กรมประมงปั้น “กะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจเกรดพรีเมี่ยม เล็งป้อนวัตถุดิบสู่ตลาดโรงแรม-ร้านอาหาร กระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


กรมประมงปั้น “กะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจเกรดพรีเมี่ยม เล็งป้อนวัตถุดิบสู่ตลาดโรงแรม-ร้านอาหาร กระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

กรมประมงปั้น “กะพงทอง  ปลิงทะเล  ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจเกรดพรีเมี่ยม เล็งป้อนวัตถุดิบสู่ตลาดโรงแรม-ร้านอาหาร กระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ..คลิก

กรมประมงนำร่องดัน “ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ ตั้งเป้าสร้างแหล่งผลิตวัตถุดิบคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับสากล เสริมรายได้ให้เกษตรกรไทยด้วยการผลิตสินค้าสัตว์น้ำมูลค่าสูง เล็งเจาะตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร - โรงแรม ด้วยการป้อนวัตถุดิบคุณภาพด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำไปเสิร์ฟเป็นเมนูที่เพิ่มมูลค่าด้วยรสชาติที่โดดเด่น ช่วยยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในธุรกิจร้านอาหารไทย 
           นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงหนึ่งในหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เกษตรกรไทย มีความมุ่งมั่นดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างอาชีพเสริมรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวประมง โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานสินค้าประมงด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในผลงานวิจัยเพื่อพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่สามารถจำหน่ายได้ราคาสูงเข้าสู่ตลาดที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เข้าประเทศ 3 ล้านล้านบาท ด้วยการดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย 35 ล้านคน 
 กรมประมงได้เล็งเห็นโอกาสในช่องทางดังกล่าว จึงได้สำรวจความต้องการของตลาดทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จากทั้งในและต่างประเทศ และดำเนินการคัดเลือกสัตว์น้ำเศรษฐกิจนำร่อง 3 ชนิด ได้แก่ “ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” มาดำเนินการส่งเสริมและต่อยอดเป็นวัตถุดิบคุณภาพ สำหรับปรุงเป็นเมนูอาหารที่มีความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์  รสชาติ กลิ่น และสีสัน ซึ่งจะช่วยยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่าเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น โดยได้ส่งเสริมความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำดังกล่าว ให้คำแนะนำและติดตามผลการเลี้ยงอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างผลผลิตให้ได้ปริมาณรองรับความต้องการของตลาด พร้อมผลักดันให้เข้าสู่มาตรฐานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้กรมประมงได้พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหาร อาทิ การร่วมกับสถาบันศิลปะการอาหาร The V School กรุงเทพฯ วางแนวทางการพัฒนาเมนูอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพอาหารทะเลของไทย ด้วยการสร้างเมนูอาหารที่ดึงดูดคุณค่าของวัตถุดิบออกมาผ่านเมนูแปลกใหม่เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค สำหรับสัตว์น้ำทั้ง 3 ชนิด มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนี้ 
           ปลากะพงทอง หรือ อังเกย : ปลาทะเลที่พบได้ในทะเลฝั่งอันดามัน บริเวณภูเก็ต กระบี่ และพังงา มีลักษณะเด่นที่ลำตัวสีเหลืองทอง มีจุดสีดำใหญ่บริเวณลำตัวปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งภูเก็ต (ศพช.ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ปลากะพงทองได้สำเร็จ และมีการผลิตลูกพันธุ์ออกจำหน่ายให้เกษตร ในราคาตัวละ 20 บาท เลี้ยงได้ทั้งในกระชังบริเวณชายฝั่งทะเลและในบ่อดิน โดยให้กินปลาสดหรืออาหารเม็ด วันละ 1– 2 มื้อ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยง ประมาณ 10 – 12 เดือน สามารถทยอยจับขายได้ปลากะพงทอง มีโปรตีนและกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 สูง อีกทั้งมีเนื้อที่แน่น รสชาติดี ปรุงเมนูไหนก็อร่อย โดยเฉพาะนึ่งซีอิ๊ว ต้มยำ แกงส้ม และซาซิมิ ฯลฯ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งเกษตรกรจำหน่ายได้ราคาเป็นที่พอใจ โดยเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 – 250 บาท ปัจจุบันกรมประมงได้มีการตั้งจุดสาธิตการเลี้ยงปลากะพงทองและการจัดฝึกอบรมการเพาะเลี้ยงปลากะพงทอง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรได้นำความรู้ไปปรับใช้ในการเพาะเลี้ยงปลากะพงทองเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น 
