สัตว์น้ำประจำหน่วยงาน

 ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสตูล


สัตว์น้ำประจำหน่วยงาน 

เมนู

ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT สัตว์น้ำประจำหน่วยงาน..คลิก

เต่ากระอาน

Download pdf file

ชื่อไทย: เต่ากระอาน

ชื่อท้องถิ่น: -

ชื่อสามัญ: Southern river terrapin

ชื่อวิทยาศาสตร์: Batagur  baska

ลักษณะทั่วไป: เต่ากระอาน เป็นเต่าน้ำจืดกระดองแข็งขนาดใหญ่ มีรูปร่างค่อนข้างกลม สามารถหดหัวเข้ากระดองได้ในแนวตรง หัวมีแผ่นเกล็ดหุ้มอยู่ทั้งด้านบนและด้านข้าง มีสายตาดีและมีหนังตาที่สามารถปิดและเปิดได้ซึ่งช่วยในการป้องกันอันตราย คอสามารถยืดหยุ่นได้ดีสามารถยื่นและหดหัวได้เร็ว คอปกคลุมด้วยหนังบางๆ ปลายจมูกเชิด งอนขึ้น ตาสีขาว เท้าหน้าแผ่แบนมีผังผืด มีเล็บ 4 เล็บ ขาสีเทาหรือดำ กระดองหลังเรียบโค้งมนรูปไข่สีเขียวมะกอกอมเทาหรือดำกระดองหลังยาวเต็มที่ 60 เซนติเมตร น้ำหนักเพศผู้เฉลี่ย 14 กิโลกรัม น้ำหนักเพศเมียเฉลี่ย 22 กิโลกรัม ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในน้ำ เพศผู้เล็กกว่าเพศเมีย

ขนาดความยาวสูงสุด (maximum size) : 60 เซนติเมตร

การแพร่กระจาย: พบแพร่กระจายทางภาคใต้ของประเทศไทย อาศัยในแหล่งน้ำจืด และบริเวณปากแม่น้ำ โดยเฉพาะที่คลองละงู อ.ละงู จ.สตูล ปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสตูล

ที่อยู่อาศัย: ในแหล่งน้ำจืด แต่สามารถอยู่ได้ในแหล่งน้ำกร่อย  บริเวณป่าชายเลน และเข้าไปอาศัยในแหล่งน้ำจืดในฤดูผสมพันธุ์ และวางไข่บนหาดทรายน้ำจืด 

แหล่งอาศัยในธรรมชาติ ปากคลองน้ำจืดเชื่อมต่อทะเล

 อาหารธรรมชาติ: เต่ากระอานจะกินอาหารทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนแต่ส่วนใหญ่จะออกหากินในเวลากลางคืน กินทั้งพืชและสัตว์ ใบ หนอ ผล ของต้นโกงกาง ผลมะเดื่อ  ลูกปลา ปู กบ หอย กุ้ง และตัวหนอนในน้ำ เต่าเป็นสัตว์ที่มีฟันเป็นแผ่นคมจึงไม่เคี้ยวอาหารแต่จะกินอาหารโดยวิธีขยอกกลืนเข้าไปที่ละเล็กละน้อยและกินไปเรื่อย ๆ  เป็นเวลานาน เต่ากินอาหารจำพวกผักได้มาก จะกินไปและถ่ายไปด้วยตลอดเวลาเต่ากินอาหารได้มากในน้ำที่มีระดับสูงพอท่วมกระดอง แต่จะกินอาหารได้น้อยหรือไม่กินอาหารเลยในที่ที่ไม่มีน้ำหรือที่แห้ง

 ฤดูวางไข่: เต่ากระอานจะผสมพันธุ์ระหว่างเดือน สิงหาคม-พฤศจิกายน หลังจากผสมพันธุ์กันแล้วเต่าตัวเมียจะเก็บน้ำเชื้อไว้ภายในเพื่อผสมกับไข่   และจะวางไข่ในเดือนพฤศจิกายน-มกราคม แม่เต่า 1 แม่จะให้ไข่จำนวน 8-35 ฟองไข่เต่ากระอานมีลักษณะยาวรี เท่ากันตลอดฟอง คล้ายไข่เป็ด แต่ยาวมากกว่าเล็กน้อย เปลือกไข่บาง  ไข่จะมีน้ำหนักประมาณ  60-70 กรัม ความยาวประมาณ 72-76 มิลลิเมตร ความกว้างประมาณ 39-45 มิลลิเมตร ใช้เวลาเพาะฟักเป็นตัว 90-100 วัน

