กรมประมงเปิดกระแส 5 ลิสต์ปลาสวยงามไทยดังไกลทั่วโลก พร้อมดันมาตรฐานปลาไทย “สวยคุณภาพ” ออกผงาดตลาดต่างแดน

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


กรมประมงเปิดกระแส 5 ลิสต์ปลาสวยงามไทยดังไกลทั่วโลก พร้อมดันมาตรฐานปลาไทย “สวยคุณภาพ” ออกผงาดตลาดต่างแดน 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT กรมประมงเปิดกระแส 5 ลิสต์ปลาสวยงามไทยดังไกลทั่วโลก  พร้อมดันมาตรฐานปลาไทย “สวยคุณภาพ” ออกผงาดตลาดต่างแดน..คลิก

“ปลาสวยงาม” เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ของกลุ่มลูกค้าผู้นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทั่วโลกหันมาเลือกสัตว์น้ำสวยงาม เนื่องจากเลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่จำกัด และราคาไม่แพง ปลาสวยงามจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้เลี้ยงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจุดเด่นจะอยู่ที่เลี้ยงดูแลง่าย ผู้เลี้ยงยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการตกแต่งตู้ด้วยการจำลองระบบนิเวศใต้น้ำให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติได้ในแบบที่เราต้องการ ทำให้ผู้เลี้ยงได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เหมาะกับวิถีชีวิตผู้คนในยุคมิลเลนเนียล 
        นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปลาสวยงามเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มขยายตัวในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยถือว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในหลายด้านทั้งในเรื่องความพร้อมทางศักยภาพของเกษตรกร เทคนิคการเพาะเลี้ยง การพัฒนาสายพันธุ์ ลักษณะภูมิประเทศ และภูมิภาคอากาศที่เหมาะสม ฯลฯ ล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นอยู่ในระดับประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามที่สำคัญอันดับต้นๆ ของโลก โดยกรมประมงได้ให้ความสำคัญด้านการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พันธุ์ปลาสวยงามพื้นเมืองของไทย โดยได้ดำเนินงานภายใต้แผนการพัฒนาการผลิตและการตลาดสัตว์น้ำสวยงาม (พ.ศ. 2565 – 2570)  เพื่อขับเคลื่อนให้เกษตรกรมีความพร้อมในการผลิตสัตว์น้ำสวยงามให้เป็นที่ต้องการและได้รับการยอมรับจากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
         จากรายงานผลการดำเนินงานของกรมประมงพบว่า ปัจจุบันปลาสวยงามของประเทศไทยได้รับ   การยอมรับในตลาดโลกเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านความหลากหลายของสายพันธุ์ ความสวยงาม แปลกใหม่ ราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง อีกทั้งประเทศไทยยังมีการผลักดันให้ผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามเข้าสู่มาตรฐานฟาร์มเพื่อควบคุมคุณภาพและการกักกันโรคของปลาสวยงามในการส่งออกให้เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ค้าทั่วโลกมากยิ่งขึ้น อันจะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกในแต่ละปีที่มากกว่า 700 ล้านบาท โดยประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 5 ของโลกมีส่วนแบ่งในตลาดโลกร้อยละ 7.38 นอกจากนี้ ด้านการอนุรักษ์ กรมประมงสามารถพัฒนาเทคนิคการเพาะขยายพันธุ์ปลาสวยงามพื้นเมืองของไทยได้เป็นผลสำเร็จหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ปลาปล้องอ้อย ปลาซิวข้างขวาน ปลาก้างพระร่วง ปลารากกล้วย เป็นต้น  และมีนโยบายในการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงให้เกษตรกรได้มีการเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เพื่อผลักดันธุรกิจปลาสวยงามควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยการปลูกสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์น้ำพื้นเมืองของไทยไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
         ด้านนางอรุณี รอดลอย ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำและพรรณไม้น้ำสวยงาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปลาสวยงามไทยเป็นปลาที่ตลาดยังคงต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจความต้องการของตลาดพบว่าปลาสวยงามที่ได้รับความนิยม ได้แก่
