กรมประมงเตือนประชาชนระวัง “พยาธิในซาชิมิ” หากบริโภคเข้าไปสามารถทำลายอวัยวะต่าง ๆ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เผยพบได้ทั้งในปลาทะเลและปลาน้ำจืดที่นิยมนำมาทำซาชิมิ จึงขอให้ประชาชนผู้บริโภคระมัดระวัง และเลือกบริโภคซาชิมิจากแหล่งที่เชื่อถือได้


[2025-06-30] ประชาสัมพันธ์การจัดงานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35 ที่จัดขึ้นภายใต้ธ.. [2025-05-30] “กุ้งเคยเซมเบ้” สตูลฮือฮา! เกษตรกรยุคใหม่พลิกโฉม “ของดีบ้านเรา” สู่ของ.. [2025-05-27] รายงานผลสำเร็จการประเมินองค์กรคุณธรรม กอส. 2568.. [2025-05-11] กอส. ภูมิใจและยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื.. [2025-05-02] การประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการสร้างแรงจูงใจในการนำปลาหมอคางดำที่กำ.. [2025-05-01] การประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร ครั้งที่ 2/2568.. [2025-04-25] การเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม.. [2025-03-28] งานพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่.. [2025-03-18] เจตนารมณ์ไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (์No Gift.. [2025-03-16] การประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการสร้างแรงจูงใจในการนำปลาหมอคางดำที่กำ.. อ่านทั้งหมด 

กรมประมงเตือนประชาชนระวัง “พยาธิในซาชิมิ” หากบริโภคเข้าไปสามารถทำลายอวัยวะต่าง ๆ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เผยพบได้ทั้งในปลาทะเลและปลาน้ำจืดที่นิยมนำมาทำซาชิมิ จึงขอให้ประชาชนผู้บริโภคระมัดระวัง และเลือกบริโภคซาชิมิจากแหล่งที่เชื่อถือได้  

 คลังความรู้  ความรู้ด้านการประมง

ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

กรมประมง...ห่วง!!!

บริโภคซาชิมิให้ปลอดภัยจากพยาธิ หากไม่ระวังอาจถึงตายได้

กรมประมงเตือนประชาชนระวัง “พยาธิในซาชิมิ” หากบริโภคเข้าไปสามารถทำลายอวัยวะต่าง ๆ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เผยพบได้ทั้งในปลาทะเลและปลาน้ำจืดที่นิยมนำมาทำซาชิมิ จึงขอให้ประชาชนผู้บริโภคระมัดระวัง และเลือกบริโภคซาชิมิจากแหล่งที่เชื่อถือได้

นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยในฐานะโฆษกกรมประมงว่า ซาซิมิเป็นอาหารที่ได้จากการแล่เนื้อปลา หมึก หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ยังสดอยู่เป็นชิ้นบาง ๆ และมักจะรับประทานคู่กับโชยุหรือซีอิ้วญี่ปุ่นและวาซาบิ ซึ่งซาชิมินั้นสามารถใช้ทั้งสัตว์น้ำทะเล สัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำกร่อยเป็นวัตถุดิบได้ แต่การบริโภคอาหารแบบดิบนั้นมีโอกาสที่จะพบพยาธิต่าง ๆ เช่น ในซาชิมิจากปลาหรือหมึกทะเลมักพบตัวอ่อนของพยาธิตัวกลม และพยาธิตืดปลา ส่วนซาชิมิจากปลาน้ำจืดและน้ำกร่อยนั้น มักพบพยาธิตัวจี๊ด พยาธิตืดปลา พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ปอด และพยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย ซึ่งสามารถแยกลักษณะและอาการของผู้ที่บริโภคพยาธิเข้าไปได้ ดังนี้

1. พยาธิตืดปลา เป็นพยาธิตัวแบนยาว ลำตัวเป็นปล้อง ยาวได้มากที่สุดประมาณ 150 เซนติเมตร หากบริโภคเข้าไปและเกิดการสะสมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ร้อนบริเวณหน้าท้อง ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตาย

2. พยาธิตัวจี๊ด มีลักษณะลำตัวกลมยาวประมาณ 1.5 - 3.0 เซนติเมตร หัวคล้ายลูกฟักทอง ทั้งหัว และตัวจะมีหนาม โดยพบตัวอ่อนของพยาธิในปลา เมื่อคนกินปลาซึ่งมีพยาธิระยะติดต่อเข้าไป พยาธิจะคืบคลาน หรือไชไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย หากเข้าสู่อวัยวะสำคัญอาจถึงตาย

