นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

ส่ง email ทวิต Tweeter ส่ง Line แชร์ Facebook

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

กรมประมง (กรม) ขอแนะนำให้ท่านทำความเข้าใจนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นี้ เนื่องจากนโยบายนี้อธิบายถึงวิธีการที่กรมปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของท่าน เป็นต้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกรม กรมจึงประกาศนโยบายส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
1. กรมเคารพและให้ความสำคัญถึงสิทธิ ข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และกรมตระหนักดีว่า ท่านในฐานะผู้ใช้บริการของกรมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยในการใช้บริการผ่านเว็บไซต์ของกรม
2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่กรมได้รับมา เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของท่านได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และมีคุณภาพ จะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของกรมเท่านั้น และกรมจะดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตจากท่านก่อน

การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด
1. ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่มีคุณภาพของท่าน กรมจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมในการเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนเก็บรวบรวม และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือบริการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดภายใต้วัตถุประสงค์ของกรมเท่านั้น
2. กรมจะขอความยินยอมจากท่านก่อนจะเก็บรวบรวม เว้นแต่
(1) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด
(2) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
(3) เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้บริการท่านอื่น
(4) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
(5) เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ
3. กรมจะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรม พฤติกรรมทางเพศ หรือข้อมูลที่อาจเป็นผลร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมหรือความไม่เท่าเทียมกันแก่บุคคลใด เว้นแต่
(1) ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากท่าน
(2) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด
(3) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
(4) เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้บริการท่านอื่น
(5) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
(6) เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ
4. กรมอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเข้ากับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นและได้รับความยินยอมจากท่านเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน และเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการให้ บริการของกรมดียิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. กรมเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการดำเนินงานของกรม การศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของกรม และเพื่อปรับปรุงคุณภาพของการให้บริการของกรมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ท่านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล กรมจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอม และจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน
3. ในกรณีที่กรมมีการเก็บรวบรวม จัดเก็บ ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการอื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ได้ระบุไว้ ท่านมีสิทธิที่ในความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการเลือกว่า จะให้กรมเก็บรวบรวม จัดเก็บ ใช้ เปิดเผยหรือไม่ให้เก็บรวบรวม จัดเก็บ ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
4. เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์และติดตามการใช้บริการทางเว็บไซต์ และวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบย้อนหลังในกรณีที่เกิดปัญหาการใช้งาน กรมจึงจัดเก็บบันทึกข้อมูลการเข้าออกเว็บไซต์ (Log Files) ของท่านโดยระบบอัตโนมัติ โดยจัดเก็บข้อมูลต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
(1) หมายเลขไอพี (IP Address)
(2) ประเภทของโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser)
5. กรมจะไม่กระทำการใด ๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่
(1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้ผู้ใช้บริการทราบ และได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ
(2) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด

การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้อย่างจำกัด
1. กรมจะใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านและจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของกรมเท่านั้น
2. กรมจะดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานของกรมมิให้เปิดเผย แสดง หรือทำให้ปรากฏในลักษณะอื่นใดซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์หรือต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่
(1) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด
(2) ได้รับความยินยอมจากท่าน
(3) เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้บริการอื่น
(4) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
(5) เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ
3. ในบางกรณีกรมอาจให้บุคคลหรือหน่วยงานอื่นเข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของกรม ทั้งนี้ กรมจะต้องได้รับความยินยอมจากท่านก่อน

การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
กรมตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรมจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของกรม

การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. ในกรณีที่ท่านประสงค์จะทราบข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตนเอง ท่านสามารถมีคำร้องขอตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมกำหนด เมื่อกรมได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว กรมจะรีบดำเนินการแจ้งถึงความมีอยู่ หรือรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้ท่านภายในระยะเวลาอันสมควร
2. หากท่านเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ท่านสามารถแจ้งกรมเพื่อให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ ในการนี้ กรมจะจัดทำบันทึกคำคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นหลักฐานด้วย
3. ท่านมีสิทธิตรวจดูความมีอยู่ ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคลวัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลไปใช้ และสถานที่ทำการของกรม นอกจากนี้ ยังมีสิทธิดังต่อไปนี้
(1) ขอสำเนา หรือขอสำเนารับรองถูกต้องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของตน
(2) ขอแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องสมบูรณ์
(3) ขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
(4) ขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
(5) ขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนในกรณีที่เป็นข้อมูลซึ่งผู้ใช้บริการไม่ได้ให้ความยินยอมในการรวบรวมหรือจัดเก็บ

อย่างไรก็ตาม กรมอาจปฏิเสธสิทธิของท่านได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้อีก

การเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น
1. กรมอาจเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น   กรมจะแจ้งให้ ท่านทราบก่อนที่จะเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล  พร้อมทั้งขอความยินยอม โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
(1) บุคคลหรือหน่วยงานที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
(2) วัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
(3) วิธีการในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
(4) ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการเชื่อมโยง
(5) บุคคลผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
2. ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น กรมจะแสดงชื่อผู้เก็บรวบรวม บุคคลผู้มีสิทธิในข้อมูลที่ได้มีการเก็บรวบรวมอย่างชัดเจน เพื่อให้ท่านได้รับทราบ นอกจากนี้ กรมจะจัดทำบันทึกการเชื่อมโยงข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
3. หากมีการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมโยงข้อมูล กรมจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และขอความยินยอมก่อนการดำเนินการ

การเปลี่ยนแปลงนโยบายส่วนบุคคล
1. กรมอาจปรับปรุงนโยบายส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการ การดำเนินงานของกรม และข้อแสนอแนะ ความคิดเห็นจากท่าน กรมจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจนก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง หรืออาจส่งประกาศแจ้งเตือนให้ท่านทราบโดยตรง
2. สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล