กรมประมงชวนเลี้ยง “หอยเป๋าฮื้อ” ราชินีแห่งคอลลาเจน เผยเลี้ยงง่าย เนื้อเยอะ รสชาติดี ราคาสูงขั้นต่ำกิโลละ 1,000 บาท

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


กรมประมงชวนเลี้ยง “หอยเป๋าฮื้อ” ราชินีแห่งคอลลาเจน เผยเลี้ยงง่าย เนื้อเยอะ รสชาติดี ราคาสูงขั้นต่ำกิโลละ 1,000 บาท 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT กรมประมงชวนเลี้ยง “หอยเป๋าฮื้อ” ราชินีแห่งคอลลาเจน เผยเลี้ยงง่าย เนื้อเยอะ รสชาติดี ราคาสูงขั้นต่ำกิโลละ 1,000 บาท..คลิก

 “หอยเป๋าฮื้อ”… หอยทะเลที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ด้วยสรรพคุณที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย ทั้งระบบประสาทและสมอง รวมถึงช่วยบำรุงกระดูก ข้อต่อ จึงนิยมนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ หอยเป๋าฮื้อ ยังมีคอลลาเจนที่มีคุณภาพสูง จึงถูกขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่งคอลลาเจน”  
          จากรายงานพบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2556-2565 ประเทศไทยนำเข้าหอยเป๋าฮื้อมีมูลค่าการนำเข้าเฉลี่ย 18.35 ล้านบาท และมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ย 5.81 ล้านบาท โดยทั่วไปส่วนใหญ่ตลาดต้องการหอยที่มีขนาดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 200-250 กรัม หรือประมาณ 4-5 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งหอยเป๋าฮื้อของไทยสามารถเข้าสู่ตลาดนี้ได้น้อยมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์หอยเป๋าฮื้อของไทยในอดีตได้มาจากการจับจากธรรมชาติทั้งหมดส่งผลทำให้ไม่สามารถควบคุมให้ได้ขนาด คุณภาพและปริมาณที่แน่นอนอย่างต่อเนื่องไม่ได้ กรมประมงให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวจึงได้เริ่มทำการศึกษาวิจัยการเพาะและอนุบาลหอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยชนิด Haliotis asinina จนประสบผลสำเร็จในปี 2531 โดยศูนย์พัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จ.ระยอง หลังจากนั้นกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ได้พัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์หอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยจนสามารถควบคุมการผสมพันธุ์และผลิตลูกหอยปริมาณมากได้ตลอดทั้งปี 
          นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า หอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยชนิด H. asinina เป็นชนิดที่มีความเป็นไปได้ในการพัฒนาการเลี้ยงในระดับพาณิชย์ เนื่องจากสามารถเพาะเลี้ยงได้ง่าย ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำในประเทศไทยได้ดี และมีอัตราการแลกเปลี่ยนเนื้อเยอะ ซึ่งนอกจากกรมประมงได้พัฒนาเทคนิคในการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยชนิด H. asinina จนสามารถเพาะและผลิตลูกพันธุ์จำนวนมากได้ต่อเนื่องทั้งปีแล้ว ยังได้ถ่ายทอดเทคนิคการเพาะเลี้ยงให้แก่เกษตรกรได้นำไปประกอบเป็นอาชีพในการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อตามพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ปัจจุบันเริ่มมีผลผลิตหอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยชนิด H. asinina จากการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงของเกษตรกรสู่ตลาดภายในประเทศแล้วซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการส่งออกหอยเป๋าฮื้อไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น  
          อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องตลาดหอยเป๋าฮื้อไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากเป็นสัตว์น้ำมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ยังติดปัญหาที่เรื่องต้นทุนการผลิตหอยที่สูง กรมประมงจึงได้มีนโยบายให้นักวิชาการทดลองเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อพร้อมจำหน่ายลูกพันธุ์ให้กับเกษตรกรเพื่อช่วยลดต้นทุนให้ต่ำลงพร้อมให้คำแนะนำในการเพาะเลี้ยงอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ได้มีแผนในการปล่อยลูกพันธุ์หอยเป๋าฮื้อคืนสู่ท้องทะเลเพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณในธรรมชาติให้มีปริมาณเพิ่มมากยิ่งขึ้น 
          นางสุทธินี ลิ้มธรรมมหิศร ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หอยเป๋าฮื้อ หรืออะบาโลน (abalone) จัดเป็นหอยทะเลฝาเดียวทุกชนิดที่อยู่ในสกุล Haliotis และมีชื่อเรียกสามัญแตกต่างกันไปตามสถานที่เช่น หอยโข่งทะเล หอยร้อยรู หรือหอยตัวผู้ เป็นต้น หอยเป๋าฮื้อที่พบทั้งหมดในโลกมีประมาณ 70-80 ชนิด แต่ชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมีประมาณ 22 ชนิด แต่ในส่วนของประเทศไทยจากการสำรวจของ อนุวัฒน์ นทีวัฒนา และ ยอห์น ฮิลลิเบริก. 2539. การสำรวจหอยโข่งทะเลบริเวณรอบเกาะภูเก็ตและการศึกษาความเป็นไปได้ของการเลี้ยงหอยโข่งทะเลในประเทศไทย. วารสารการประมง 36 (2): 177-190.  พบว่ามีหอยเป๋าฮื้ออยู่ 3 ชนิด ได้แก่ Haliotis asinina,  H. ovina และ H. varia   
          หอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยชนิด H. asinina เป็นชนิดที่กรมประมงเพาะพันธุ์ได้ จะมีลักษณะเด่นคือมีเปลือกติดกับกล้ามเนื้อเท้าขนาดใหญ่แข็งแรง ไม่มีฝาปิดเปลือก มีลักษณะคล้ายจานรี มีสีเขียวเข้ม น้ำตาลหรือแดงคล้ำ ตามขอบเปลือกมีรูเล็กๆ เรียงเป็นแถวยาวไปจนถึงขอบปาก รูบนเปลือกของหอยจะสร้างเพิ่มขึ้นตลอดเวลาเมื่อหอยโตขึ้น ส่วนรูเก่าจะถูกปิดไปขึ้นกับชนิดของหอยเป๋าฮื้อ สำหรับการเพาะเลี้ยงพันธุ์หอยเป๋าฮื้อจะใช้เวลาในการเลี้ยงประมาณ 1 ปี ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลจากนักวิชาการพบว่า พ่อแม่พันธุ์หอยจะมีความสมบูรณ์เพศตลอดทั้งปี แต่ไข่จะมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ในส่วนของการปล่อยไข่ในแต่ละครั้งจะขึ้นอยู่กับขนาดของแม่หอยหากมีขนาดเล็กก็จะให้ปริมาณไข่น้อย ดังนั้น เพศเมียที่เหมาะสมกับการนำมาเพาะจะมีขนาดตั้งแต่ 5.5 ซม.ขึ้นไป ซึ่งจะสามารถให้ไข่ในแต่ละครั้งจำนวน 200,000 - 600,000 ฟอง/ตัว อัตราการฟัก 60-80% และพัฒนาถึงระยะเกาะวัสดุประมาณ 30% และมีอัตรารอด 0.5% เป็นลูกหอยขนาด 1-2 มม. 
          สำหรับ ขั้นตอนการเลี้ยงที่สำคัญ คือการเตรียมสถานที่ที่จะเพาะเลี้ยงหอย โดยจะต้องเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ทะเลเพราะจะต้องมีการสูบน้ำให้ไหลหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังควรเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายได้ เมื่อได้สถานที่แล้วเตรียมบ่อสำหรับเลี้ยงพันธุ์หอย และที่หลบซ่อนของตัวหอยเป๋าฮื้อ เช่นกระเบื้องมุมโค้ง หรือแผ่นพีวีซีงอเป็นรูปตัว “V” จากนั้นสูบน้ำเข้าบ่อพัก โดยน้ำจากบ่อพักจะผ่านเข้าสู่บ่อกรอง ซึ่งมีวัสดุจำพวกกรวดและทรายช่วยกรองน้ำก่อนแล้วจึงใช้ถุงกรอง ซึ่งเป็นผ้าสักหลาดมีขนาดช่องตา 5–10 ไมครอน กรองอีกครั้งที่ปลายท่อส่งน้ำก่อนเปิดลงสู่บ่อเลี้ยง เมื่อเตรียมบ่อเรียบร้อยแล้วก็สามารถหาพันธุ์หอยเป๋าฮื้อมาเลี้ยงลงในบ่อได้ ส่วนอาหารที่ให้แก่หอยมีทั้งสาหร่ายผมนาง สาหร่ายสีแดงชนิดต่าง ๆ และอาหารสำเร็จรูป โดยให้สาหร่ายไม่เกินร้อยละ 20 ของน้ำหนักหอย ทุก ๆ 2 วัน หรืออาหารสำเร็จรูปไม่เกินร้อยละ 3 ของน้ำหนักหอย โดยให้วันละครั้ง  และควรจัดการคุณภาพน้ำในบ่อให้ดีอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้เกิดน้ำเน่าเสียซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตของเราได้ ใช้เวลาเพาะเลี้ยงประมาณ 1 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตไปขายได้ ซึ่งจากการสำรวจราคาหอยในตลาดปัจจุบันพบว่าหอยเป๋าฮื้อขนาด 3-5 ซม. ราคาขาย 1,000 บาท/กก. และขนาด 7 ซม. ราคาขายขั้นต่ำ 1,500 บาท/กก. 
          อย่างไรก็ตามถึงแม้การเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อจะได้ราคาดีแต่โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลานาน ทำให้ระหว่างการเพาะเลี้ยงเกษตรกรไม่มีรายได้จากการเลี้ยงหอยเข้าสู่ฟาร์ม ขณะที่ในช่วงดังกล่าวเกษตรกรจะต้องมีรายจ่ายค่าไฟฟ้าและค่าแรงงานอยู่แล้ว และจากการที่หอยเป๋าฮื้อเป็นสัตว์กินพืช ทำให้สิ่งขับถ่ายมีความเป็นพิษต่ำ ดังนั้น การทำฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อแบบผสมผสานจึงเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดรายได้เข้าสู่ฟาร์ม เป็นการใช้ทรัพยากรในฟาร์มอย่างคุ้มค่าและกระจายความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจอีกด้วยหากมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ดี จากการศึกษาสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ที่สามารถเพาะเลี้ยงแบบผสมผสานในฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อได้ดี ควรเป็นสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว ใช้พื้นที่ในการอนุบาลไม่มากและตลาดมีความต้องการสูง เช่น หอยหวาน ชนิด Babylonia areolata หรืออาจเป็นปลาทะเลสวยงามชนิดต่างๆ ปูม้า หรือสาหร่ายทะเล เป็นต้น
          รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถพัฒนาการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อสายพันธุ์ไทยได้เป็นอย่างดีทำให้สามารถพัฒนาผลผลิตให้ได้ขนาด คุณภาพ และปริมาณได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบันได้มีหอยเป๋าฮื้อขนาดเล็กถูกป้อนเข้าสู่ตลาด อาทิ หอยเป๋าฮื้อสายพันธุ์ไต้หวัน และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากรสชาติดี และราคาถูกกว่าหอยขนาดใหญ่ ดังนั้นหากประเทศไทยสามารถพัฒนาการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อสายพันธุ์ไทยให้เป็นที่นิยมแพร่หลายเป็นระดับอุตสาหกรรมก็จะสามารถผลักดันนำเข้าสู่ตลาดหอยขนาดเล็กนี้ได้ทันที สำหรับเกษตรกรผู้สนใจเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อชนิดดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ เบอร์โทรศัพท์ 0-3266-1398 หรือ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เบอร์โทรศัพท์ 0-2579-4496