3. พยาธิอะนิซาคิส เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่นและเขตร้อน ลำตัวยาวประมาณ 1 - 2 เซนติเมตร บริเวณปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา พยาธิชนิดนี้จะไชผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดแผล และอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ทำให้ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ และท้องอืด

4. พยาธิใบไม้ แบ่งได้ 2 ชนิด ได้แก่ พยาธิใบไม้ตับ เกิดจากการกินอาหารประเภทปลาน้ำจืดชนิดมีเกล็ดที่มีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ หากบริโภคปลาที่มีพยาธิชนิดนี้เข้าไปจะเกิดอาการ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ร้อนบริเวณหน้าท้อง และหากปล่อยไว้นานจะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตายได้ ส่วนพยาธิใบไม้ปอด คนและสัตว์ติดต่อโดยการบริโภคปูและกุ้งน้ำจืดแบบดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ปูน้ำตก ปูลำห้วย ปูป่า กุ้งฝอย ที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ปอดอยู่ เมื่อบริโภคสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิจะไชทะลุผนัง ลำไส้เล็กส่วนต้นออกสู่ช่องท้อง ผ่านกระบังลม และเข้าฝังตัวในปอด ทำให้ปอดอักเสบ คนไข้จะมีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรังบางครั้งมีเลือดปนออกมากับเสมหะพยาธิอาจไชไปอยู่ที่อวัยวะอื่น เช่น ตับ ลำไส้ กล้ามเนื้อ เยื่อบุช่องท้อง และสมอง เป็นต้น ทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะเหล่านั้น

5. พยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย เมื่อปลากินไข่พยาธิเข้าไปจะฟักเป็นตัวอ่อนในปลา เมื่อคนบริโภคพยาธิชนิดนี้ พยาธิจะฝังอยู่ที่ลำไส้ ทำให้สูญเสียหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร เกิดอาการท้องเสีย อุจจาระมีกากมาก บางรายถ่ายเหลวนานนับเดือน คลื่นไส้ เบื่ออาหารและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

โฆษกกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับผู้ประกอบการ ร้านค้า รวมถึงผู้บริโภค ควรบริโภคอาหารประเภทซาชิมิอย่างปลอดภัยโดยแช่แข็งที่อุณหภูมิ -35 องศาเซลเซียส นาน 15 ชั่วโมง หรือ -20 องศาเซลเซียส นาน 7 วัน ก่อนรับประทาน เพื่อทำให้พยาธิตาย และควรเลือกซื้อสัตว์น้ำจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และมาจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (GAP) จึงจะปลอดภัยกับผู้บริโภค ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลการบริโภคสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอย่างปลอดภัย ได้ที่กลุ่มวิจัยความปลอดภัยสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ โทรศัพท์ 0 2940 6130 – 45 ต่อ 4209 หรือทางอีเมล ftdd@fisheries.go.th

กรมประมง...ห่วง!!!

บริโภคซาชิมิให้ปลอดภัยจากพยาธิ หากไม่ระวังอาจถึงตายได้

กรมประมงเตือนประชาชนระวัง “พยาธิในซาชิมิ” หากบริโภคเข้าไปสามารถทำลายอวัยวะต่าง ๆ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เผยพบได้ทั้งในปลาทะเลและปลาน้ำจืดที่นิยมนำมาทำซาชิมิ จึงขอให้ประชาชนผู้บริโภคระมัดระวัง และเลือกบริโภคซาชิมิจากแหล่งที่เชื่อถือได้

นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยในฐานะโฆษกกรมประมงว่า ซาซิมิเป็นอาหารที่ได้จากการแล่เนื้อปลา หมึก หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ยังสดอยู่เป็นชิ้นบาง ๆ และมักจะรับประทานคู่กับโชยุหรือซีอิ้วญี่ปุ่นและวาซาบิ ซึ่งซาชิมินั้นสามารถใช้ทั้งสัตว์น้ำทะเล สัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำกร่อยเป็นวัตถุดิบได้ แต่การบริโภคอาหารแบบดิบนั้นมีโอกาสที่จะพบพยาธิต่าง ๆ เช่น ในซาชิมิจากปลาหรือหมึกทะเลมักพบตัวอ่อนของพยาธิตัวกลม และพยาธิตืดปลา ส่วนซาชิมิจากปลาน้ำจืดและน้ำกร่อยนั้น มักพบพยาธิตัวจี๊ด พยาธิตืดปลา พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ปอด และพยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย ซึ่งสามารถแยกลักษณะและอาการของผู้ที่บริโภคพยาธิเข้าไปได้ ดังนี้

