นิทรรศการ จากนั้นคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมแปลงมันฝรั่ง ซึ่งเป็นแปลงพืชหลังนาของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา อีกทั้ง ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบ ทั้งในเรื่องการขาดแคลนน้ำ การพัฒนาคุณภาพดิน และในด้านอื่น ๆ อย่างครอบคลุมทุกมิติ #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  

 17 อ่าน : 4 เดือน

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ อาคารเอนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีก.. 

เข้าร่วมพิธีเปิดงานวันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว ครั้งที่ 54 เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 ณ โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง มอบหมายให้นายประเทศ ซอรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เข้าร่วมพิธีเปิดงานวันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว ครั้งที่ 54 โดยมีนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ในส่วนของกรมประมงโดยสำนักงานประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ร่วมจัดกิจกรรมการประกวดปลากัดหม้อแปดริ้วสวยงาม จำนวน 2 ประเภท ได้แก่ ปลากัดหม้อแปดริ้วสีม่วงคราม จำนวน 5 รางวัล และปลากัดหม้อแปดริ้วสีเขียว จำนวน 5 รางวัล คือ รางวัลที่1,2,3 และรางวัลชมเชย 1,2 ทั้งนี้ ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติของไทย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 และก่อนหน้าปลากัดได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติเมื่อปี 2556 ปลากัดมีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยเฉพาะด้านพฤติกรรมการต่อสู้ สะท้อนความเป็นไทย นิสัยคล้ายคนไทยที่รักและหวงแหนชาติ เป็นสัตว์น้ำที่คนไทยรู้จัก คุ้นเคย และมีความผูกพันกันมาตั้งแต่โบราณ ปลากัดของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลที่นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก จากมูลค่าการส่งออกปลาสวยงามในแต่ละปีพบว่าปลากัดเป็นปลาสวยงามที่มีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับ 1 ของปลาสวยงามที่ส่งออกของประเทศไทย โดยมีมูลค่าสูงต่อเนื่องกันมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน ปลากัดจึงเป็นปลาเศรษฐกิจที่นำไปสู่การค้าเชิงพาณิชย์ และก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  

 17 อ่าน : 4 เดือน

เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 ณ โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง มอบหมายให้นาย.. 

ร่วมติดตามคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง พร้อมด้วย นายสุริยา จงโยธา ประมงจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ ทองหุล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดขอนแก่น (เขื่อนอุบลรัตน์) นายภรัณยู ถมพลกรัง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดขอนแก่น นายกฤษฎา คำประชม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดเขื่อนอุบลรัตน์ (ขอนแก่น) และเจ้าหน้าที่หน่วยงานประมงในจังหวัดขอนแก่น ร่วมติดตามคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในโอกาสลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากเกษตรกร โดยในส่วนของกรมประมงได้มีการนำเสนอความก้าวหน้าการดำเนินงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการแหล่งน้ำในจังหวัดขอนแก่น อาทิ การก่อสร้างโรงกุ้งอัจฉริยะที่มีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพการผลิตกุ้งก้ามกรามเพื่อตอบสนองต่อความต้องการลูกพันธุ์ของเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน การดำเนินโครงการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำชุมชน ซึ่งดำเนินการในจังหวัดขอนแก่น จำนวน 50 แห่ง เพื่อเพิ่มรายได้และลดค่าครองชีพของประชาชน นอกจากนี้ รมว.กษ. ยังได้มอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมงาน จำนวน 200 ราย ประกอบด้วย พันธุ์ปลาน้ำจืด 100 ถุง และพันธุ์กุ้งก้ามกราม 100 ถุง และมอบพันธุ์สัตว์น้ำจำนวน 3,810,000 ตัว ให้กับตัวแทนจากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ตำบลบ้านค้อ และตำบลสำราญ อำเภอเมืองขอนแก่น เพื่อนำไปใช้เป็นปัจจัยการผลิต และมอบเงินอุดหนุนโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรกลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำ ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรปลาส้มอำเภอโนนศิลา และกลุ่มเกษตรกรบ้านโพธิ์ตาก จำนวนกลุ่มละ 100,000 บาท อีกด้วย #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  

 15 อ่าน : 4 เดือน

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

นายบัญช.. 