 Tags

  •   Hits
  • ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ  เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย”  รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริม... จำนวนผู้อ่าน 798  กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิ... จำนวนผู้อ่าน 773 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 701 8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม  “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยชาวประมง 3,000 ล้านบาท”  8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช... จำนวนผู้อ่าน 607 โฆษกกรมประมง แจงชัดแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ  พ.ศ. 2567 – 2570  กรมประมงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสถานการณ์ในหลายพื้นที่เริ่มบรรเทาลงแล้ว โฆษกกรมประมง แจงชัดแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567 ... จำนวนผู้อ่าน 524 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 474 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 470 ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้ำ! ภาคการประมงไทยไม่กระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้... จำนวนผู้อ่าน 466 กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา  สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่างพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่... จำนวนผู้อ่าน 452 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 436 กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล  เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application  ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผ... จำนวนผู้อ่าน 413 กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map   “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด” ระยะ 5 ปี กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี... จำนวนผู้อ่าน 406 กรมประมง ครบรอบปีที่ 99 ก้าวสู่ “Fisheries Transformation” จัดแสดงนิทรรศการ 9 โซน “การประมง 3 น้ำ สู่แผ่นดิน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้” เปิดมิติใหม่สู่วิถียั่งยืน ยกระดับประมงไทยสู่มาตรฐานสากล โชว์ศักยภาพ GDP ประมงแตะ 1.38 แสนล้านบาท กรมประมง ครบรอบปีที่ 99 ก้าวสู่ “Fisheries Transformation” จัดแสดงนิทรรศการ 9 โซ... จำนวนผู้อ่าน 397 กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะท้อนความเชื่อมั่น หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนให้การยอมรับ  กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะ... จำนวนผู้อ่าน 377 ข่าวดี พ.ร.บ. ประมงใหม่ ผ่านสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ปรับ 71 มาตรา ลดโทษ–เพิ่มสิทธิทำประมงพื้นบ้าน ฟื้นชีวิตชาวประมงไทย สอดรับมาตรฐานสากล หนุนประมงไทยเป็นครัวโลกอย่างยั่งยืน ข่าวดี พ.ร.บ. ประมงใหม่ ผ่านสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ปรับ 71 มาตรา ลดโทษ–เพิ่มสิทธิทำป... จำนวนผู้อ่าน 377


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6