           ปลิงขาว : ปลิงทะเลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีนและคอลลาเจน คนจึงนิยมนำมาบริโภค และใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและอาหารเสริม ราคาขายปลิงสด กิโลกรัมละ 250 – 500 บาท และแบบตากแห้งราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,500 – 5,000 บาท  ปลิงชนิดนี้ พบอาศัยอยู่หน้าดินบริเวณแนวชายฝั่งทะเล ประเทศไทยพบมากในแนวหญ้าทะเลชายฝั่งทะเลอันดามันแถวพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทั้งนี้ ปลิงทะเล มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศของท้องทะเล เพราะทำหน้าที่ช่วยลดสารอินทรีย์ในระบบห่วงโซ่อาหาร โดยปลิงทะเลจะใช้หนวดจับตะกอนดินที่มีสารอินทรีย์ปะปนอยู่เข้าสู่ทางเดินอาหารแล้วดูดซับสารอินทรีย์ไว้ หลังจากนั้นจึงขับถ่ายออกมาเป็นตะกอนดินที่สะอาด ซึ่งช่วยลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ดำเนินการเพาะพันธุ์ “ปลิงขาว” โดยสามารถผลิตลูกพันธุ์ปลิงขาวได้สำเร็จและมีแผนปล่อยลูกปลิงขาวคืนสู่ธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการจำหน่ายลูกพันธุ์ให้เกษตรกร โดยผลิตขนาด 2 เซนติเมตรซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการนำไปเลี้ยงต่อในบ่อดิน และจำหน่ายให้เกษตรกรในราคาตัวละ 5 บาท โดยใช้ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 12 เดือน จะได้ขนาด 300 – 500 กรัม  ซึ่งเป็นขนาดที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อจับขึ้นจำหน่ายให้กับร้านอาหารหรือโรงแรมได้  
           ปูขาว หรือ ปูทองหลาง เป็นปูทะเลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชินีปู” ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญ ต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยลักษณะเด่น คือ ตัวใหญ่ ก้ามโต เนื้อแน่น รสชาติหวานมัน ไม่มีกลิ่นโคลน สามารถนำไป แปรรูปเป็นเมนูได้หลากหลาย อาทิ ปูนึ่ง ปูผัดผงกะหรี่ หลนปู ฯลฯ ส่งผลให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยราคาขายปูไข่ในตลาดขนาด 300 - 500 กรัมราคา 500 - 800 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนปูเนื้อขนาด 400 - 700 กรัม ราคา 300 - 600 บาท ต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาขายสูง บวกกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภค ทำให้ปูทะเลถูกจับขึ้นมาเป็นจำนวนมากธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้ทัน กรมประมงได้มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ดำเนินการเพาะขยายพันธุ์ปูทะเล และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลเพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับการจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำแนะนำส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะเลี้ยงปูทะเล ด้วยจุดเด่นของการเลี้ยงปูทะเลที่ต้นทุนไม่สูงมาก ขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 70-90 วัน สามารถจับขายได้  ปัจจุบัน กรมประมงได้ผลักดันให้เกษตรกรที่มีบ่อปลา/บ่อกุ้งร้าง หันมาทำเป็นบ่อเลี้ยงปูทะเล เพื่อยกระดับรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เศรษฐกิจฐานรากทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน อีกทั้ง ยังมีส่วนในการขยายมูลค่าการค้าปูทะเลของไทยให้เพิ่มสูงขึ้น
           รองอธิบดีกล่าวในตอนท้ายว่า การพัฒนาทักษะในสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางตลาดใหม่ๆ ให้เกษตรกร เป็นหนึ่งในนโยบายที่กรมประมงให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับตัวผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตกรมประมงยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันการพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดรองรับความต้องการของผู้บริโภคต่อไป สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เบอร์โทรศัพท์. 02 – 579 -2422กรมประมงนำร่องดัน “ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ ตั้งเป้าสร้างแหล่งผลิตวัตถุดิบคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับสากล เสริมรายได้ให้เกษตรกรไทยด้วยการผลิตสินค้าสัตว์น้ำมูลค่าสูง เล็งเจาะตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร - โรงแรม ด้วยการป้อนวัตถุดิบคุณภาพด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำไปเสิร์ฟเป็นเมนูที่เพิ่มมูลค่าด้วยรสชาติที่โดดเด่น ช่วยยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในธุรกิจร้านอาหารไทย 
           นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงหนึ่งในหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เกษตรกรไทย มีความมุ่งมั่นดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างอาชีพเสริมรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวประมง โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานสินค้าประมงด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในผลงานวิจัยเพื่อพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่สามารถจำหน่ายได้ราคาสูงเข้าสู่ตลาดที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เข้าประเทศ 3 ล้านล้านบาท ด้วยการดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย 35 ล้านคน 