         1.ปลากัด :  ปลาสวยงามที่มีปริมาณการส่งออกสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ได้รับความนิยมในตลาดต่างชาติ จนกลายเป็นอีกหนึ่งทูตวัฒนธรรมที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งผลิตปลากัดใหญ่ที่สุดในโลก โดยผลิตและส่งออกปลากัดไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สิงคโปร์ จีน อิหร่าน ฯลฯ ปริมาณการส่งออกปลากัดเฉลี่ยมากกว่า 20 ล้านตัวต่อปี สร้างรายได้ให้ประเทศปีละกว่า200 ล้านบาท จุดเด่นของปลากัดไทยที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก คือ มีลักษณะของครีบหางที่มีความหลากหลายทั้งครีบสั้นและครีบยาวหางแบบพระจันทร์ครึ่งดวง (Halfmoon) หางมงกุฎ (Crowtail) 2 หาง (Doubletail) หรือที่มีครีบหูใหญ่ เช่น หูช้าง (Bigears/Dumbo) รวมไปถึงสีสันที่มีความสวยงามฉูดฉาดสะดุดตา อีกทั้งยังใช้พื้นที่น้อย เลี้ยงง่าย จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแล ปัจจุบันเกษตรกรไทยได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้แปลกใหม่ สวยงาม โดยเฉพาะสีสันที่สามารถเลือกเพาะปลาให้มีสีตามที่ต้องการได้ ยกตัวอย่าง ปลากัดสีธงชาติ  ซึ่งนอกจากจะมีสีขาว น้ำเงิน แดง อยู่ในตัวเดียวกัน ยังสามารถทำให้สีเรียงต่อกันคล้ายธงชาติไทยได้อีกด้วย   
         2. ปลาหางนกยูง : ปลาสวยงามที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันแพร่หลายทั้งตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นปลาที่มีสีสันสวยงาม ราคาไม่แพง เลี้ยงง่ายโตไว แพร่พันธุ์ได้ง่าย ออกลูกเป็นตัว ผู้เลี้ยงนิยมนำมาเลี้ยงในตู้พรรณไม้น้ำ มีปริมาณการส่งออกอันดับต้นๆ และมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีประมาณ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cobra (คอบร้า) Tuxedo (ทักซิโด้) Mosaic (โมเสค) Grass (กร๊าซ) และ Albino Solid  ( เช่น Full Red) ปัจจุบันเกษตรกรไทยได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาเหล่านี้ให้มีลักษณะสวยงาม แข็งแรง สมส่วน ครีบหางใหญ่ และที่สำคัญมีสีสันลวดลายตรงตามสายพันธุ์ รวมทั้งมีการพัฒนาให้มีสายพันธุ์ใหม่ อาทิ ปลาหางนกยูงหูช้าง (Bigears Goppy)
         3. ปลาซิวข้างขวาน : ปลาสวยงามทางเศรษฐกิจอีกชนิดที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ จากผู้เลี้ยงปลาสวยงาม โดยส่วนใหญ่นิยมนำมาเลี้ยงในตู้พรรณไม้น้ำ เนื่องจากปลาชนิดนี้มีลักษณะสวยงามและสะดุดตาตรงลำตัวที่มีแถบสีดำคล้ายรูปขวาน เหนือครีบท้องยาวจรดโคนหาง อีกทั้งยังเป็นปลาที่มีขนาดเล็ก ชอบว่ายน้ำรวมกันเป็นฝูง มีสีสันสวยงาม เมื่อนำไปเลี้ยงในตู้พรรณไม้น้ำจะทำให้ตู้ไม้น้ำโดดเด่นมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด มีมูลค่าการส่งออกปีละเกือบ 1 ล้านตัว รวมมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท/ปี  และยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมี 2 ชนิด ได้แก่ 1.ซิวข้างขวานเล็ก 2.ซิวข้างขวานใหญ่ เป็นปลาที่พบได้มากทางภาคใต้ ในแถบจังหวัดตรัง พัทลุง และถูกจับจากธรรมชาติขึ้นมาเพื่อส่งออกจำหน่ายทั่วโลก ส่งผลให้ปลาซิวข้างขวานในธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลง ปัจจุบันกรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ปลาซิวข้างขวานเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติสำเร็จพร้อมพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรเพื่อผลักดันให้เป็นปลาเศรษฐกิจเพื่อทดแทนการจับจากธรรมชาติ 
