หนาวนี้!!! กรมประมงเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำ

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


หนาวนี้!!! กรมประมงเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำ 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT หนาวนี้!!! กรมประมงเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำ..คลิก

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ด้วยขณะนี้สภาพอากาศของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานที่มีอากาศหนาวเย็นลง แต่ในบางพื้นที่ยังมีฝนตกสลับกับอากาศร้อน ทำให้อุณหภูมิของน้ำและออกซิเจนในน้ำมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัตว์น้ำทั้งที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ และที่เกษตรกรเลี้ยงในบ่อดินรวมถึงในกระชัง ปรับตัวไม่ทัน เกิดความเครียด อ่อนแอ ป่วย และเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่ายเนื่องจากเชื้อโรคบางชนิดสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ดีในช่วงหน้าหนาว อาจทำให้สัตว์น้ำตายอย่างฉับพลันได้ กรมประมงจึงแจ้งเตือนให้เกษตรกรเตรียมพร้อมรับมือกับโรคในสัตว์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่

1.เชื้อราสกุลอะฟลาโนมัยซิส (Aphanomyces invadans) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด โรคแผลเน่าเปื่อย หรือโรคอียูเอส เป็นโรคที่อยู่ภายใต้ระบบการเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำของประเทศไทย โดยลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะมีแผลเน่าเปื่อยลึกตามตัว พบโรคนี้ได้ในปลาหลายชนิดทั้งที่อยู่ในธรรมชาติและบ่อเลี้ยง เช่น ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลากระสูบ ปลาแรด และปลาสลิด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาหรือสารเคมีที่จะใช้ในการรักษาโรคนี้ได้ หากสภาพอากาศและน้ำในบ่อเลี้ยงมีอุณหภูมิสูงขึ้น เชื้อราดังกล่าว จะเจริญและแพร่กระจายได้น้อยลง ในขณะเดียวกันปลาที่กำลังป่วยจะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ช่วยให้ปลาหายป่วยเองได้ในเวลาต่อมา

?2. เชื้อแบคทีเรียสกุลฟลาโวแบคทีเรียม (Flavobacterium sp.) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตัวด่าง พบในปลาหลังจากการย้ายบ่อ หรือการขนส่งโดยลักษณะอาการปลาที่ป่วยจะมีแผลด่างขาวตามลำตัว หากติดเชื้อรุนแรงปลาจะตายเป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น พบโรคนี้ได้ในปลาสวยงาม ปลากะพงขาว ปลาดุก ปลาช่อน และปลาบู่ วิธีการป้องกันโรคที่ดี คือ ลดความหนาแน่นปลา ลดอาหาร ควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะสม หลังการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งปลา ให้ใช้เกลือแกง 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 1 ตัน (0.1 %) เพื่อช่วยลดความเครียด

?3. เชื้อไวรัสคอยเฮอบี (koi herpesvirus) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไวรัสเคเอชวี พบในปลาตระกูลคาร์พและไน โดยลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะรวมกลุ่มอยู่ตามผิวน้ำและขอบบ่อ ซึม ว่ายน้ำเสียการทรงตัว ลำตัวมีเมือกมาก มีแผลเลือดออกตามลำตัว ในปลาที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงจะพบอาการเหงือกเน่า ปลาอ่อนแอ กินอาหารน้อยลงหรือไม่กินอาหาร ทยอยตาย พบมีอัตราการตายสูงถึง 50 – 100 % โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสจึงไม่มียาสำหรับรักษา วิธีการป้องกันโรคที่ดี คือ ลดความหนาแน่นปลา ลดอาหาร ควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะสม

? อธิบดีกรมประมงกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้โรคดังกล่าวจะพบแค่ในปลา ไม่พบในกุ้งก็ตาม แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลง นั้นส่งผลกระทบต่อการกินอาหารของกุ้งทำให้กินอาหารได้น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของกุ้งได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ควรมีการเตรียมการเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการควบคุมโรคสัตว์น้ำ โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมประมง ดังนี้

?1. วางแผนการเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และฤดูกาล

?2. ควรคัดเลือกลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความแข็งแรง จากฟาร์มผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้