อัตราส่วนเพศ: เพศผู้:เพศเมีย, 8:1

ลักษณะเพศ: ความแตกต่างระหว่างเพศผู้และเพศเมียของเต่ากระอานพบว่า ตัวเต็มวัยเพศผู้มีขนาดเล็กกว่าเพศเมียหลังโค้งนูนน้อยกว่าเพศเมีย หลังมีลักษณะรี คล้ายรูปไข่ จมูกแหลมกว่าเพศเมีย เพศผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มีตาสีดำ ล้อมรอบด้วยวงนอกสีขาว กระดอง ลำคอและส่วนหัว มีสีเทาดำเข้มกว่าตัวเมีย  คอยาวกว่าเพศเมีย ในฤดูผสมพันธุ์มีนิสัยดุร้าย ส่วนหัวมีลักษณะแหลมเชิดงอนขึ้นเล็กน้อย หางอ้วนยาวกว่าเพศเมียเพื่อช่วยในการผสมพันธุ์  ระยะห่างระหว่างช่องขับถ่ายกับโคนหางมากกว่าเพศเมีย ด้านท้องเพศผู้สีเหลืองครีมแผ่นท้องเรียบเสมอกันตลอดทั้งแผ่นไม่มีรอยบุ๋มตรงกลาง ซึ่งแตกต่างกับเต่าที่ผสมพันธุ์กันบนบกที่มีรอยบุ๋มตรงกลาง กระดองด้านบนมีลายกระดองชัดเจน ส่วนเพศเมีย มีตาสีดำล้อมรอบด้วยสีน้ำตาล กระดองหลังสีเทาดำ ลักษณะกลมรีมีลายเช่นกัน ท้องสีเหลืองอ่อน แผ่นท้องนูนออกมาข้างนอกเล็กน้อย แผ่นกระดองแต่ละแผ่นไม่มีลวดลายแยกแผ่นกระดอง จึงทำให้ดูเหมือนว่าเป็นแผ่นเดียวกัน เพศเมียตัวเต็มวัยมีน้ำหนักมากกว่าเพศผู้ หลังโค้งมากกว่า จมูกป้าน คอสั้นกว่า ส่วนหางเล็กสั้นกว่าเพศผู้ ระยะห่างระหว่างช่องขับถ่ายกับโคนหาง น้อยกว่าเพศผู้ สีของส่วนหัว คอและกระดองหลังเป็นสีเทาอ่อนกว่าเต่าเพศผู้เล็กน้อย นิสัยไม่ดุร้ายเช่นเพศผู้ สัดส่วนความกว้างต่อความยาวของเพศผู้มีอัตราส่วน 1:1.11 สัดส่วนความกว้างต่อความยาวของเพศเมียมีอัตราส่วน 1:1.01 สำหรับสัดส่วนความกว้างต่อความยาวเพศผู้มีอัตราส่วนยาวกว่าเพศเมีย คือเพศผู้มีลักษณะยาวรีกว่าเพศเมีย ส่วนเพศเมียมีลักษณะป้อมกว่ายาวรีน้อยกว่าเพศผู้