         4. ปลาก้างพระร่วง : ปลาสวยงามพื้นเมืองไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลกเป็นอย่างมาก จัดเป็นปลาสวยงามที่ถูกจับขึ้นมาใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและส่งออกปีละมากกว่า 1 ล้านตัว สร้างรายได้เข้าประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 8.7 ล้านบาท ด้วย ลักษณะที่เด่นแตกต่างจากปลาทั่วไปโดยจุดเด่นจะอยู่ที่ลำตัวใสเหมือนกระจกสามารถมองทะลุเห็นก้างกลางลำตัว ปลาก้างพระร่วงจึงมีชื่อสามัญว่า Glass catfish ปัจจุบันผลผลิตปลาก้างพระร่วงได้มาจากการรวบรวมจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวโดยพบได้ในภาคตะวันออก และภาคใต้ของประเทศไทย โดยกรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ได้แต่ยังมีอัตราการอดไม่สูงมาก ปัจจุบันกรมประมงได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรให้มีการเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออก และกรมประมงมีการอนุรักษ์โดยกำหนดแผนการใช้ประโยชน์ทรัพยากรปลาก้างพระร่วงได้อย่างยั่งยืนโดยภาคประชาชนมีส่วนร่วม
         5. ปลาทอง : เป็นปลาสวยงามได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในบ้านเราที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามสวยงามทั้งประดับตกแต่งสถานที่ บางรายยังเลี้ยงเพื่อเสริมฮวงจุ้ยตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยเรียกเงินเรียกทองให้กับผู้เลี้ยง และด้วยลักษณะลำตัวและสีสันที่ต่างกันเมื่อว่ายอยู่ในตู้ มองแล้วดูแล้วสวยงามสบายตา มีชีวิตชีวา ทำให้ผู้เลี้ยงผ่อนคลาย จึงทำให้ตลาดมีความต้องการเป็นอย่างมาก ปัจจุบันปลาทองเป็นปลาสวยงามอีกหนึ่งชนิดที่มีมูลค่าการส่งออกสูงอยู่ในอันดับต้นๆ ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตปลาทองส่งออกที่สำคัญ มีพื้นที่เลี้ยงส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดราชบุรีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาทองไทยสามารถพัฒนาสีสันปลาทองให้มีความสวยงามแปลกใหม่ได้อยู่เสมอ  เช่น ปลาทองคาริโคะ (Calico goldfish) ปลาทองลายเสือ (Tiger goldfish) ปลาทอง Oranda ShortTail เป็นต้น
        รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า  “ประเทศไทย” นับเป็นแหล่งผลิตปลาสวยงามที่มีการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งนอกจากการพัฒนาสายพันธุ์ปลาให้สวยงาม แปลกใหม่เพื่อกระตุ้นความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง กรมประมงยังให้ความสำคัญกับการผลักดันให้เกษตรกรสร้างมาตรฐานในการผลิตสินค้าด้วย อาทิ มาตรฐาน GAP และสถานประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก (สอ.3) ซึ่งจะเฝ้าระวังเรื่องโรงปลาสวยงามที่เป็นข้อกำหนดในการนำเข้าจากประเทศคู่ค้า  เพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางการขายให้กับปลาสวยงามให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่า ปลาสวยงามไทยสวยการันตีด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก สำหรับ ผู้สนใจสอบถามการขอขึ้นทะเบียนหรือมาตรฐานหรือปรึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ กรมประมง เบอร์โทรศัพท์ 02 – 579-1862 และสามารถติดตามข่าวสารด้านการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำสวยงามและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ Facebook page : กลุ่มวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ“ปลาสวยงาม” เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ของกลุ่มลูกค้าผู้นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทั่วโลกหันมาเลือกสัตว์น้ำสวยงาม เนื่องจากเลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่จำกัด และราคาไม่แพง ปลาสวยงามจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้เลี้ยงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจุดเด่นจะอยู่ที่เลี้ยงดูแลง่าย ผู้เลี้ยงยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการตกแต่งตู้ด้วยการจำลองระบบนิเวศใต้น้ำให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติได้ในแบบที่เราต้องการ ทำให้ผู้เลี้ยงได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เหมาะกับวิถีชีวิตผู้คนในยุคมิลเลนเนียล 
        นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปลาสวยงามเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มขยายตัวในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยถือว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในหลายด้านทั้งในเรื่องความพร้อมทางศักยภาพของเกษตรกร เทคนิคการเพาะเลี้ยง การพัฒนาสายพันธุ์ ลักษณะภูมิประเทศ และภูมิภาคอากาศที่เหมาะสม ฯลฯ ล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นอยู่ในระดับประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามที่สำคัญอันดับต้นๆ ของโลก โดยกรมประมงได้ให้ความสำคัญด้านการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พันธุ์ปลาสวยงามพื้นเมืองของไทย โดยได้ดำเนินงานภายใต้แผนการพัฒนาการผลิตและการตลาดสัตว์น้ำสวยงาม (พ.ศ. 2565 – 2570)  เพื่อขับเคลื่อนให้เกษตรกรมีความพร้อมในการผลิตสัตว์น้ำสวยงามให้เป็นที่ต้องการและได้รับการยอมรับจากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
         จากรายงานผลการดำเนินงานของกรมประมงพบว่า ปัจจุบันปลาสวยงามของประเทศไทยได้รับ   การยอมรับในตลาดโลกเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านความหลากหลายของสายพันธุ์ ความสวยงาม แปลกใหม่ ราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง อีกทั้งประเทศไทยยังมีการผลักดันให้ผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามเข้าสู่มาตรฐานฟาร์มเพื่อควบคุมคุณภาพและการกักกันโรคของปลาสวยงามในการส่งออกให้เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ค้าทั่วโลกมากยิ่งขึ้น อันจะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกในแต่ละปีที่มากกว่า 700 ล้านบาท โดยประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 5 ของโลกมีส่วนแบ่งในตลาดโลกร้อยละ 7.38 นอกจากนี้ ด้านการอนุรักษ์ กรมประมงสามารถพัฒนาเทคนิคการเพาะขยายพันธุ์ปลาสวยงามพื้นเมืองของไทยได้เป็นผลสำเร็จหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ปลาปล้องอ้อย ปลาซิวข้างขวาน ปลาก้างพระร่วง ปลารากกล้วย เป็นต้น  และมีนโยบายในการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงให้เกษตรกรได้มีการเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เพื่อผลักดันธุรกิจปลาสวยงามควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยการปลูกสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์น้ำพื้นเมืองของไทยไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
         ด้านนางอรุณี รอดลอย ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำและพรรณไม้น้ำสวยงาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปลาสวยงามไทยเป็นปลาที่ตลาดยังคงต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจความต้องการของตลาดพบว่าปลาสวยงามที่ได้รับความนิยม ได้แก่
         1.ปลากัด :  ปลาสวยงามที่มีปริมาณการส่งออกสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ได้รับความนิยมในตลาดต่างชาติ จนกลายเป็นอีกหนึ่งทูตวัฒนธรรมที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งผลิตปลากัดใหญ่ที่สุดในโลก โดยผลิตและส่งออกปลากัดไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สิงคโปร์ จีน อิหร่าน ฯลฯ ปริมาณการส่งออกปลากัดเฉลี่ยมากกว่า 20 ล้านตัวต่อปี สร้างรายได้ให้ประเทศปีละกว่า200 ล้านบาท จุดเด่นของปลากัดไทยที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก คือ มีลักษณะของครีบหางที่มีความหลากหลายทั้งครีบสั้นและครีบยาวหางแบบพระจันทร์ครึ่งดวง (Halfmoon) หางมงกุฎ (Crowtail) 2 หาง (Doubletail) หรือที่มีครีบหูใหญ่ เช่น หูช้าง (Bigears/Dumbo) รวมไปถึงสีสันที่มีความสวยงามฉูดฉาดสะดุดตา อีกทั้งยังใช้พื้นที่น้อย เลี้ยงง่าย จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแล ปัจจุบันเกษตรกรไทยได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้แปลกใหม่ สวยงาม โดยเฉพาะสีสันที่สามารถเลือกเพาะปลาให้มีสีตามที่ต้องการได้ ยกตัวอย่าง ปลากัดสีธงชาติ  ซึ่งนอกจากจะมีสีขาว น้ำเงิน แดง อยู่ในตัวเดียวกัน ยังสามารถทำให้สีเรียงต่อกันคล้ายธงชาติไทยได้อีกด้วย   