เข้าตรวจเยี่ยมและรับฟังรายงานความก้าวหน้าการก่อสร้างโรงเพาะและอนุบาลกุ้งก้ามกรามอัจฉริยะ วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดขอนแก่น อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เข้าตรวจเยี่ยมและรับฟังรายงานความก้าวหน้าการก่อสร้างโรงเพาะและอนุบาลกุ้งก้ามกรามอัจฉริยะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยมี นายสุริยา จงโยธา ประมงจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ ทองหุล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่หน่วยงานประมงในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ กรมประมงได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยเฉพาะกุ้งก้ามกรามที่เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ มีมูลค่าสูง และตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง สำหรับอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ กรมประมงได้มีการปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกรามปีละไม่ต่ำกว่า 5,000,000 ตัว โดยนำพ่อแม่พันธุ์กุ้งก้ามกรามที่ได้จากการรวบรวมของชาวประมง นำมาคัดเลือกแม่กุ้งไข่สมบูรณ์และแข็งแรงเพื่อเพาะอนุบาล และปล่อยกลับคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบอ่างเก็บน้ำ จนเกิดคำพูดติดปากว่า ”หาปลาทั้งวันไม่สู้ได้กุ้งแค่โลเดียว“ โดยโรงเพาะและอนุบาลกุ้งก้ามกรามอัจฉริยะ เป็นโครงการต้นแบบที่นำระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานและเพิ่มศักยภาพในการผลิต ซึ่งจะเป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนานวัตกรรมมาใช้ในการเพิ่มศักยภาพการผลิตกุ้งก้ามกรามเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนและการบูรณาการทำงานของทุกภาคส่วน #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  

 15 อ่าน : 4 เดือน

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดขอนแก่น อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมป.. 