 กรมประมงได้เล็งเห็นโอกาสในช่องทางดังกล่าว จึงได้สำรวจความต้องการของตลาดทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จากทั้งในและต่างประเทศ และดำเนินการคัดเลือกสัตว์น้ำเศรษฐกิจนำร่อง 3 ชนิด ได้แก่ “ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” มาดำเนินการส่งเสริมและต่อยอดเป็นวัตถุดิบคุณภาพ สำหรับปรุงเป็นเมนูอาหารที่มีความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์  รสชาติ กลิ่น และสีสัน ซึ่งจะช่วยยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่าเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น โดยได้ส่งเสริมความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำดังกล่าว ให้คำแนะนำและติดตามผลการเลี้ยงอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างผลผลิตให้ได้ปริมาณรองรับความต้องการของตลาด พร้อมผลักดันให้เข้าสู่มาตรฐานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้กรมประมงได้พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหาร อาทิ การร่วมกับสถาบันศิลปะการอาหาร The V School กรุงเทพฯ วางแนวทางการพัฒนาเมนูอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพอาหารทะเลของไทย ด้วยการสร้างเมนูอาหารที่ดึงดูดคุณค่าของวัตถุดิบออกมาผ่านเมนูแปลกใหม่เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค สำหรับสัตว์น้ำทั้ง 3 ชนิด มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนี้ 
           ปลากะพงทอง หรือ อังเกย : ปลาทะเลที่พบได้ในทะเลฝั่งอันดามัน บริเวณภูเก็ต กระบี่ และพังงา มีลักษณะเด่นที่ลำตัวสีเหลืองทอง มีจุดสีดำใหญ่บริเวณลำตัวปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งภูเก็ต (ศพช.ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ปลากะพงทองได้สำเร็จ และมีการผลิตลูกพันธุ์ออกจำหน่ายให้เกษตร ในราคาตัวละ 20 บาท เลี้ยงได้ทั้งในกระชังบริเวณชายฝั่งทะเลและในบ่อดิน โดยให้กินปลาสดหรืออาหารเม็ด วันละ 1– 2 มื้อ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยง ประมาณ 10 – 12 เดือน สามารถทยอยจับขายได้ปลากะพงทอง มีโปรตีนและกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 สูง อีกทั้งมีเนื้อที่แน่น รสชาติดี ปรุงเมนูไหนก็อร่อย โดยเฉพาะนึ่งซีอิ๊ว ต้มยำ แกงส้ม และซาซิมิ ฯลฯ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งเกษตรกรจำหน่ายได้ราคาเป็นที่พอใจ โดยเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 – 250 บาท ปัจจุบันกรมประมงได้มีการตั้งจุดสาธิตการเลี้ยงปลากะพงทองและการจัดฝึกอบรมการเพาะเลี้ยงปลากะพงทอง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรได้นำความรู้ไปปรับใช้ในการเพาะเลี้ยงปลากะพงทองเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น 
           ปลิงขาว : ปลิงทะเลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีนและคอลลาเจน คนจึงนิยมนำมาบริโภค และใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและอาหารเสริม ราคาขายปลิงสด กิโลกรัมละ 250 – 500 บาท และแบบตากแห้งราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,500 – 5,000 บาท  ปลิงชนิดนี้ พบอาศัยอยู่หน้าดินบริเวณแนวชายฝั่งทะเล ประเทศไทยพบมากในแนวหญ้าทะเลชายฝั่งทะเลอันดามันแถวพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทั้งนี้ ปลิงทะเล มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศของท้องทะเล เพราะทำหน้าที่ช่วยลดสารอินทรีย์ในระบบห่วงโซ่อาหาร โดยปลิงทะเลจะใช้หนวดจับตะกอนดินที่มีสารอินทรีย์ปะปนอยู่เข้าสู่ทางเดินอาหารแล้วดูดซับสารอินทรีย์ไว้ หลังจากนั้นจึงขับถ่ายออกมาเป็นตะกอนดินที่สะอาด ซึ่งช่วยลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ดำเนินการเพาะพันธุ์ “ปลิงขาว” โดยสามารถผลิตลูกพันธุ์ปลิงขาวได้สำเร็จและมีแผนปล่อยลูกปลิงขาวคืนสู่ธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการจำหน่ายลูกพันธุ์ให้เกษตรกร โดยผลิตขนาด 2 เซนติเมตรซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการนำไปเลี้ยงต่อในบ่อดิน และจำหน่ายให้เกษตรกรในราคาตัวละ 5 บาท โดยใช้ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 12 เดือน จะได้ขนาด 300 – 500 กรัม  ซึ่งเป็นขนาดที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อจับขึ้นจำหน่ายให้กับร้านอาหารหรือโรงแรมได้  
           ปูขาว หรือ ปูทองหลาง เป็นปูทะเลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชินีปู” ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญ ต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยลักษณะเด่น คือ ตัวใหญ่ ก้ามโต เนื้อแน่น รสชาติหวานมัน ไม่มีกลิ่นโคลน สามารถนำไป แปรรูปเป็นเมนูได้หลากหลาย อาทิ ปูนึ่ง ปูผัดผงกะหรี่ หลนปู ฯลฯ ส่งผลให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยราคาขายปูไข่ในตลาดขนาด 300 - 500 กรัมราคา 500 - 800 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนปูเนื้อขนาด 400 - 700 กรัม ราคา 300 - 600 บาท ต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาขายสูง บวกกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภค ทำให้ปูทะเลถูกจับขึ้นมาเป็นจำนวนมากธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้ทัน กรมประมงได้มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ดำเนินการเพาะขยายพันธุ์ปูทะเล และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลเพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับการจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำแนะนำส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะเลี้ยงปูทะเล ด้วยจุดเด่นของการเลี้ยงปูทะเลที่ต้นทุนไม่สูงมาก ขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 70-90 วัน สามารถจับขายได้  ปัจจุบัน กรมประมงได้ผลักดันให้เกษตรกรที่มีบ่อปลา/บ่อกุ้งร้าง หันมาทำเป็นบ่อเลี้ยงปูทะเล เพื่อยกระดับรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เศรษฐกิจฐานรากทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน อีกทั้ง ยังมีส่วนในการขยายมูลค่าการค้าปูทะเลของไทยให้เพิ่มสูงขึ้น
           รองอธิบดีกล่าวในตอนท้ายว่า การพัฒนาทักษะในสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางตลาดใหม่ๆ ให้เกษตรกร เป็นหนึ่งในนโยบายที่กรมประมงให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับตัวผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตกรมประมงยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันการพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดรองรับความต้องการของผู้บริโภคต่อไป สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เบอร์โทรศัพท์. 02 – 579 -2422

 Tags

  •   Hits
  • “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ  กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บังคับใช้ 5 ปี  “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บ... จำนวนผู้อ่าน 6,472  กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิ... จำนวนผู้อ่าน 744 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 576 ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ  เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย”  รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริม... จำนวนผู้อ่าน 480 8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม  “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยชาวประมง 3,000 ล้านบาท”  8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช... จำนวนผู้อ่าน 469 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 420 กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล  เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application  ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผ... จำนวนผู้อ่าน 368 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 365 ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้ำ! ภาคการประมงไทยไม่กระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้... จำนวนผู้อ่าน 355 กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map   “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด” ระยะ 5 ปี กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี... จำนวนผู้อ่าน 348 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 335 กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะท้อนความเชื่อมั่น หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนให้การยอมรับ  กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะ... จำนวนผู้อ่าน 330 กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา  สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่างพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่... จำนวนผู้อ่าน 303 กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลยุทธ์การขายยุคใหม่ กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลย... จำนวนผู้อ่าน 295 กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์สติวเทคนิคอนุบาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิหนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์... จำนวนผู้อ่าน 292


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6