ความดกไข่: 8-35 ฟอง

การเพาะเลี้ยง:เต่ากระอานที่โตเต็มวัยมีอายุไม่ต่ำกว่า 10 ปี เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ประมาณเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน ของทุกปี เต่าจะเริ่มผสมพันธุ์กันทั้งกลางวันและกลางคืนในระดับน้ำลึกประมาณ 50 เซนติเมตร เต่าตัวผู้จะว่ายน้ำวนรอบ ๆ ตัวเมียที่พร้อมจะผสมพันธุ์และจะเอาปากพ่นน้ำใส่ระดับของปากของตัวเมียอยู่บริเวณผิวน้ำหรือสูงกว่างผิวน้ำเล็กน้อย ประมาณ 30 นาที และจะว่ายน้ำคลอเคลียตัวเมียไปเรื่อย ๆ โดยจะวนรอบ ๆ และจะหายใจเสียงดัง บางครั้งจะเอาหัวชนตามข้างตัวและส่วนก้นของตัวเมียแล้วจึงขึ้นคร่อมตัวเมีย โดยใช้ขาหน้าสองข้างจับที่ขอบกระดองด้านหัวแล้ว ใช้ส่วนหัวและลำคอกดบริเวณลำคอของตัวเมีย  การผสมพันธุ์จะผสมพันธุ์กันในน้ำเนื่องจากน้ำช่วยพยุงตัวในการผสมพันธุ์ หลังจากนั้นตัวผู้จะสอดปลายหางเข้าใต้ช่องเพศของเพศเมียและสอดอวัยวะเข้าผสมพันธุ์ ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นจึงแยกออกจากกัน อวัยวะเพศของตัวผู้จะมีลักษณะคล้าย ถุงปอดแต่แผ่กว้างคล้ายพัด ลักษณะสีเทาดำ ขนาดยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร กว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร หลังจากผสมพันธุ์เสร็จอวัยวะเพศผู้จึงหดเข้าไปอยู่ในช่องเพศตามเดิม และตัวผู้จะพักอยู่นิ่ง ๆ ประมาณ 30 นาทีจึงจะเคลื่อนไหว

หลังจากผสมพันธุ์กันแล้วเต่าตัวเมียจะเก็บน้ำเชื้อไว้ภายในเพื่อผสมกับไข่ ตั้งแต่เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ โดยแม่เต่าจะคลานจากบ่อขึ้นมาบริเวณหาดทรายในเวลากลางคืนและขุดทรายไปรอบ ๆ บ่อ เพื่อสำรวจแหล่งที่เหมาะสมสำหรับการวางไข่  แม่เต่าบางตัวจะขุดทรายแต่ไม่มีการวางไข่หลังจากสำรวจหาดแล้วแม่เต่าจะเริ่มวางไข่ ตั้งแต่เวลา 19.00 น ถึง เช้ามืด ในช่วงต้นฤดูแม่เต่าจะวางไข่ในช่วงค่ำ แต่เมื่อปลายฤดูแม่เต่าจะวางไข่ตอนเที่ยงคืนถึงเช้า  เต่าจะวางไข่ในที่เงียบสงัดไม่มีสิ่งรบกวน  เมื่อเลือกบริเวณที่วางไข่ได้แล้วแม่เต่าจะใช้ขาสองขาหลังขุดและคุ้นทรายไปด้านหลังจนถึงระยะที่เหมาะสมประมาณ 50 –100 เซนติเมตร ความกว้างของหลุมประมาณ 80 เซนติเมตร โดยที่ก้นหลุมเต่าจะขุดหลุมขนาดกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อวางไข่ แม่เต่าจะหันส่วนก้นลงหลุมแล้วทำการวางไข่โดยยกก้นขึ้นเล็กน้อย จึงปล่อยไข่ออกมาขณะที่วางไขแม่เต่าจะขับน้ำเมือกออกมาหล่อเลี้ยงเพื่อป้องกันมิให้ไข่แตกด้วย บริเวณส่วนก้นหลุมนี้ลักษณะทรายจะเป็นทรายละเอียดขนาดเล็กเพื่อต้องการให้แน่นเหมาะในการฟักเป็นตัวของลูกเต่า หลังจากนั้นแม่เต่าจะใช้ขาหลังคุ้ยทรายลงกลบหลุมโดยจะค่อย ๆ คุ้ยทรายลงพร้อมกับใช้หน้าอกกระแทกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมิดปากหลุม ขณะที่แม่เต่าใช้หน้าอกกระแทกปากหลุมจะมีเสียงดังไปถึง 10-20 เมตร หลังจากวางไข่เสร็จแม่เต่าจะนอนพักสักครู่ โดยจะไม่คลานลงน้ำทันทีเนื่องจากไม่สามารถจมตัวลงไปในน้ำได้ เมื่อปรับตัวได้แล้วจึงคลานลงน้ำไป จำนวนและปริมาณไข่มีตั้งแต่ 8-35 ฟอง ขึ้นอยู่กับขนาดของแม่เต่า เวลาที่ใช้ในการวางไข่ทั้งหมดประมาณ 2-3 ชั่วโมง