กรมประมง...นำร่องใช้ระบบตามสอบสินค้าเกษตร “QR Trace On Cloud” ยกระดับปลานิลอินทรีย์ จ.เชียงราย ให้ตรวจสอบย้อนกลับได้ ผู้บริโภคมั่นใจ! ตลอดสายการผลิต กรมประมง...หนุนเทรนด์อาหารปลอดภัย นำร่องใช้ระบบตามสอบสินค้าเกษตรบนระบบคลาวด์สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก : QR Trace On Cloud ในผลิตภัณฑ์ปลานิลอินทรีย์ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง บ้านทุ่งต้อม อ.เทิง จ.เชียงราย สนองนโยบาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มุ่งเน้นให้มีการบูรณาการภารกิจร่วมกับหน่วยงานในสังกัด และสอดรับกับนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยขับเคลื่อนภาคเกษตรและอาหารภายใต้ “3S” (Safety, Security & Sustainability) นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการสื่อสารด้านความปลอดภัยทางอาหาร และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร รวมถึงขยายช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรในรูปแบบออนไลน์ นายประเทศ ซอรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคต่างให้ความใส่ใจต่อความปลอดภัยทางด้านอาหาร รวมถึงให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตและแหล่งที่มาของวัตถุดิบผ่านการเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองมาตรฐานโดยมีฉลากระบุข้อมูลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กรมประมงจึงได้พัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานและการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมงตลอดสายการผลิต เพื่อให้สามารถติดตามแหล่งที่มาของสินค้าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างความปลอดภัยในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่แหล่งจับจนถึงมือผู้บริโภค โดยนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าสัตว์น้ำมากขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความโปร่งใสในการป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย รวมถึงส่งเสริมการทำประมงแบบยั่งยืนอีกด้วย ล่าสุด กรมประมง โดยกองพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานสินค้าประมงและหลักฐานเพื่อการสืบค้น ได้นำระบบตามสอบสินค้าเกษตรบนระบบคลาวด์สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ QR Trace On Cloud ซึ่งเป็นระบบที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) พัฒนาขึ้นมาใช้ประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตสินค้าทางการเกษตร ที่ได้การรับรองมาตรฐานได้มีการจัดเก็บข้อมูลที่ช่วยในการบริหารจัดการกระบวนการผลิตสินค้า ตั้งแต่แหล่งปลูก การรับวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต การตรวจสอบคุณภาพ การบรรจุ และการจัดจำหน่าย โดยการจัดทำ QR Code รายล็อตติดบนตัวสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสามารถสื่อสารข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์ตลอดเส้นทางการผลิตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รองรับสินค้าในกลุ่มผัก ผลไม้ ข้าว ปศุสัตว์ ไข่ และประมง รวมถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยในปีงบประมาณ 2568 กรมประมงได้เริ่มนำร่องใช้ QR Trace On Cloud ในผลิตภัณฑ์ปลานิลอินทรีย์ ซึ่งผลิตโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง บ้านทุ่งต้อม อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยมีจุดเด่นในด้านการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันผลิตสินค้าเกษตรรูปแบบอินทรีย์ที่ครบวงจรและมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน มีการยื่นขอรับการรับรองมาตรฐานระบบการผลิตปลานิลอินทรีย์กับกรมประมงจนได้รับการรับรองมาตรฐานอินทรีย์เป็นเครื่องหมายยืนยันความปลอดภัยต่อผู้บริโภค อีกทั้งมีการจัดจำหน่ายในตลาดอาหารปลอดภัยอย่าง Lemon Farm และ Fisherman Shop ซึ่งรองรับกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีผู้นำและทีมเกษตรกร Smart Farmer ที่มีความทันสมัย ทันต่อเทคโนโลยี สนใจการขยายโอกาสทางการตลาดสมัยใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอยู่เสมอ นางสาวพิชญาภา ณรงค์ชัย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มฯ มีสมาชิก จำนวน ๑๘๗ ราย เน้นการทำกิจกรรมทางการเกษตรที่หลากหลาย ทั้งการเลี้ยงหมูดำเหมยซาน เลี้ยงวัวและไก่พื้นเมือง การปลูกข้าวอินทรีย์ พืชผักสวนครัว ร่วมกับการเลี้ยงสัตว์น้ำแบบอินทรีย์ ได้แก่ ปลานิล และ กบ ในลักษณะที่เกื้อกูลมีการหมุนเวียนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรระหว่างกลุ่มเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น วัตถุดิบเหลือจากการผลิตปลานิลนำมาผลิตอาหารสัตว์ แหนและใบหม่อนตากแห้งใช้ในการผลิตข้าวอินทรีย์ การนำมูลสัตว์มาใช้เป็นปุ๋ยคอกสำหรับเพาะปลูก ฟางข้าวนำมาใช้เลี้ยงปลานิล เป็นต้น ทำให้เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ที่มีกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ได้แก่ ข้าวอินทรีย์ ปศุสัตว์อินทรีย์ และประมงอินทรีย์ รวมไปถึงการแปรรูปผลผลิตสินค้าอินทรีย์สร้างมูลค่า โดยจัดจำหน่ายในตลาดของกลุ่มผู้รักสุขภาพ ซึ่งจากการนำระบบ QR Trace On Cloud มาใช้ในผลิตภัณฑ์ปลานิลอินทรีย์ พบว่าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานของกลุ่ม เนื่องจากมีการแสดงข้อมูลการผลิตที่ชัดเจน อีกทั้งยังช่วยดึงดูดความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรภายในกลุ่มเป็นอย่างดี รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า ในปีงบประมาณ 2569 กรมประมงมีแผนจะขยายผลไปยังกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ กลุ่มเกษตรกรหรือวิสาหกิจชุมชน ในสินค้ากลุ่มปลากะพง กุ้งก้ามกราม และกบ ต่อไป โดยเชื่อมั่นว่าระบบ QR Trace On Cloud ดังกล่าวนี้ จะช่วยให้เกษตรกรภาคประมงได้มีแหล่งรวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยติดตามและตรวจสอบย้อนกลับสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้ตลอดสายการผลิต ลดความสูญเสียกรณีพบข้อบกพร่องของสินค้าที่ผลิต โดยสามารถเรียกคืนเฉพาะล็อตที่มีปัญหาได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภคต่อสินค้าผลิตภัณฑ์ประมงได้มากขึ้น อีกทั้งสร้างโอกาสทางการแข่งขันและเปิดช่องทางการตลาดใหม่ ๆ ให้กับเกษตรกรภาคประมงอีกด้วย สำหรับเกษตรกรด้านประมงท่านใดที่มีความประสงค์จะใช้งานระบบ QR Trace on Cloud สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ กองพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานสินค้าประมงและหลักฐานเพื่อการสืบค้น โทรศัพท์ 02 562 0600 ต่อ 14514 และ Facebook Page : กองพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานสินค้าประมงและหลักฐานเพื่อการสืบค้น  