1. พยาธิตืดปลา เป็นพยาธิตัวแบนยาว ลำตัวเป็นปล้อง ยาวได้มากที่สุดประมาณ 150 เซนติเมตร หากบริโภคเข้าไปและเกิดการสะสมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ร้อนบริเวณหน้าท้อง ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตาย

2. พยาธิตัวจี๊ด มีลักษณะลำตัวกลมยาวประมาณ 1.5 - 3.0 เซนติเมตร หัวคล้ายลูกฟักทอง ทั้งหัว และตัวจะมีหนาม โดยพบตัวอ่อนของพยาธิในปลา เมื่อคนกินปลาซึ่งมีพยาธิระยะติดต่อเข้าไป พยาธิจะคืบคลาน หรือไชไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย หากเข้าสู่อวัยวะสำคัญอาจถึงตาย

3. พยาธิอะนิซาคิส เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่นและเขตร้อน ลำตัวยาวประมาณ 1 - 2 เซนติเมตร บริเวณปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา พยาธิชนิดนี้จะไชผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดแผล และอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ทำให้ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ และท้องอืด

4. พยาธิใบไม้ แบ่งได้ 2 ชนิด ได้แก่ พยาธิใบไม้ตับ เกิดจากการกินอาหารประเภทปลาน้ำจืดชนิดมีเกล็ดที่มีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ หากบริโภคปลาที่มีพยาธิชนิดนี้เข้าไปจะเกิดอาการ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ร้อนบริเวณหน้าท้อง และหากปล่อยไว้นานจะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตายได้ ส่วนพยาธิใบไม้ปอด คนและสัตว์ติดต่อโดยการบริโภคปูและกุ้งน้ำจืดแบบดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ปูน้ำตก ปูลำห้วย ปูป่า กุ้งฝอย ที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ปอดอยู่ เมื่อบริโภคสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิจะไชทะลุผนัง ลำไส้เล็กส่วนต้นออกสู่ช่องท้อง ผ่านกระบังลม และเข้าฝังตัวในปอด ทำให้ปอดอักเสบ คนไข้จะมีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรังบางครั้งมีเลือดปนออกมากับเสมหะพยาธิอาจไชไปอยู่ที่อวัยวะอื่น เช่น ตับ ลำไส้ กล้ามเนื้อ เยื่อบุช่องท้อง และสมอง เป็นต้น ทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะเหล่านั้น

5. พยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย เมื่อปลากินไข่พยาธิเข้าไปจะฟักเป็นตัวอ่อนในปลา เมื่อคนบริโภคพยาธิชนิดนี้ พยาธิจะฝังอยู่ที่ลำไส้ ทำให้สูญเสียหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร เกิดอาการท้องเสีย อุจจาระมีกากมาก บางรายถ่ายเหลวนานนับเดือน คลื่นไส้ เบื่ออาหารและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

โฆษกกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับผู้ประกอบการ ร้านค้า รวมถึงผู้บริโภค ควรบริโภคอาหารประเภทซาชิมิอย่างปลอดภัยโดยแช่แข็งที่อุณหภูมิ -35 องศาเซลเซียส นาน 15 ชั่วโมง หรือ -20 องศาเซลเซียส นาน 7 วัน ก่อนรับประทาน เพื่อทำให้พยาธิตาย และควรเลือกซื้อสัตว์น้ำจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และมาจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (GAP) จึงจะปลอดภัยกับผู้บริโภค ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลการบริโภคสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอย่างปลอดภัย ได้ที่กลุ่มวิจัยความปลอดภัยสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ โทรศัพท์ 0 2940 6130 – 45 ต่อ 4209 หรือทางอีเมล ftdd@fisheries.go.th


คุยกับน้องมัจฉา Add Friends คุยกับน้องมัจฉา