ลักษณะบ่อเพาะพันธุ์เต่ากระอาน

การอนุบาลอนุบาลลูกเต่าที่ฟักออกเป็นตัวในระยะแรก จะมีกระดองค่อนข้างกลมมีความกว้างมากว่าความยาวกระดอง ลักษณะกระดองนิ่มเป็นสันแหลม (Keel) ใน 3 แผ่นแรกแนวกลางตัว ด้านท้องมีเนื้อเยื่อเป็นวงกลมสีเหลืองอ่อนยื่นออกมาอยู่ระหว่างกระดองแผ่นที่ 3 กับแผ่นที่ 4 คือถุงไข่แดง ช่วงประมาณ 3- 5 วันแรก ลูกเต่าจะไม่กินอาหารเนื่องจากยังมีถุงไข่แดงอยู่ หลังจากนั้นจึงเริ่มให้กินผักบุ้ง เมื่อลูกเต่าอายุ 1 เดือน จึงให้กินเนื้อปลาสับละเอียด กุ้งฝอย และอาหารลูกกบ อาหารที่ให้ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัวลูกเต่าที่ฟักออกเป็นตัว หลังจากอนุบาลในตู้กระจก ประมาณ 3 เดือน จึงย้ายลูกเต่ามาอนุบาลต่อในบ่อคอนกรีต 10  ตารางเมตร  มีทางระบายน้ำเข้า-ออก สะดวก การอนุบาลลูกเต่าจะทำการถ่ายน้ำและทำความสะอาดเศษอาหารที่เหลือทุกวัน เวลา 8.30- 9.00 นาฬิกา  จากนั้นปล่อยให้พื้นบ่อและลูกเต่าแห้ง  (ผึ่งลม)   จนเวลา 14.00 นาฬิกา  จึงเติมน้ำเข้าบ่อ ให้ท่วมลูกเต่า และให้อาหาร

      

การส่งตัวอย่างเข้าห้องเก็บตัวอย่างอ้างอิง

การเลี้ยง: หลังจากอนุบาลลูกเต่าอายุประมาณ 1 ปี จึงแยกเต่าไปเลี้ยงในบ่อเลี้ยงโดยใช้บ่อซีเมนต์ ขนาด 5 x10x0.8 เมตร ระดับน้ำลึก 50 เซนติเมตร  อัตราการปล่อยประมาณ 5 ตัว/ตารางเมตร ให้กินผักบุ้งและปลาเป็ดอัตราส่วน 1:1 อาหารที่ให้วันละ 1 มื้อ จะให้ในเวลาตอนเย็นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว  เปลี่ยนถ่ายน้ำวันเว้นวัน  เลี้ยงลูกเต่าจนกระทั่งเป็นตัวเต็มวัยเมื่อมีอายุประมาณ 6-7 ปี เริ่มแยกเพศได้

 

         

การทำการประมงโดยทั่วไป: -

ราคาปลาสด: -

การใช้ประโยชน์: เพื่อการอนุรักษ์

เอกสารอ้างอิง

วรรณนัฑ  หิรัญชุฬหะ, เสาวคนธ์ รุ่งเรือง และสุวีณา  บานเย็น.2547 ชีววิทยาบางประการของเต่ากระอาน. เอกสารวิชาการฉบับที่ 83/2547. สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดสตูล กองประมงน้ำจืด กรมประมง.41 หน้า.

 

 

 

ปลาสร้อยลูกกล้วย (ซ่า)

Download pdf file

ชื่อไทย                ปลาสร้อยลูกกล้วย(ซ่า)

ชื่อท้องถิ่น            ปลายอดกล้วย,ปลาสร้อยลูกกล้วย

ชื่อสามัญ

ชื่อวิทยาศาสตร์      Labiobarbus  lineatus (Sauvage, 1878)

 

