กรมประมง...เร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ประสบอุทกภัย 35 จังหวัด พร้อมชดเชยเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


กรมประมง...เร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ประสบอุทกภัย 35 จังหวัด พร้อมชดเชยเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

กรมประมง...เร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ประสบอุทกภัย 35 จังหวัด พร้อมชดเชยเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ..คลิก

          ด้วยร่องมรสุมกำลังแรงพัดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 2 กันยายน – 20 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงฐานการผลิตได้รับผลกระทบ ผลผลิตสัตว์น้ำได้รับความเสียหาย เนื่องจากรอบระยะเวลาการเลี้ยงสัตว์น้ำไม่เป็นไปตามฤดูกาล ทำให้เกษตรกรเสียโอกาสในการสร้างรายได้ตามที่ควรจะได้รับและขาดแคลนอาหารเพื่อการบริโภคในขณะประสบอุทกภัย 
          นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้มีข้อสั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติทุกชนิดด้วยการวางแผนมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจน ตั้งแต่การป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูภาคการเกษตรจากความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมากรมประมงได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่าน “ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการประมง” (ศปภ.ปม.) ซึ่งจะมีการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบด้านการประมงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแจ้งเตือนภัยให้เกษตรกรได้รับทราบข่าวสารอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกรมประจำเขตตรวจราชการสามารถพิจารณาดำเนินการสั่งการและประสานงานกับทุกหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทันท่วงทีและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ รถยนต์ และเรือตรวจการประมงลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อนำส่งเสบียงอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงอพยพประชาชน ผู้ป่วย เด็ก และคนชราสู่พื้นที่ปลอดภัย
          ล่าสุดจากการสำรวจความเสียหายด้านการประมง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566) พบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว 148 อำเภอ 35 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก พิจิตร กำแพงเพชร นครราชสีมา ชัยภูมิ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ตราด และยะลา รวมพื้นที่ความเสียหายกว่า 14,673.40 ไร่ มีเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด 9,667 ราย ประมาณการมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 118,556,556 บาท ซึ่งกรมประมงจะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2564 โดยมีอัตราการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
          1. กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล หรือหอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
          2. ปลาหรือสัตว์น้ำอื่น ๆ นอกจากข้อ 1. ที่เลี้ยงในบ่อดิน นาข้าวหรือร่องสวน (คิดเฉพาะพื้นที่เลี้ยง) ไร่ละ 4,682 บาท   ไม่เกินรายละ 5 ไร่
          3. สัตว์น้ำตามข้อ 1. และข้อ 2. ที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ หรือที่เลี้ยงในลักษณะอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตารางเมตร
          ทั้งนี้  หากคิดคำนวณพื้นที่เลี้ยงแล้ว ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติรายใด จะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินต่ำกว่า 368 บาท ให้ช่วยเหลือในอัตรารายละ 368 บาท
          รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า กรมประมงพร้อมดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ขอให้หมั่นดูแลสุขภาพสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิดรวมทั้งเฝ้าระวังติดตามข่าวสารจากทางราชการและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่ สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัด และศูนย์ฯ ประมงทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ กรมประมง โทรศัพท์ 0 2558 0218 หรือ 0 2561 4740 และกรณีพบเห็นจระเข้ในแหล่งน้ำสาธารณะหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ สามารถแจ้งหน่วยงานกรมประมงในพื้นที่ได้ทันทีด้วยร่องมรสุมกำลังแรงพัดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 2 กันยายน – 20 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงฐานการผลิตได้รับผลกระทบ ผลผลิตสัตว์น้ำได้รับความเสียหาย เนื่องจากรอบระยะเวลาการเลี้ยงสัตว์น้ำไม่เป็นไปตามฤดูกาล ทำให้เกษตรกรเสียโอกาสในการสร้างรายได้ตามที่ควรจะได้รับและขาดแคลนอาหารเพื่อการบริโภคในขณะประสบอุทกภัย 
          นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้มีข้อสั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติทุกชนิดด้วยการวางแผนมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจน ตั้งแต่การป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูภาคการเกษตรจากความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมากรมประมงได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่าน “ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการประมง” (ศปภ.ปม.) ซึ่งจะมีการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบด้านการประมงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแจ้งเตือนภัยให้เกษตรกรได้รับทราบข่าวสารอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกรมประจำเขตตรวจราชการสามารถพิจารณาดำเนินการสั่งการและประสานงานกับทุกหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทันท่วงทีและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ รถยนต์ และเรือตรวจการประมงลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อนำส่งเสบียงอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงอพยพประชาชน ผู้ป่วย เด็ก และคนชราสู่พื้นที่ปลอดภัย
          ล่าสุดจากการสำรวจความเสียหายด้านการประมง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566) พบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว 148 อำเภอ 35 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก พิจิตร กำแพงเพชร นครราชสีมา ชัยภูมิ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ตราด และยะลา รวมพื้นที่ความเสียหายกว่า 14,673.40 ไร่ มีเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด 9,667 ราย ประมาณการมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 118,556,556 บาท ซึ่งกรมประมงจะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2564 โดยมีอัตราการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
          1. กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล หรือหอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
          2. ปลาหรือสัตว์น้ำอื่น ๆ นอกจากข้อ 1. ที่เลี้ยงในบ่อดิน นาข้าวหรือร่องสวน (คิดเฉพาะพื้นที่เลี้ยง) ไร่ละ 4,682 บาท   ไม่เกินรายละ 5 ไร่
          3. สัตว์น้ำตามข้อ 1. และข้อ 2. ที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ หรือที่เลี้ยงในลักษณะอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตารางเมตร
          ทั้งนี้  หากคิดคำนวณพื้นที่เลี้ยงแล้ว ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติรายใด จะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินต่ำกว่า 368 บาท ให้ช่วยเหลือในอัตรารายละ 368 บาท
          รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า กรมประมงพร้อมดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ขอให้หมั่นดูแลสุขภาพสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิดรวมทั้งเฝ้าระวังติดตามข่าวสารจากทางราชการและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่ สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัด และศูนย์ฯ ประมงทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ กรมประมง โทรศัพท์ 0 2558 0218 หรือ 0 2561 4740 และกรณีพบเห็นจระเข้ในแหล่งน้ำสาธารณะหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ สามารถแจ้งหน่วยงานกรมประมงในพื้นที่ได้ทันที