         2. ปลาหางนกยูง : ปลาสวยงามที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันแพร่หลายทั้งตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นปลาที่มีสีสันสวยงาม ราคาไม่แพง เลี้ยงง่ายโตไว แพร่พันธุ์ได้ง่าย ออกลูกเป็นตัว ผู้เลี้ยงนิยมนำมาเลี้ยงในตู้พรรณไม้น้ำ มีปริมาณการส่งออกอันดับต้นๆ และมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีประมาณ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cobra (คอบร้า) Tuxedo (ทักซิโด้) Mosaic (โมเสค) Grass (กร๊าซ) และ Albino Solid  ( เช่น Full Red) ปัจจุบันเกษตรกรไทยได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาเหล่านี้ให้มีลักษณะสวยงาม แข็งแรง สมส่วน ครีบหางใหญ่ และที่สำคัญมีสีสันลวดลายตรงตามสายพันธุ์ รวมทั้งมีการพัฒนาให้มีสายพันธุ์ใหม่ อาทิ ปลาหางนกยูงหูช้าง (Bigears Goppy)
         3. ปลาซิวข้างขวาน : ปลาสวยงามทางเศรษฐกิจอีกชนิดที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ จากผู้เลี้ยงปลาสวยงาม โดยส่วนใหญ่นิยมนำมาเลี้ยงในตู้พรรณไม้น้ำ เนื่องจากปลาชนิดนี้มีลักษณะสวยงามและสะดุดตาตรงลำตัวที่มีแถบสีดำคล้ายรูปขวาน เหนือครีบท้องยาวจรดโคนหาง อีกทั้งยังเป็นปลาที่มีขนาดเล็ก ชอบว่ายน้ำรวมกันเป็นฝูง มีสีสันสวยงาม เมื่อนำไปเลี้ยงในตู้พรรณไม้น้ำจะทำให้ตู้ไม้น้ำโดดเด่นมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด มีมูลค่าการส่งออกปีละเกือบ 1 ล้านตัว รวมมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท/ปี  และยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมี 2 ชนิด ได้แก่ 1.ซิวข้างขวานเล็ก 2.ซิวข้างขวานใหญ่ เป็นปลาที่พบได้มากทางภาคใต้ ในแถบจังหวัดตรัง พัทลุง และถูกจับจากธรรมชาติขึ้นมาเพื่อส่งออกจำหน่ายทั่วโลก ส่งผลให้ปลาซิวข้างขวานในธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลง ปัจจุบันกรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ปลาซิวข้างขวานเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติสำเร็จพร้อมพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรเพื่อผลักดันให้เป็นปลาเศรษฐกิจเพื่อทดแทนการจับจากธรรมชาติ 
         4. ปลาก้างพระร่วง : ปลาสวยงามพื้นเมืองไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลกเป็นอย่างมาก จัดเป็นปลาสวยงามที่ถูกจับขึ้นมาใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและส่งออกปีละมากกว่า 1 ล้านตัว สร้างรายได้เข้าประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 8.7 ล้านบาท ด้วย ลักษณะที่เด่นแตกต่างจากปลาทั่วไปโดยจุดเด่นจะอยู่ที่ลำตัวใสเหมือนกระจกสามารถมองทะลุเห็นก้างกลางลำตัว ปลาก้างพระร่วงจึงมีชื่อสามัญว่า Glass catfish ปัจจุบันผลผลิตปลาก้างพระร่วงได้มาจากการรวบรวมจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวโดยพบได้ในภาคตะวันออก และภาคใต้ของประเทศไทย โดยกรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ได้แต่ยังมีอัตราการอดไม่สูงมาก ปัจจุบันกรมประมงได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรให้มีการเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออก และกรมประมงมีการอนุรักษ์โดยกำหนดแผนการใช้ประโยชน์ทรัพยากรปลาก้างพระร่วงได้อย่างยั่งยืนโดยภาคประชาชนมีส่วนร่วม
         5. ปลาทอง : เป็นปลาสวยงามได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในบ้านเราที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามสวยงามทั้งประดับตกแต่งสถานที่ บางรายยังเลี้ยงเพื่อเสริมฮวงจุ้ยตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยเรียกเงินเรียกทองให้กับผู้เลี้ยง และด้วยลักษณะลำตัวและสีสันที่ต่างกันเมื่อว่ายอยู่ในตู้ มองแล้วดูแล้วสวยงามสบายตา มีชีวิตชีวา ทำให้ผู้เลี้ยงผ่อนคลาย จึงทำให้ตลาดมีความต้องการเป็นอย่างมาก ปัจจุบันปลาทองเป็นปลาสวยงามอีกหนึ่งชนิดที่มีมูลค่าการส่งออกสูงอยู่ในอันดับต้นๆ ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตปลาทองส่งออกที่สำคัญ มีพื้นที่เลี้ยงส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดราชบุรีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาทองไทยสามารถพัฒนาสีสันปลาทองให้มีความสวยงามแปลกใหม่ได้อยู่เสมอ  เช่น ปลาทองคาริโคะ (Calico goldfish) ปลาทองลายเสือ (Tiger goldfish) ปลาทอง Oranda ShortTail เป็นต้น
        รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า  “ประเทศไทย” นับเป็นแหล่งผลิตปลาสวยงามที่มีการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งนอกจากการพัฒนาสายพันธุ์ปลาให้สวยงาม แปลกใหม่เพื่อกระตุ้นความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง กรมประมงยังให้ความสำคัญกับการผลักดันให้เกษตรกรสร้างมาตรฐานในการผลิตสินค้าด้วย อาทิ มาตรฐาน GAP และสถานประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก (สอ.3) ซึ่งจะเฝ้าระวังเรื่องโรงปลาสวยงามที่เป็นข้อกำหนดในการนำเข้าจากประเทศคู่ค้า  เพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางการขายให้กับปลาสวยงามให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่า ปลาสวยงามไทยสวยการันตีด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก สำหรับ ผู้สนใจสอบถามการขอขึ้นทะเบียนหรือมาตรฐานหรือปรึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ กรมประมง เบอร์โทรศัพท์ 02 – 579-1862 และสามารถติดตามข่าวสารด้านการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำสวยงามและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ Facebook page : กลุ่มวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ

 Tags

  •   Hits
  • “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ  กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บังคับใช้ 5 ปี  “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บ... จำนวนผู้อ่าน 6,396  กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิ... จำนวนผู้อ่าน 738 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 558 ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ  เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย”  รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริม... จำนวนผู้อ่าน 442 8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม  “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยชาวประมง 3,000 ล้านบาท”  8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช... จำนวนผู้อ่าน 436 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 410 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 361 กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล  เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application  ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผ... จำนวนผู้อ่าน 361 ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้ำ! ภาคการประมงไทยไม่กระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้... จำนวนผู้อ่าน 343 กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map   “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด” ระยะ 5 ปี กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี... จำนวนผู้อ่าน 339 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 330 กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะท้อนความเชื่อมั่น หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนให้การยอมรับ  กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะ... จำนวนผู้อ่าน 318 กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา  สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่างพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่... จำนวนผู้อ่าน 292 กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลยุทธ์การขายยุคใหม่ กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลย... จำนวนผู้อ่าน 286 กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์สติวเทคนิคอนุบาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิหนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์... จำนวนผู้อ่าน 283


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6