3. ควรปล่อยสัตว์น้ำลงเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นที่เหมาะสมหรือน้อยกว่าปกติ เพื่อลดความสูญเสียจากคุณภาพน้ำที่ไม่เหมาะสม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

4. เลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพที่ดี และให้อาหารสัตว์น้ำในปริมาณที่เหมาะสม เสริมสารอาหารหรือวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ เช่น โปรไบโอติก วิตามินซี วิตามินรวม เป็นต้น

? 5. ควรหมั่นตรวจสุขภาพสัตว์น้ำอย่างสม่ำเสมอ กรณีมีสัตว์น้ำป่วยตายควรกำจัดโดยการฝังหรือเผา

ไม่ควรทิ้งสัตว์น้ำป่วยไว้ในบริเวณบ่อหรือกระชังที่เลี้ยง เพราะจะเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคทำให้การระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว

? ทั้งนี้ กรมประมงได้เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน หลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด และที่สำคัญเกษตรกรควรติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีปัญหาในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำได้ที่ สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อได้ที่เบอร์ โทร. 0-2562-0600-15 หรือหากต้องการส่งสัตว์น้ำตรวจวินิจฉัยโรค สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ โทร. 0-2561-5412 หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ สงขลา โทร. 0-7433-5244-5 ©

หนาวนี้!!! กรมประมงเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำ นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ด้วยขณะนี้สภาพอากาศของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานที่มีอากาศหนาวเย็นลง แต่ในบางพื้นที่ยังมีฝนตกสลับกับอากาศร้อน ทำให้อุณหภูมิของน้ำและออกซิเจนในน้ำมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัตว์น้ำทั้งที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ และที่เกษตรกรเลี้ยงในบ่อดินรวมถึงในกระชัง ปรับตัวไม่ทัน เกิดความเครียด อ่อนแอ ป่วย และเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่ายเนื่องจากเชื้อโรคบางชนิดสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ดีในช่วงหน้าหนาว อาจทำให้สัตว์น้ำตายอย่างฉับพลันได้ กรมประมงจึงแจ้งเตือนให้เกษตรกรเตรียมพร้อมรับมือกับโรคในสัตว์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่

1.เชื้อราสกุลอะฟลาโนมัยซิส (Aphanomyces invadans) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด โรคแผลเน่าเปื่อย หรือโรคอียูเอส เป็นโรคที่อยู่ภายใต้ระบบการเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำของประเทศไทย โดยลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะมีแผลเน่าเปื่อยลึกตามตัว พบโรคนี้ได้ในปลาหลายชนิดทั้งที่อยู่ในธรรมชาติและบ่อเลี้ยง เช่น ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลากระสูบ ปลาแรด และปลาสลิด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาหรือสารเคมีที่จะใช้ในการรักษาโรคนี้ได้ หากสภาพอากาศและน้ำในบ่อเลี้ยงมีอุณหภูมิสูงขึ้น เชื้อราดังกล่าว จะเจริญและแพร่กระจายได้น้อยลง ในขณะเดียวกันปลาที่กำลังป่วยจะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ช่วยให้ปลาหายป่วยเองได้ในเวลาต่อมา

?2. เชื้อแบคทีเรียสกุลฟลาโวแบคทีเรียม (Flavobacterium sp.) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตัวด่าง พบในปลาหลังจากการย้ายบ่อ หรือการขนส่งโดยลักษณะอาการปลาที่ป่วยจะมีแผลด่างขาวตามลำตัว หากติดเชื้อรุนแรงปลาจะตายเป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น พบโรคนี้ได้ในปลาสวยงาม ปลากะพงขาว ปลาดุก ปลาช่อน และปลาบู่ วิธีการป้องกันโรคที่ดี คือ ลดความหนาแน่นปลา ลดอาหาร ควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะสม หลังการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งปลา ให้ใช้เกลือแกง 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 1 ตัน (0.1 %) เพื่อช่วยลดความเครียด