 Tags

  •   Hits
  • “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ  กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บังคับใช้ 5 ปี  “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บ... จำนวนผู้อ่าน 5,136  กรมประมงยืนยันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง อธิบดีบัญชาแจงความคืบหน้า 4 ข้อเรียกร้องเครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด กรมประมงยืนยันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง อธิบดีบัญชาแจงความ... จำนวนผู้อ่าน 833 กรมประมง...ประกาศ “ปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน 3 เดือน” ควบคุมการทำประมงเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ในพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง เริ่ม 1 เม.ย. 68 นี้ !! กรมประมง...ประกาศ “ปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน 3 เดือน” ควบคุมการทำประมงเพื่อฟื้นฟูท... จำนวนผู้อ่าน 564 กรมประมง..หนุนนโยบาย ก.เกษตรฯ เร่งรุกโครงการ “1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง”  ดันดาวเด่น 13 กลุ่มสินค้าประมง ร่วมยกระดับการพัฒนาอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ ในปี 2568   กรมประมง..หนุนนโยบาย ก.เกษตรฯ เร่งรุกโครงการ “1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง”... จำนวนผู้อ่าน 343 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 311 รมช.อัครา สั่งกรมประมง...เร่งเดินหน้า ! จ่ายเงินเยียวยา  หลัง ครม.ไฟเขียว “โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ” จำนวน 923 ลำ  รมช.อัครา สั่งกรมประมง...เร่งเดินหน้า ! จ่ายเงินเยียวยา หลัง ครม.ไฟเขียว “โครงก... จำนวนผู้อ่าน 276  กรมประมงเผยความสำเร็จโครงการ Thai Fish Project มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยสู่ตลาดโลก  กรมประมงเผยความสำเร็จโครงการ Thai Fish Project มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทย... จำนวนผู้อ่าน 239 กรมประมง...ร่วมสืบสานประเพณีไทย   จัดงานใหญ่ “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ จังหวัดพะเยา” ประจำปี 2568 ภายใต้ ก.เกษตรและสหกรณ์ จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกว่า 2 ล้านตัว พร้อมควบคุมปลานักล่า “ชะโด” เพื่อสร้างความสมดุลระบบนิเวศกว๊านพะเยาสู่แหล่งอาหารชุมชนที่ยั่งยืน กรมประมง...ร่วมสืบสานประเพณีไทย จัดงานใหญ่ “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ จังหวัดพะ... จำนวนผู้อ่าน 236 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 233 กรมประมงร่วมจัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ จังหวัดพะเยา ปี 68” งานที่รวมความสุข สนุก และบุญไว้ในเเห่งเดียว ผ่านกิจกรรมจับปลาชะโด จับหนึ่งช่วยถึงสิบ คืนสมดุลชีวิตให้กว๊านพะเยา กรมประมงร่วมจัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ จังหวัดพะเยา ปี 68” งานที่รวมความสุ... จำนวนผู้อ่าน 211 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 205 กรมประมง ขานรับนโยบาย ก.เกษตรฯ ลุยโครงการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ ดัน “กุเราหอมตากใบ” ขึ้นแท่นสินค้าใหม่ เพิ่มรายได้ให้ชาวประมง 3 เท่า ภายในปี 2570 กรมประมง ขานรับนโยบาย ก.เกษตรฯ ลุยโครงการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ ดัน “กุเราหอม... จำนวนผู้อ่าน 202 กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์สติวเทคนิคอนุบาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิหนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์... จำนวนผู้อ่าน 201 กรมประมง จับมือ AIT ร่วมลงนาม MOU ครั้งสำคัญ ผนึกกำลังพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กรมประมง จับมือ AIT ร่วมลงนาม MOU ครั้งสำคัญ ผนึกกำลังพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ... จำนวนผู้อ่าน 191 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 188


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6