แวดวงข่าวเศรษฐกิจการประมง : การค้าสินค้าประมงระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาและผลกระทบต่อการขึ้นภาษีนำเข้า

แวดวงข่าวเศรษฐกิจการประมง : การค้าสินค้าประมงระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาและผลกระทบต่อการขึ้นภาษีนำเข้า

       ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสินค้าประมงอันดับที่ ๑ ของไทยสร้างรายได้กว่า ๔๖,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของไทยร้อยละ ๓๖ ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่างแคนาดาอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ ๒๕ ซิลีร้อยละ ๑๐ อินเดียร้อยละ ๒๖ อินโดนีเซียร้อยละ ๑๙ เวียดนามร้อยละ ๒๐ เอกวาดอร์ร้อยละ ๑๐ จีนร้อยละ ๑๔๕ และนอร์เวย์ร้อยละ ๑๕ ดังนั้นจึงสรุปผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าได้ ดังนี้

    ๑.ไทยมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าประมงร้อยละ ๕.๑๗ ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าประมงทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา อยู่ในอันดับที่ ๙ รองจากแคนดา ซิลี อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เอกวาดอร์ จีนและนอร์เวย์ ซึ่งมีอัตราภาษีนำเข้าต่ำกว่าไทยทั้งสิ้น (ยกเว้นจีน) ทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐอเมริกาของไทยจะยิ่งลดลงอย่างมาก
    ๒.จากการขึ้นภาษีดังกล่าวคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงของไทยลดลงประมาณ ๒๐-๓๐% หรือประมาณ ๙,๖๔๒ - ๑๔,๔๖๓ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกจากผลผลิตภายในประเทศ ๓,๗๐๐-๕,๕๐๐ ล้านบาท และเป็นมูลค่าจากผลผลิตจากการนำเข้า ๕,๙๔๒ – ๘,๙๑๓ ล้านบาท แต่ในระยะยาวอาจจะส่งออกลดลงมากถึง ๑๔,๔๖๓ ล้านบาท ปริมาณการส่งออกที่ลดลงอาจจะทำให้ราคาสัตว์ภายในประเทศตกต่ำได้

    ๓.สินค้าประมงส่งออกหลักของไทยเกือบร้อยละ ๘๐ เป็นสินค้าทูน่า (๔๗%) และกุ้ง (๓๑%) การขึ้นภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อสินค้าประมงของไทยทั้ง ๒ กลุ่ม โดยคาดว่าปลาทูน่ากระป๋องจะลดลงประมาณลดลงประมาณ ๓,๙๗๖ - ๕,๙๖๔ ล้านบาท และกุ้งจะลดลงประมาณประมาณ ๕,๑๘๐ - ๖,๐๒๐ ล้านบาท

    ๔. แนวทางการแก้ไขหาตลาดส่งออกใหม่อย่างตลาดสหภาพยุโรป หรือจีน การปรับเปลี่ยนสินค้าที่มีการแปรูปมากขึ้นทดแทนการส่งออกสินค้าวัตถุดิบ ส่งเสริมการเพิ่มการบริโภคภายใน การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มความเข้มงวดการนำเข้าสินค้าเนื่องจากสินค้าในบางประเทศหันมาส่งเข้าไทยทดแทนการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาลดลง

จัดทำโดย กลุ่มวิเคราะห์การค้าสินค้าประมงระหว่างประเทศ 

เอกสารอ้างอิง : การค้าสินค้าประมงระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาและผลกระทบต่อการขึ้นภาษีนำข้า (กรกฎาคม ๒๕๖๘)