 31 อ่าน : 4 เดือน

กรมประมง...หนุนเทรนด์อาหารปลอดภัย นำร่องใช้ระบบตามสอบสินค้าเกษตรบนระบบคลาวด์สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก : QR Trace On Cloud ในผลิตภัณฑ์ปล.. 

กรมประมง...ประกาศ “ปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน 3 เดือน” ควบคุมการทำประมงเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ในพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง เริ่ม 1 เม.ย. 68 นี้ !! วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2568 ณ ท่าเทียบเรือศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ กรมประมงจัดพิธี “ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2568” (ปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน) บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2568 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง 4,696 ตารางกิโลเมตร เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ และรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศไว้อย่างยั่งยืน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีฯ ว่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจงานการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน หรือกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ชาวประมงและประชาชนมีส่วนช่วยกันอนุรักษ์และทำประมงให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสูงสุด ภายใต้แนวคิด “สัตว์น้ำมีใช้อย่างยั่งยืน” ควบคู่ไปกับการประกอบอาชีพประมงที่มั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวประมง ตามนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ตามประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง พ.ศ. 2561 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2561 ได้กำหนดการบังคับใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน ของทุกปี ครอบคลุมพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ตั้งแต่แหลมพันวา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนทางธรรมชาติ ทั้งนี้ จากผลการศึกษาทางวิชาการในปี พ.ศ. 2567 กรมประมงได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลทรัพยากรสัตว์น้ำ จากเรือสำรวจประมงและเครื่องมือประมงพาณิชย์ พบว่า ในช่วงเวลาระหว่างมาตรการฯ (เมษายน-มิถุนายน) สัตว์น้ำชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ อาทิ ปลาทู ปลาลัง และปลาหลังเขียว มีความสมบูรณ์เพศ สูงมากกว่าร้อยละ 80 อีกทั้ง ในช่วงก่อนมาตรการและระหว่างมาตรการ ปลาเศรษฐกิจวัยอ่อนยังมีความชุกชุมและแพร่กระจาย ในพื้นที่ที่บังคับใช้มาตรการ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม ที่มีความชุกชุมเฉลี่ย 577 ตัวต่อปริมาตรน้ำ 1,000 ลบ.ม. และเดือนพฤษภาคม พบความชุกชุมเฉลี่ย 258 ตัวต่อปริมาตรน้ำ 1,000 ลบ.ม. และเมื่อพิจารณาอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยจากเรือสำรวจประมงที่ทำการสำรวจในเขตมาตรการ พบว่า ช่วงก่อนมาตรการ ระหว่างมาตรการ และหลังมาตรการ มีอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ย เท่ากับ 135.505 กก./ชม. 166.206 กก./ชม. และ 471.888 กก./ชม. ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ย ก่อนและหลังมาตรการ พบว่า อัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ย หลังมาตรการมากกว่าถึง 3.5 เท่า ของช่วงก่อนมาตรการ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายในมาตรการปิดอ่าวฝั่งอันดามันมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาวการณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ และสามารถฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในทะเลอันดามันได้อย่างยั่งยืน โดยภายในงานวันนี้ มีการประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกาศใช้มาตรการฯ และปล่อยขบวนเรือตรวจประมงทะเลออกปฏิบัติงานในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการมอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง (กิจกรรมพัฒนาอาชีพชุมชนประมง) ประจำปี 2568 ให้แก่ชุมชนประมงท้องถิ่นทั้งหมด 22 กลุ่ม ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอาชีพและฟื้นฟูทรัพยากรประมง พร้อมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกุ้งกุลาดำและปูม้า จำนวน 1,510,000 ตัว ลงสู่ทะเลอันดามัน เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตและคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศ รวมถึง การจัดแสดงนิทรรศการนำเสนอข้อมูลความรู้ทางการประมงในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ การจัดแสดงผลการประเมินทางวิชาการมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำฝั่งทะเลอันดามัน การควบคุมบังคับใช้กฎหมายในช่วงมาตรการ นิทรรศการปลาทะเลสวยงาม การอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเล การแปรรูปเพิ่มมูลค่าสัตว์น้ำ Zero waste สู่ประมงยั่งยืน ฯลฯ และการจัดบูทจำหน่ายสินค้าประมงจากชุมชนประมงพื้นบ้าน 10 กลุ่ม ภายใต้ร้าน Fisherman Shop ที่การันตีคุณภาพของสินค้าได้ว่ามีความสด สะอาด ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม “กรมประมงมุ่งหวังให้มาตรการปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน เป็นกลไกหนึ่งในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำโดยอาศัยความตระหนักและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรสัตว์น้ำที่คุ้มค่าและยั่งยืน สุดท้ายกรมประมงต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงที่มีส่วนร่วมในการบริหาร จัดการทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนและเกิดความมั่นคงในการประกอบอาชีพประมงต่อไป”...อธิบดีฯ กล่าว

