กรมประมง...แจง ! มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำเพื่อนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพ..เห็นผล หลังเดินเครื่อง 7 วัน กำจัดได้แล้วกว่า 168 ตัน

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


กรมประมง...แจง ! มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำเพื่อนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพ..เห็นผล หลังเดินเครื่อง 7 วัน กำจัดได้แล้วกว่า 168 ตัน 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT กรมประมง...แจง ! มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำเพื่อนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพ..เห็นผล หลังเดินเครื่อง 7 วัน กำจัดได้แล้วกว่า 168 ตัน..คลิก

จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว  ผู้ประกอบการแพปลาสมุทรปราการยังไม่กล้ารับซื้อปลาหมอคางดำ เหตุกังวลความไม่ชัดเจนของภาครัฐ  เนื่องจากมีการส่งต่อข้อมูลในกลุ่มผู้ประกอบการแพปลาด้วยกันว่า “ทั้งผู้รับซื้อและผู้ขายจะต้องมีใบอนุญาต” และไม่สามารถคุมราคาตามที่รัฐกำหนดได้  รวมถึงปริมาณที่จังหวัดสามารถรับซื้อได้น้อยต่อวันอาจเป็นภาระต่อผู้รวบรวมผลผลิต 

          นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง กล่าวว่า  ตามที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้มีนโยบายให้กรมประมง ร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ โดยผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรเพื่อนำไปใช้ในพื้นที่สวนยางในโครงการแปลงใหญ่ ภายใต้โครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง นั้น  ในขณะนี้กรมประมงได้มีการรับสมัครผู้รวบรวมวัตถุดิบหรือแพปลา และตั้งจุดรับซื้อขึ้นในทุกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำแล้ว รวมจำนวน 75 จุด ทั้งนี้ หลังจากเริ่มดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 7 วัน (นับจากวันที่ 1 – 7 สิงหาคม 2567) พบว่า มีเกษตรกรนำปลาหมอคางดำมาจำหน่ายแล้ว รวม 168,029.50 กิโลกรัม และได้จัดส่งให้กรมพัฒนาที่ดิน เพื่อนำไปผลิตปุ๋ยหมักไปแล้วถึง 155,409.50 กิโลกรัม  แต่อย่างไรก็ตาม แพปลาผู้เข้าร่วมโครงการฯ บางรายรวมถึงประชาชนยังไม่ทราบถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการดำเนินการที่ชัดเจน ดังที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวในข้างต้น  กรมประมงจึงขอเรียนชี้แจงว่า ผู้รวบรวมวัตถุดิบปลาหมอคางดำ หรือ แพปลา รายใดประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้รวบรวมปลาหมอคางดำ สามารถยื่นใบสมัครตามแบบฟอร์มสมัครผู้รวบรวมและจำหน่ายวัตถุดิบ (ปลาหมอคางดำ)ตามประกาศกรมประมง ฉบับลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ณ สำนักงานประมงจังหวัดท้องที่ที่มีการแพร่ระบาด โดยการรับซื้อวัตถุดิบปลาหมอคางดำจากเกษตรกรและประชาชน แพปลาจะต้องรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 15 บาท ซึ่งจะได้รับค่ารวบรวมและค่าขนส่งไปยังหน่วยงานของพัฒนาที่ดิน กิโลกรัมละ 5 บาท และเนื่องจากการรับสมัครผู้รวบรวมวัตถุดิบได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 แต่ยังไม่สามารถกระจายจุดรับซื้อให้เข้าถึงกลุ่มเกษตรกรชาวประมงผู้จำหน่ายได้เพียงพอตามปริมาณของปลาหมอคางดำ กรมประมงจึงออกประกาศขยายการรับสมัครผู้รับซื้อวัตถุดิบหรือแพปลาเพิ่มเติมออกไปจากประกาศฉบับเดิมจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2567