?3. เชื้อไวรัสคอยเฮอบี (koi herpesvirus) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไวรัสเคเอชวี พบในปลาตระกูลคาร์พและไน โดยลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะรวมกลุ่มอยู่ตามผิวน้ำและขอบบ่อ ซึม ว่ายน้ำเสียการทรงตัว ลำตัวมีเมือกมาก มีแผลเลือดออกตามลำตัว ในปลาที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงจะพบอาการเหงือกเน่า ปลาอ่อนแอ กินอาหารน้อยลงหรือไม่กินอาหาร ทยอยตาย พบมีอัตราการตายสูงถึง 50 – 100 % โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสจึงไม่มียาสำหรับรักษา วิธีการป้องกันโรคที่ดี คือ ลดความหนาแน่นปลา ลดอาหาร ควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะสม

? อธิบดีกรมประมงกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้โรคดังกล่าวจะพบแค่ในปลา ไม่พบในกุ้งก็ตาม แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลง นั้นส่งผลกระทบต่อการกินอาหารของกุ้งทำให้กินอาหารได้น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของกุ้งได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ควรมีการเตรียมการเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการควบคุมโรคสัตว์น้ำ โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมประมง ดังนี้

?1. วางแผนการเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และฤดูกาล

?2. ควรคัดเลือกลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความแข็งแรง จากฟาร์มผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้

3. ควรปล่อยสัตว์น้ำลงเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นที่เหมาะสมหรือน้อยกว่าปกติ เพื่อลดความสูญเสียจากคุณภาพน้ำที่ไม่เหมาะสม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

4. เลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพที่ดี และให้อาหารสัตว์น้ำในปริมาณที่เหมาะสม เสริมสารอาหารหรือวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ เช่น โปรไบโอติก วิตามินซี วิตามินรวม เป็นต้น

? 5. ควรหมั่นตรวจสุขภาพสัตว์น้ำอย่างสม่ำเสมอ กรณีมีสัตว์น้ำป่วยตายควรกำจัดโดยการฝังหรือเผา

ไม่ควรทิ้งสัตว์น้ำป่วยไว้ในบริเวณบ่อหรือกระชังที่เลี้ยง เพราะจะเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคทำให้การระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว

? ทั้งนี้ กรมประมงได้เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน หลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด และที่สำคัญเกษตรกรควรติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีปัญหาในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำได้ที่ สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อได้ที่เบอร์ โทร. 0-2562-0600-15 หรือหากต้องการส่งสัตว์น้ำตรวจวินิจฉัยโรค สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ โทร. 0-2561-5412 หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ สงขลา โทร. 0-7433-5244-5 ©

 Tags

  •   Hits
  • “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ  กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บังคับใช้ 5 ปี  “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บ... จำนวนผู้อ่าน 6,564  กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิ... จำนวนผู้อ่าน 750 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 592 ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ  เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย”  รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริม... จำนวนผู้อ่าน 555 8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม  “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยชาวประมง 3,000 ล้านบาท”  8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช... จำนวนผู้อ่าน 499 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 424 ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้ำ! ภาคการประมงไทยไม่กระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้... จำนวนผู้อ่าน 387 กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล  เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application  ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผ... จำนวนผู้อ่าน 387 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 380 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 361 กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map   “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด” ระยะ 5 ปี กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี... จำนวนผู้อ่าน 353 กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะท้อนความเชื่อมั่น หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนให้การยอมรับ  กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะ... จำนวนผู้อ่าน 333 กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา  สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่างพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่... จำนวนผู้อ่าน 317 กรมประมง ครบรอบปีที่ 99 ก้าวสู่ “Fisheries Transformation” จัดแสดงนิทรรศการ 9 โซน “การประมง 3 น้ำ สู่แผ่นดิน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้” เปิดมิติใหม่สู่วิถียั่งยืน ยกระดับประมงไทยสู่มาตรฐานสากล โชว์ศักยภาพ GDP ประมงแตะ 1.38 แสนล้านบาท กรมประมง ครบรอบปีที่ 99 ก้าวสู่ “Fisheries Transformation” จัดแสดงนิทรรศการ 9 โซ... จำนวนผู้อ่าน 312 กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์สติวเทคนิคอนุบาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิหนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์... จำนวนผู้อ่าน 303


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6