 16 อ่าน : 4 เดือน

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2568 ณ ท่าเทียบเรือศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ กรมประมงจัดพิธี “ประกาศ.. 

การประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาพื้นที่นำร่องเกษตรทันสมัย แม่นยำ อำเภอเมืองพะเยาและอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ครั้งที่ 1/2568 วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุม 4/2 อาคาร 1 กรมส่งเสริมการเกษตร นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาพื้นที่นำร่องเกษตรทันสมัย แม่นยำ อำเภอเมืองพะเยาและอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายธนสาร ธรรมสอน ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาพื้นที่นำร่องเกษตรทันสมัย แม่นยำ อำเภอเมืองพะเยา และอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พร้อมทั้ง พิจารณาพื้นที่นำร่องในการดำเนินงาน คือ หนองเล็งทราย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา และร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการขับเคลื่อนและพัฒนา เพื่อให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จต่อไป #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

 22 อ่าน : 4 เดือน

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุม 4/2 อาคาร 1 กรมส่งเสริมการเกษตร

นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เข้าร่วมการประชุ.. 

การประชุมคณะทำงานโครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมฉนาก ชั้น 4 อาคารจรัลธาดา กรรณสูต กรมประมง นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมคณะทำงานโครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 ผ่านระบบทางไกลออนไลน์ Zoom Cloud Meetings เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินโครงการส่งเสริมทางเลือกอาชีพด้านการประมง ภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในเขตพื้นที่ 23 จังหวัด ทั้งนี้ ได้กำชับและเร่งรัดให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ปฎิบัติงานแต่ละขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง เป็นไปตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการประมง ปี 2567 สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ต่อไป #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  

 25 อ่าน : 4 เดือน

เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมฉนาก ชั้น 4 อาคารจรัลธาดา กรรณสูต กรมประมง

นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง เป็นป.. 

การประชุมหารือเตรียมงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุมยี่สก ชั้น 2 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง และระบบประชุมออนไลน์ Zoom Cloud Meetings นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมหารือเตรียมงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุม โดยที่ประชุมมีการหารือเตรียมงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 เมษายน 2568 ณ กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา โดยภายในงานจะมีกิจกรรมตกปลาชะโด ประกอบอาหารจากปลาชะโด และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงในกว๊านพะเยา โดยการจัดการแข่งขันตกปลาชะโด มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสมดุลและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงในกว๊านพะเยา #กรมประมง #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์    

 19 อ่าน : 4 เดือน

เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุมยี่สก ชั้น 2 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง และระบบประชุมออนไลน์ Zoom Cloud Meetings

นางฐ..