          ในส่วนของเกษตรกร ชาวประมง ที่เป็นผู้จำหน่าย กรมประมงขอเน้นย้ำว่า ขั้นตอนการนำปลาหมอคางดำมาขายนั้น ไม่มีเงื่อนไขกำหนดในการรับซื้อ สามารถนำมาขาย ณ จุดรับซื้อต่าง ๆ ได้ในราคากิโลกรัมละ 15 บาท ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งหากเกษตรกรผู้จำหน่ายมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ. 1) ที่จับจากบ่อตนเอง ขอให้แจ้งข้อมูล ทบ.1 กับเจ้าหน้าที่ ณ จุดรับซื้อ เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลต่อไป  ทั้งนี้ กรมประมงขอความร่วมมือให้ผู้จำหน่ายแจ้งแหล่งน้ำที่จับและเครื่องมือที่จับกับเจ้าหน้าที่ ณ จุดรับซื้อ เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลสำหรับใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำต่อไป โดยกำหนดเปิดจุดรับซื้อปลาหมอคางดำเป็นระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2567 และหากสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อแล้วกรมประมง และ กยท. จะร่วมกันพิจารณาการขยายเวลารับซื้ออีกครั้ง

          ด้านนายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 6  แห่ง ประกอบด้วย พื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ 4 แห่ง อำเภอเมือง 1 แห่ง และอำเภอบางบ่อ 1 แห่ง ซึ่งหลังจากเริ่มดำเนินโครงการฯ ทางสำนักงานประมงจังหวัดได้แจ้งผู้สมัครทั้ง 6 แห่งเข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบรายละเอียดตามคู่มือของโครงการฯ  พร้อมเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน  Line เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประมง เจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดิน เจ้าหน้าที่ กยท. และผู้รวบรวมผลผลิตซึ่งเป็นแพปลา ได้ประสานงานกันโดยตรงในกรณีประสบปัญหาหรือมีข้อติดขัดต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์

จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว  ผู้ประกอบการแพปลาสมุทรปราการยังไม่กล้ารับซื้อปลาหมอคางดำ เหตุกังวลความไม่ชัดเจนของภาครัฐ  เนื่องจากมีการส่งต่อข้อมูลในกลุ่มผู้ประกอบการแพปลาด้วยกันว่า “ทั้งผู้รับซื้อและผู้ขายจะต้องมีใบอนุญาต” และไม่สามารถคุมราคาตามที่รัฐกำหนดได้  รวมถึงปริมาณที่จังหวัดสามารถรับซื้อได้น้อยต่อวันอาจเป็นภาระต่อผู้รวบรวมผลผลิต 

          นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง กล่าวว่า  ตามที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้มีนโยบายให้กรมประมง ร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ โดยผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรเพื่อนำไปใช้ในพื้นที่สวนยางในโครงการแปลงใหญ่ ภายใต้โครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง นั้น  ในขณะนี้กรมประมงได้มีการรับสมัครผู้รวบรวมวัตถุดิบหรือแพปลา และตั้งจุดรับซื้อขึ้นในทุกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำแล้ว รวมจำนวน 75 จุด ทั้งนี้ หลังจากเริ่มดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 7 วัน (นับจากวันที่ 1 – 7 สิงหาคม 2567) พบว่า มีเกษตรกรนำปลาหมอคางดำมาจำหน่ายแล้ว รวม 168,029.50 กิโลกรัม และได้จัดส่งให้กรมพัฒนาที่ดิน เพื่อนำไปผลิตปุ๋ยหมักไปแล้วถึง 155,409.50 กิโลกรัม  แต่อย่างไรก็ตาม แพปลาผู้เข้าร่วมโครงการฯ บางรายรวมถึงประชาชนยังไม่ทราบถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการดำเนินการที่ชัดเจน ดังที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวในข้างต้น  กรมประมงจึงขอเรียนชี้แจงว่า ผู้รวบรวมวัตถุดิบปลาหมอคางดำ หรือ แพปลา รายใดประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้รวบรวมปลาหมอคางดำ สามารถยื่นใบสมัครตามแบบฟอร์มสมัครผู้รวบรวมและจำหน่ายวัตถุดิบ (ปลาหมอคางดำ)ตามประกาศกรมประมง ฉบับลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ณ สำนักงานประมงจังหวัดท้องที่ที่มีการแพร่ระบาด โดยการรับซื้อวัตถุดิบปลาหมอคางดำจากเกษตรกรและประชาชน แพปลาจะต้องรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 15 บาท ซึ่งจะได้รับค่ารวบรวมและค่าขนส่งไปยังหน่วยงานของพัฒนาที่ดิน กิโลกรัมละ 5 บาท และเนื่องจากการรับสมัครผู้รวบรวมวัตถุดิบได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 แต่ยังไม่สามารถกระจายจุดรับซื้อให้เข้าถึงกลุ่มเกษตรกรชาวประมงผู้จำหน่ายได้เพียงพอตามปริมาณของปลาหมอคางดำ กรมประมงจึงออกประกาศขยายการรับสมัครผู้รับซื้อวัตถุดิบหรือแพปลาเพิ่มเติมออกไปจากประกาศฉบับเดิมจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2567