ลักษณะทั่วไป

ปลาสร้อยลูกกล้วย (ปลาซ่า)  เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ที่พบเห็นในเมืองไทย มี 7-8 ชนิด และมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน คือลำตัวด้านข้างกลม ยาว มีครีบหลังเป็นแผงยาวกว่าสกุลอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ครีบท้องและครีบก้นมีสีแดงออกส้ม เหนือครีบมักมีแต้มเป็นจุดสีดำรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มีลายดำเป็นเส้นเล็กๆ ประมาณ 7-8 เส้น พาดไปตามความยาวของลำตัว และมีจุดดำที่โคนหางอีกจุดหนึ่ง ในอดีตปลาเหล่านี้มีอย่างชุกชุม มักจับกลุ่มอยู่รวมกันเป็นฝูง เมื่อปลาตกใจจะกระโดดขึ้นจากผิวน้ำพร้อมๆกัน ทำให้เกิดเสียงดังซ่า จึงเรียกชื่อเป็นปลาซ่า ขนาดความยาวลำตัวโดยทั่วไป 12-30 เซนติเมตร ขนาดใหญ่สุดมีความยาว 35 - ๔๐เซนติเมตร น้ำหนัก 50๐ กรัม

การแพร่กระจายและแหล่งที่อยู่อาศัย

พบทั่วทุกภาคของประเทศไทย บริเวณแม่น้ำ ลำคลอง หนองและบึง อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทั้งบริเวณที่ลึกและตื้น เป็นปลาชนิดเด่นที่พบแพร่กระจายอยู่ในคลองละงู อำเภอละงู และคลองต่างๆ ในจังหวัดสตูล เป็นตัวบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำในระบบนิเวศน์

 

         

แหล่งอาศัยในธรรมชาติ

 

อาหารและนิสัยการกินอาหาร

เป็นปลากินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร (Herbiivorus fish) ได้แก่พืชน้ำ ซากน้ำ  แพลงค์ตอนพืช แพลงค์ตอนสัตว์ อินทรีย์สาร สัตว์หน้าดินขนาดเล็ก

 

ลักษณะการแพร่ขยายพันธุ์

ปลาจะเริ่มวางไข่ในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคมและจะวางไข่มากช่วงบริเวณน้ำหลาก ตัวเมียเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์จะมีท้องอูมเป่ง อวัยวะเพศจะมีสีแดงเรื่อๆ เพศผู้ จะมีลักษณะลำตัวเรียวยาว บริเวณแก้มจะสาก กดท้องเบาๆจะมีน้ำเชื้อไหลออกมา ปริมาณความดกของไข่ แม่ปลาน้ำหนัก 180 กรัม น้ำหนักไข่ 10.20 กรัม มีจำนวนไข่ 14,752 ฟอง และแม่ปลาน้ำหนัก 308 กรัม น้ำหนักไข่ 19.04 กรัม มีจำนวนไข่ 29,875 ฟอง ไข่ปลาสร้อยลูกกล้วยเป็นไข่ครึ่งจมครึ่งลอย มีจำนวน 2 พู สีเทาอมเหลือง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.1 มิลลิเมตร

ลักษณะไข่ปลาสร้อยลูกกล้วย

 

 

 

   

                             เพศผู้                                                                            เพศเมีย                                  

                               เปรียบเทียบลักษณะปลาตัวผู้และตัวเมียที่สมบูรณ์เพศ

 

การเพาะพันธุ์ปลาสร้อยลูกกล้วย

ปลาสร้อยลูกกล้วยที่นำมาเป็นพ่อแม่พันธุ์ ต้องมีอายุ 1 ปีขึ้นไป คัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์เพศ ขนาดความยาวของเพศผู้และเพศเมียที่ใช้ในการผสมพันธุ์ 20-30 เซนติเมตร เพศเมียฉีดด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ (buserelin acetate) 15 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ (domperidone) 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม   เพศผู้ฉีดด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ (buserelin acetate) 5 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ (domperidone) 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อัตราส่วนระหว่างเพศผู้เพศเมีย 2:1   ปลาจะเริ่มวางไข่หลังจากฉีดฮอร์โมนไปแล้ว 5-8 ชั่วโมง ไข่จะฟักออกเป็นตัวใช้เวลา 14-15 ชั่วโมง

 

    

 

           

 

การอนุบาล

ลูกปลาฟักออกเป็นตัวจนถึงถุงไข่แดงยุบใช้เวลา 2 วัน หลังจากนั้นให้อาหารไข่แดงบดละเอียด วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน วันที่ 5 จะให้รำละเอียดผสมปลาป่น อัตราส่วน 1:1 วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 50 วัน จะได้ลูกปลาขนาด 3-5 เซนติเมตร การอนุบาลลูกปลาจะใช้บ่อดิน ขนาด 800 ตารางเมตร จนถึงขนาด 1 ไร่ ก่อนปล่อยลูกปลาต้องเตรียมบ่อให้ดีเพื่อกำจัดศัตรูและเพิ่มอาหารของลูกปลาในบ่อ ระดับน้ำ 30-40 เซนติเมตร แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับน้ำ จนได้ระดับ 1 เมตร บ่อขนาด 1ไร่ ปล่อยลูกปลาประมาณ 200-300 ตัวต่อตารางเมตร

การเลี้ยง

ปลาสร้อยลูกกล้วยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในแหล่งน้ำทั่วไป เป็นปลาที่เลี้ยงง่ายกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร บ่อเลี้ยงควรเป็นบ่อขนาด 400 ตารางเมตร จนถึงขนาด 1 ไร่ ความลึกของน้ำควรให้ลึกกว่า 1 เมตรขึ้นไป ใช้เลี้ยงลูกปลาที่มีขนาดความยาว 5-7 เซนติเมตร ในอัตราส่วน 3-4 ตัวต่อตารางเมตร หรือ 4,000 ตัวต่อไร่  ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ในอัตรา 3-4 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวปลา

การทำการประมง

ชาวประมงจะใช้ข่าย ขนาดตา 3-5 เซนติเมตร ทำการประมงในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงน้ำหลาก ปลาจะขึ้นมาผสมพันธุ์ จึงจับได้จำนวนมาก จำหน่ายกิโลกรัมละ 80-100 บาท

การใช้ประโยชน์  เป็นปลาพื้นเมืองที่นิยมบริโภค โดยนำมาแกงคั่ว ทอด และทำปลาส้ม                                         

                                                              

                                       

 

                                                              

  •   Hits
  • ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568  จำนวนผู้อ่าน 73  ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกบุคคลเป็นลูกจ้างชั่วคราว (เงินทุนหมุนเวียนฯ) ตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกบุคคลเป็นลูกจ้างชั่วคราว (เงินทุนหมุนเวียนฯ) ตำแห... จำนวนผู้อ่าน 73 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนมีนาคม 2568 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนมีนาคม 2568  จำนวนผู้อ่าน 72 ประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลภายนอกเพื่อจ้างเหมาบริการ จำนวน 1 ตำแหน่ง ประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลภายนอกเพื่อจ้างเหมาบริการ จำนวน 1 ตำแหน่ง  จำนวนผู้อ่าน 49 พิธี “ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2568” พิธี “ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝ... จำนวนผู้อ่าน 38 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนเมษายน 2568 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนเมษายน 2568  จำนวนผู้อ่าน 37 กิจกรรมปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกรามและปลากระแห โครงการปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ในอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน ปีงบประมาณ 2568 กิจกรรมปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกรามและปลากระแห โครงการปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อรักษาระบบนิเ... จำนวนผู้อ่าน 34 กิจกรรมตรวจรับพันธุ์กุ้งก้ามเพื่อปล่อยแหล่งน้ำ โครงการบริหารจัดการทรัพยากรประมง การเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำชุมชนฯ กิจกรรมตรวจรับพันธุ์กุ้งก้ามเพื่อปล่อยแหล่งน้ำ โครงการบริหารจัดการทรัพยากรประมง ... จำนวนผู้อ่าน 26 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ข่าวประชาสัมพันธ์ ศปจ.สตูล ประจำเดือนพฤษภาคม 2568  จำนวนผู้อ่าน 26 โครงการปล่อยกบนาเพื่อการอนุรักษ์และรักษาระบบนิเวศ โครงการปล่อยกบนาเพื่อการอนุรักษ์และรักษาระบบนิเวศ  จำนวนผู้อ่าน 20 พิธีถวายเครื่องราชสักการะ และวางพานพุ่ม ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 พิธีถวายเครื่องราชสักการะ และวางพานพุ่ม ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพ... จำนวนผู้อ่าน 17


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสตูล

    รายละเอียด หมู่ที่ 7 ตำบลกำแพง  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  91110  email  ifsatuninland.2526@gmail.com  โทรศัพท์ 0 7477 5455  FAX 0 7477 5455  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6