“กรมประมง” เตือน “เกษตรกร” เฝ้าระวังโรคระบาดปลาจากสภาพอากาศ ในช่วงฤดูหนาว

 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดมหาสารคาม




“กรมประมง” เตือน “เกษตรกร” เฝ้าระวังโรคระบาดปลาจากสภาพอากาศ ในช่วงฤดูหนาว

นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศว่า ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งสภาวะอากาศหนาวอาจส่งผลกระทบ ต่อการเลี้ยงสัตว์น้ำ เนื่องจากจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารน้อยลง ภูมิต้านทานต่ำ สุขภาพอ่อนแอ เอื้อต่อการเกิดโรคระบาดได้ง่าย ดังนั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และเป็นการควบคุมโรคระบาดในช่วงฤดูหนาว อาทิ โรคอียูเอส หรือ “โรคแผลเน่าเปื่อย” โรคตัวด่าง และโรคเคเอชวี เป็นต้น

กรมประมงจึงขอให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

?  1. เกษตรกรควรวางแผนระยะเวลาการเลี้ยงปลาให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม หรือ ควรงดเว้นการเลี้ยงปลาในช่วงฤดูหนาว?

  2. ควรมีบ่อพักน้ำใช้เพื่อใช้ในฟาร์มได้เพียงพอตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว

  ?3. เลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยงให้เหมาะสมกับฤดูกาล โดยในช่วงฤดูหนาว ควรเลือกปลาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดน้อย เช่น ปลานิล ปลาจีน และปลาไม่มีเกล็ด ที่สำคัญ ควรลดความหนาแน่นของปลาที่ปล่อยลงเลี้ยงและหมั่นเอาใจใส่ ตรวจสุขภาพปลาอย่างสม่ำเสมอ

?  4. ควบคุมปริมาณการให้อาหารอย่างเหมาะสม ลดปริมาณอาหารที่จะให้ลง 10 – 15 % เนื่องจาก ช่วงอุณหภูมิต่ำปลาจะกินอาหารน้อยลง ถ้าหากมีปริมาณอาหารเหลือจะสะสมตามพื้นบ่อ ส่งผลให้น้ำเน่าเสีย เกิดก๊าซพิษ และมีผลกระทบต่อสุขภาพปลา ทั้งนี้ อาจมีการเสริมวิตามินซีในอาหาร 1 - 2 % โดยน้ำหนัก จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ต้านทานโรคและลดความเครียดของปลาได้

  5. ควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อ โดยใช้ปูนขาว ในอัตรา 60 – 100 กิโลกรัมต่อบ่อขนาด 1 ไร่ หรือ นำเกลือแกงมาละลายน้ำสาดให้ทั่วบ่อ ประมาณ 100 - 150 กิโลกรัมต่อไร่

?  6. หากพบมีปลาที่เลี้ยงป่วยหรือมีอาการผิดปกติ ควรแยกออกไปเลี้ยงและรักษาต่างหาก กรณีป่วยหนักอาจทำลายทิ้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง ทั้งนี้ หากกรณีปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความผิดปกติ ให้รีบปิดทางน้ำเข้าและหยุดการเติมน้ำจากธรรมชาติเข้ามาในบ่อทันที

?  7. หากไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำได้ ในช่วงระหว่างการเลี้ยง ให้ควบคุมปริมาณการให้อาหาร

?  8. หากพบว่าน้ำในบ่อเริ่มเน่าเสีย โดยสังเกตว่ามีก๊าซผุดขึ้นมาจากพื้นบ่อ ให้ใช้เกลือสาดบริเวณดังกล่าว ประมาณ 200 – 300 กิโลกรัมต่อบ่อขนาด 1 ไร่

?  9. หากพบปลาตายในบ่อเลี้ยงให้กำจัดโดยการฝังหรือเผา

?  10. เมื่ออากาศเริ่มเข้าสู่สภาวะที่เหมาะสม (อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น) และพบว่าปลาในธรรมชาติ เป็นปกติ ไม่มีอาการป่วย ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำตามความเหมาะสม และให้อาหารปลาได้ตามปกติ

?  ทั้งนี้ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตและดูแลสัตว์น้ำในช่วงฤดูหนาวอย่างใกล้ชิด หากพบมีสัตว์น้ำป่วยหรือมีอาการผิดปกติ สามารถแจ้งหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดหรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง/ น้ำจืดในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือกองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรุงเทพมหานคร โทร.0 2579 4122

นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศว่า ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งสภาวะอากาศหนาวอาจส่งผลกระทบ ต่อการเลี้ยงสัตว์น้ำ เนื่องจากจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารน้อยลง ภูมิต้านทานต่ำ สุขภาพอ่อนแอ เอื้อต่อการเกิดโรคระบาดได้ง่าย ดังนั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และเป็นการควบคุมโรคระบาดในช่วงฤดูหนาว อาทิ โรคอียูเอส หรือ “โรคแผลเน่าเปื่อย” โรคตัวด่าง และโรคเคเอชวี เป็นต้น

กรมประมงจึงขอให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

?  1. เกษตรกรควรวางแผนระยะเวลาการเลี้ยงปลาให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม หรือ ควรงดเว้นการเลี้ยงปลาในช่วงฤดูหนาว?

  2. ควรมีบ่อพักน้ำใช้เพื่อใช้ในฟาร์มได้เพียงพอตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว

  ?3. เลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยงให้เหมาะสมกับฤดูกาล โดยในช่วงฤดูหนาว ควรเลือกปลาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดน้อย เช่น ปลานิล ปลาจีน และปลาไม่มีเกล็ด ที่สำคัญ ควรลดความหนาแน่นของปลาที่ปล่อยลงเลี้ยงและหมั่นเอาใจใส่ ตรวจสุขภาพปลาอย่างสม่ำเสมอ

?  4. ควบคุมปริมาณการให้อาหารอย่างเหมาะสม ลดปริมาณอาหารที่จะให้ลง 10 – 15 % เนื่องจาก ช่วงอุณหภูมิต่ำปลาจะกินอาหารน้อยลง ถ้าหากมีปริมาณอาหารเหลือจะสะสมตามพื้นบ่อ ส่งผลให้น้ำเน่าเสีย เกิดก๊าซพิษ และมีผลกระทบต่อสุขภาพปลา ทั้งนี้ อาจมีการเสริมวิตามินซีในอาหาร 1 - 2 % โดยน้ำหนัก จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ต้านทานโรคและลดความเครียดของปลาได้

  5. ควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อ โดยใช้ปูนขาว ในอัตรา 60 – 100 กิโลกรัมต่อบ่อขนาด 1 ไร่ หรือ นำเกลือแกงมาละลายน้ำสาดให้ทั่วบ่อ ประมาณ 100 - 150 กิโลกรัมต่อไร่

?  6. หากพบมีปลาที่เลี้ยงป่วยหรือมีอาการผิดปกติ ควรแยกออกไปเลี้ยงและรักษาต่างหาก กรณีป่วยหนักอาจทำลายทิ้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง ทั้งนี้ หากกรณีปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความผิดปกติ ให้รีบปิดทางน้ำเข้าและหยุดการเติมน้ำจากธรรมชาติเข้ามาในบ่อทันที

?  7. หากไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำได้ ในช่วงระหว่างการเลี้ยง ให้ควบคุมปริมาณการให้อาหาร

?  8. หากพบว่าน้ำในบ่อเริ่มเน่าเสีย โดยสังเกตว่ามีก๊าซผุดขึ้นมาจากพื้นบ่อ ให้ใช้เกลือสาดบริเวณดังกล่าว ประมาณ 200 – 300 กิโลกรัมต่อบ่อขนาด 1 ไร่

?  9. หากพบปลาตายในบ่อเลี้ยงให้กำจัดโดยการฝังหรือเผา

?  10. เมื่ออากาศเริ่มเข้าสู่สภาวะที่เหมาะสม (อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น) และพบว่าปลาในธรรมชาติ เป็นปกติ ไม่มีอาการป่วย ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำตามความเหมาะสม และให้อาหารปลาได้ตามปกติ

?  ทั้งนี้ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตและดูแลสัตว์น้ำในช่วงฤดูหนาวอย่างใกล้ชิด หากพบมีสัตว์น้ำป่วยหรือมีอาการผิดปกติ สามารถแจ้งหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดหรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง/ น้ำจืดในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือกองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรุงเทพมหานคร โทร.0 2579 4122

  •   หน่วยงาน: ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดมหาสารคาม
  •   ประกาศวันที่: 2021-11-25
  •   ประกาศสิ้นสุดเเล้วเมื่อวันที่: 2022-09-30 

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดมหาสารคาม

รายละเอียด ๒๐  หมู่ ๑๓  ต.แก่งเลิงจาน  อ.เมือง  จ.มหาสารคาม  ๔๔๐๐๐  email  ifmahasarakham@gmail.com  โทรศัพท์ ๐๔๓ ๗๗๗๔๓๙  FAX ๐๔๓ ๗๗๗๔๓๙
CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6