          ในส่วนของเกษตรกร ชาวประมง ที่เป็นผู้จำหน่าย กรมประมงขอเน้นย้ำว่า ขั้นตอนการนำปลาหมอคางดำมาขายนั้น ไม่มีเงื่อนไขกำหนดในการรับซื้อ สามารถนำมาขาย ณ จุดรับซื้อต่าง ๆ ได้ในราคากิโลกรัมละ 15 บาท ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งหากเกษตรกรผู้จำหน่ายมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ. 1) ที่จับจากบ่อตนเอง ขอให้แจ้งข้อมูล ทบ.1 กับเจ้าหน้าที่ ณ จุดรับซื้อ เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลต่อไป  ทั้งนี้ กรมประมงขอความร่วมมือให้ผู้จำหน่ายแจ้งแหล่งน้ำที่จับและเครื่องมือที่จับกับเจ้าหน้าที่ ณ จุดรับซื้อ เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลสำหรับใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำต่อไป โดยกำหนดเปิดจุดรับซื้อปลาหมอคางดำเป็นระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2567 และหากสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อแล้วกรมประมง และ กยท. จะร่วมกันพิจารณาการขยายเวลารับซื้ออีกครั้ง

          ด้านนายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 6  แห่ง ประกอบด้วย พื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ 4 แห่ง อำเภอเมือง 1 แห่ง และอำเภอบางบ่อ 1 แห่ง ซึ่งหลังจากเริ่มดำเนินโครงการฯ ทางสำนักงานประมงจังหวัดได้แจ้งผู้สมัครทั้ง 6 แห่งเข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบรายละเอียดตามคู่มือของโครงการฯ  พร้อมเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน  Line เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประมง เจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดิน เจ้าหน้าที่ กยท. และผู้รวบรวมผลผลิตซึ่งเป็นแพปลา ได้ประสานงานกันโดยตรงในกรณีประสบปัญหาหรือมีข้อติดขัดต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์

 Tags

  •   Hits
  • “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ  กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บังคับใช้ 5 ปี  “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บ... จำนวนผู้อ่าน 6,002  กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิ... จำนวนผู้อ่าน 708 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 489 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 345 8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม  “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยชาวประมง 3,000 ล้านบาท”  8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช... จำนวนผู้อ่าน 339 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 337 กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map   “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด” ระยะ 5 ปี กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี... จำนวนผู้อ่าน 319 กรมประมงร่วมจัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ จังหวัดพะเยา ปี 68” งานที่รวมความสุข สนุก และบุญไว้ในเเห่งเดียว ผ่านกิจกรรมจับปลาชะโด จับหนึ่งช่วยถึงสิบ คืนสมดุลชีวิตให้กว๊านพะเยา กรมประมงร่วมจัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ จังหวัดพะเยา ปี 68” งานที่รวมความสุ... จำนวนผู้อ่าน 312 กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล  เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application  ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผ... จำนวนผู้อ่าน 306 กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะท้อนความเชื่อมั่น หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนให้การยอมรับ  กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะ... จำนวนผู้อ่าน 285 ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ  เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย”  รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริม... จำนวนผู้อ่าน 277 ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้ำ! ภาคการประมงไทยไม่กระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้... จำนวนผู้อ่าน 276 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 270 กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์สติวเทคนิคอนุบาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิหนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์... จำนวนผู้อ่าน 263 กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลยุทธ์การขายยุคใหม่ กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลย... จำนวนผู้อ่าน 261


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6