กรมประมง...ชี้แจง ! การแก้ปัญหา IUU ไทย

 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์


กรมประมง...ชี้แจง ! การแก้ปัญหา IUU ไทย 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT กรมประมง...ชี้แจง ! การแก้ปัญหา IUU ไทย..คลิก

กรมประมง...ชี้แจง ! การแก้ปัญหา IUU ไทย

“รัฐ” ใช้กฎหมายบริหารจัดการทรัพยากรยั่งยืน เพื่ออาชีพประมงได้ยั่งยืน

จากกรณีการนำเสนอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มติชน ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 เรื่อง “มรสุมประมงไทยกลางคลื่นลมกฎหมายในวันที่รัฐต้องทบทวน” นั้น

นายถาวร ทันใจ โฆษกกรมประมง ชี้แจงว่า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing)

และการบริหารจัดการประมงทะเลทั้งระบบของประเทศไทยนั้น รัฐบาลดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมาภาคการประมงของไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ของทรัพยากรประมง มาตรฐานการทำประมง และสถานการณ์การค้าสินค้าประมงโลก จึงได้มีการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การออกใบอนุญาตทำการประมง การกำหนดวันทำการประมง การกำหนดเครื่องมือ พื้นที่การทำประมง เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพก็เพื่อป้องปรามการฝ่าฝืนกฎหมาย ภายใต้การมีส่วนร่วมของพี่น้องชาวประมง

พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดระเบียบการประมงของไทย ป้องกันไม่ให้เกิดการทำประมงผิดกฎหมาย รักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืน โดยหลังจาก ปี 2558 ประเทศไทยมีการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหา IUU อย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้กระทำความผิดทางการประมงและได้รับบทลงโทษหลายราย ซึ่งมีการเรียกร้องว่าบทลงโทษภายใต้ พ.ร.ก.การประมง 2558 มีอัตราโทษสูงรุนแรงเกินกว่าเหตุ กรมประมง ขอชี้แจงว่า ในอดีต พ.ร.บ. การประมง พ.ศ. 2490 ไม่มีข้อกำหนดในการส่งเสริมมาตรการอนุรักษ์ หรืออัตราโทษให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงไม่สามารถป้องกันและยับยั้งไม่ให้เกิดการกระทำผิดได้และไม่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรประมงได้ตามหลักสากลมีเรือประมงที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องลักลอบออกไปทำการประมงทั้งในและต่างประเทศ และถูกจับกุมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นเหตุให้ประเทศไทยถูกประเทศต่าง ๆ มองว่าไม่มีการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลได้อย่างยั่งยืนและไม่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้นั่นเอง

ดังนั้น พ.ร.ก.การประมง ฉบับปัจจุบัน จึงได้ระบุถึงมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรประมงและความผิดและโทษไว้อย่างชัดเจน เช่น ตามมาตรา 70 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสามสิบล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครอง เช่น เรียกคืนใบอนุญาตทำการประมง กักเรือ เป็นต้น ซึ่งบทลงโทษดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและป้องปรามการฝ่าฝืนกระทำความผิด รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดได้รับประโยชน์จากการกระทำผิดด้วย ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการทำประมงที่ถูกกฎหมายตามวิถีของพี่น้องชาวประมงแต่อย่างใด ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกใน The law of the Sea และการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติสากล (IPOA) ขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งมีข้อระบุว่ากฎหมายจะต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับ IPOA ด้วย อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการควบคุมการทำประมงโดยการใช้กฎหมายนั้น ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งใช้หลักการทำงาน 3 ป. คือ ป้อง ปราม และปราบ

ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องเรื่องปัญหาการกำหนดวันทำการประมง เพียง 240 วัน ไม่เพียงพอนั้น กรมประมงขอชี้แจงว่า การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดความยั่งยืน ปราศจากการทำประมง IUU กรมประมงมีการออกใบอนุญาตทำการประมงตามจุดอ้างอิงศักยภาพของทรัพยากร โดยใช้ผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน หรือ MSY (Maximum Sustainable Yield) เป็นจุดอ้างอิง และคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติจะกำหนดปริมาณสัตว์น้ำทั้งหมดที่อนุญาตให้ทำการประมงได้ หรือเรียกว่า TAC (Total Allowable Catch) เพื่อนำ TAC ไปจัดสรรให้กับเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ แต่เนื่องจากจำนวนเรือที่มาขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์มีมากกว่าปริมาณสัตว์น้ำที่สามารถจัดสรรให้ทำการประมงได้ กรมประมงจึงต้องมีมาตรการควบคุมจำนวนวันทำการประมงให้สอดคล้องกับจุดอ้างอิงของทรัพยากร โดยควบคุมเฉพาะเรือประมงพาณิชย์ที่ใช้เครื่องมือประมงประสิทธิภาพสูง ได้แก่ อวนลากคู่ อวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง อวนล้อมจับ อวนล้อมจับปลากะตัก อวนครอบปลากะตัก และอวนช้อน/ยกปลากะตัก ซึ่งเรือกลุ่มนี้สามารถบริหารจัดการวันทำการประมงได้ โดยเฉลี่ยให้สามารถทำการประมงได้ทั้งปี กรมประมงยังได้กำหนดแนวทางเพิ่มวันทำการประมง ด้วยวิธีการควบรวมปริมาณสัตว์น้ำซึ่งไม่กระทบต่อการบริหารทรัพยากรประมง โดยชาวประมงสามารถนำปริมาณสัตว์น้ำที่ได้รับจัดสรรของเรือลำหนึ่งไปเพิ่มให้กับเรือลำอื่น ๆ ซึ่งกรมประมงจะนำปริมาณที่ได้รับเพิ่มมาคำนวณเป็นวันทำการประมงเพิ่มเติม โดยจำนวนวันทำการประมงที่ได้รับเพิ่มเติมเป็นการเพิ่มแบบถาวรต่อเนื่องไปทุกปี ดังนั้น ในแต่ละปีการจัดสรรจำนวนวันทำการประมงจึงเพียงพอในการประกอบอาชีพและเหมาะสมต่อการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีเรือที่ได้รับวันทำการประมงเพิ่มโดยการควบรวมปริมาณสัตว์น้ำไปแล้วมากกว่า 1,800 ลำ มาตรการดังกล่าวจึงเป็นแนวทางที่ช่วยเหลือ

ให้พี่น้องชาวประมงทำการประมงได้มากขึ้น ส่วนกลุ่มเรือประมงที่ใช้เครื่องมือประมงประสิทธิภาพต่ำ สามารถทำการประมงได้ตลอดทั้งปี ไม่มีการจำกัดจำนวนวันทำการประมง ดังนั้น แนวทางการจัดสรรวันทำการประมง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการทำประมงอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ การจัดสรรสัตว์น้ำโดยการกำหนดจำนวนวันทำการประมง ยังมีความสอดคล้องกับศักยภาพการผลิตของสัตว์น้ำในธรรมชาติที่สามารถจับมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่มีการประเมินค่า MSY พบว่า มีความสอดคล้องกับค่า CPUE หรือค่าอัตราการจับสัตว์น้ำในน่านน้ำไทยโดยใช้เรือสำรวจของกรมประมงที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2558 เท่ากับ 35.17 กก./ชั่วโมง ในปี 2563 เพิ่มเป็น 52.55 กก./ชั่วโมง ซึ่ง CPUE เป็นดัชนีบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ การเพิ่มขึ้นของอัตราการจับสัตว์น้ำแสดงให้เห็นว่าทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ถึงแม้ว่าในช่วงปี 2564 เรือประมงบางส่วนอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) จึงออกทำการประมงได้น้อยลง จึงมีผลจับสัตว์น้ำลดลงไปบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อคิดเป็นอัตราการจับต่อการทำการประมงพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นว่ามาตรการแก้ไขปัญหา IUU ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และการแก้ไขปัญหา IUU ไม่ได้ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลงแต่อย่างใด

ในส่วนของเรือประมงพื้นบ้าน ปัจจุบันมีเรือประมงพื้นบ้านที่มาขึ้นทะเบียนรวมทั้งสิ้น 50,645 ลำ (ข้อมูล ณ เมษายน 2565) ซึ่งที่ผ่านมากรมประมงและกรมเจ้าท่าบูรณาการการทำงานร่วมกันในการเร่งจดทะเบียน

เพื่อนำเรือประมงพื้นบ้านเข้าสู่ระบบให้สามารถดำเนินการตามมาตรการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังในการทำประมงได้ เพื่อประโยชน์แก่ชาวประมงในการรับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ

สำหรับการส่งออกสินค้าประมง ที่ถูกอ้างอิงว่าลดลงไปกว่าร้อยละ 50 นั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กรมประมงขอชี้แจงว่า การส่งออกสินค้าประมงของไทยในรอบ 10 ปี (2555 – 2564) เฉลี่ย 1.66 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 2.16 แสนล้านบาทต่อปี โดยจากข้อมูลปริมาณการส่งออกหลังปี 2558 ซึ่งเป็นห้วงเวลาหลังการแก้ไขปัญหา IUU จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีตัวเลขการส่งออกอยู่ที่ 1.5 – 1.6 ล้านตัน มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 1.95 – 2 แสนล้านบาท ซึ่งมูลค่าการส่งออกที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเกิดขึ้นจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและกลไกตลาด

ของประเทศคู่ค้าของไทย ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าประมงของไทยหลังการออก พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 เพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายนั้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ โดยสัตว์น้ำที่นำเข้ามาส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเพื่อส่งออก ถือว่าเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง ส่วนการนำเข้าสินค้าประมงอีกส่วนหนึ่งนั้นเป็นการนำเข้ามาเพื่อนำมาบริโภคภายในประเทศ

โฆษกกรมประมงได้กล่าวในตอนท้ายว่า ทรัพยากรประมงเป็นทรัพยากรของประเทศ ดังนั้นการบริหารจัดการให้เกิดความยั่งยืนจะส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทยสืบไป

กรมประมง...ชี้แจง ! การแก้ปัญหา IUU ไทย

“รัฐ” ใช้กฎหมายบริหารจัดการทรัพยากรยั่งยืน เพื่ออาชีพประมงได้ยั่งยืน

จากกรณีการนำเสนอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มติชน ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 เรื่อง “มรสุมประมงไทยกลางคลื่นลมกฎหมายในวันที่รัฐต้องทบทวน” นั้น

นายถาวร ทันใจ โฆษกกรมประมง ชี้แจงว่า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing)

และการบริหารจัดการประมงทะเลทั้งระบบของประเทศไทยนั้น รัฐบาลดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมาภาคการประมงของไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ของทรัพยากรประมง มาตรฐานการทำประมง และสถานการณ์การค้าสินค้าประมงโลก จึงได้มีการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การออกใบอนุญาตทำการประมง การกำหนดวันทำการประมง การกำหนดเครื่องมือ พื้นที่การทำประมง เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพก็เพื่อป้องปรามการฝ่าฝืนกฎหมาย ภายใต้การมีส่วนร่วมของพี่น้องชาวประมง

พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดระเบียบการประมงของไทย ป้องกันไม่ให้เกิดการทำประมงผิดกฎหมาย รักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืน โดยหลังจาก ปี 2558 ประเทศไทยมีการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหา IUU อย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้กระทำความผิดทางการประมงและได้รับบทลงโทษหลายราย ซึ่งมีการเรียกร้องว่าบทลงโทษภายใต้ พ.ร.ก.การประมง 2558 มีอัตราโทษสูงรุนแรงเกินกว่าเหตุ กรมประมง ขอชี้แจงว่า ในอดีต พ.ร.บ. การประมง พ.ศ. 2490 ไม่มีข้อกำหนดในการส่งเสริมมาตรการอนุรักษ์ หรืออัตราโทษให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงไม่สามารถป้องกันและยับยั้งไม่ให้เกิดการกระทำผิดได้และไม่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรประมงได้ตามหลักสากลมีเรือประมงที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องลักลอบออกไปทำการประมงทั้งในและต่างประเทศ และถูกจับกุมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นเหตุให้ประเทศไทยถูกประเทศต่าง ๆ มองว่าไม่มีการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลได้อย่างยั่งยืนและไม่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้นั่นเอง

ดังนั้น พ.ร.ก.การประมง ฉบับปัจจุบัน จึงได้ระบุถึงมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรประมงและความผิดและโทษไว้อย่างชัดเจน เช่น ตามมาตรา 70 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสามสิบล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครอง เช่น เรียกคืนใบอนุญาตทำการประมง กักเรือ เป็นต้น ซึ่งบทลงโทษดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและป้องปรามการฝ่าฝืนกระทำความผิด รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดได้รับประโยชน์จากการกระทำผิดด้วย ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการทำประมงที่ถูกกฎหมายตามวิถีของพี่น้องชาวประมงแต่อย่างใด ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกใน The law of the Sea และการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติสากล (IPOA) ขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งมีข้อระบุว่ากฎหมายจะต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับ IPOA ด้วย อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการควบคุมการทำประมงโดยการใช้กฎหมายนั้น ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งใช้หลักการทำงาน 3 ป. คือ ป้อง ปราม และปราบ

ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องเรื่องปัญหาการกำหนดวันทำการประมง เพียง 240 วัน ไม่เพียงพอนั้น กรมประมงขอชี้แจงว่า การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดความยั่งยืน ปราศจากการทำประมง IUU กรมประมงมีการออกใบอนุญาตทำการประมงตามจุดอ้างอิงศักยภาพของทรัพยากร โดยใช้ผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน หรือ MSY (Maximum Sustainable Yield) เป็นจุดอ้างอิง และคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติจะกำหนดปริมาณสัตว์น้ำทั้งหมดที่อนุญาตให้ทำการประมงได้ หรือเรียกว่า TAC (Total Allowable Catch) เพื่อนำ TAC ไปจัดสรรให้กับเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ แต่เนื่องจากจำนวนเรือที่มาขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์มีมากกว่าปริมาณสัตว์น้ำที่สามารถจัดสรรให้ทำการประมงได้ กรมประมงจึงต้องมีมาตรการควบคุมจำนวนวันทำการประมงให้สอดคล้องกับจุดอ้างอิงของทรัพยากร โดยควบคุมเฉพาะเรือประมงพาณิชย์ที่ใช้เครื่องมือประมงประสิทธิภาพสูง ได้แก่ อวนลากคู่ อวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง อวนล้อมจับ อวนล้อมจับปลากะตัก อวนครอบปลากะตัก และอวนช้อน/ยกปลากะตัก ซึ่งเรือกลุ่มนี้สามารถบริหารจัดการวันทำการประมงได้ โดยเฉลี่ยให้สามารถทำการประมงได้ทั้งปี กรมประมงยังได้กำหนดแนวทางเพิ่มวันทำการประมง ด้วยวิธีการควบรวมปริมาณสัตว์น้ำซึ่งไม่กระทบต่อการบริหารทรัพยากรประมง โดยชาวประมงสามารถนำปริมาณสัตว์น้ำที่ได้รับจัดสรรของเรือลำหนึ่งไปเพิ่มให้กับเรือลำอื่น ๆ ซึ่งกรมประมงจะนำปริมาณที่ได้รับเพิ่มมาคำนวณเป็นวันทำการประมงเพิ่มเติม โดยจำนวนวันทำการประมงที่ได้รับเพิ่มเติมเป็นการเพิ่มแบบถาวรต่อเนื่องไปทุกปี ดังนั้น ในแต่ละปีการจัดสรรจำนวนวันทำการประมงจึงเพียงพอในการประกอบอาชีพและเหมาะสมต่อการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีเรือที่ได้รับวันทำการประมงเพิ่มโดยการควบรวมปริมาณสัตว์น้ำไปแล้วมากกว่า 1,800 ลำ มาตรการดังกล่าวจึงเป็นแนวทางที่ช่วยเหลือ

ให้พี่น้องชาวประมงทำการประมงได้มากขึ้น ส่วนกลุ่มเรือประมงที่ใช้เครื่องมือประมงประสิทธิภาพต่ำ สามารถทำการประมงได้ตลอดทั้งปี ไม่มีการจำกัดจำนวนวันทำการประมง ดังนั้น แนวทางการจัดสรรวันทำการประมง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการทำประมงอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ การจัดสรรสัตว์น้ำโดยการกำหนดจำนวนวันทำการประมง ยังมีความสอดคล้องกับศักยภาพการผลิตของสัตว์น้ำในธรรมชาติที่สามารถจับมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่มีการประเมินค่า MSY พบว่า มีความสอดคล้องกับค่า CPUE หรือค่าอัตราการจับสัตว์น้ำในน่านน้ำไทยโดยใช้เรือสำรวจของกรมประมงที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2558 เท่ากับ 35.17 กก./ชั่วโมง ในปี 2563 เพิ่มเป็น 52.55 กก./ชั่วโมง ซึ่ง CPUE เป็นดัชนีบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ การเพิ่มขึ้นของอัตราการจับสัตว์น้ำแสดงให้เห็นว่าทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ถึงแม้ว่าในช่วงปี 2564 เรือประมงบางส่วนอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) จึงออกทำการประมงได้น้อยลง จึงมีผลจับสัตว์น้ำลดลงไปบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อคิดเป็นอัตราการจับต่อการทำการประมงพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นว่ามาตรการแก้ไขปัญหา IUU ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และการแก้ไขปัญหา IUU ไม่ได้ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลงแต่อย่างใด

ในส่วนของเรือประมงพื้นบ้าน ปัจจุบันมีเรือประมงพื้นบ้านที่มาขึ้นทะเบียนรวมทั้งสิ้น 50,645 ลำ (ข้อมูล ณ เมษายน 2565) ซึ่งที่ผ่านมากรมประมงและกรมเจ้าท่าบูรณาการการทำงานร่วมกันในการเร่งจดทะเบียน

เพื่อนำเรือประมงพื้นบ้านเข้าสู่ระบบให้สามารถดำเนินการตามมาตรการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังในการทำประมงได้ เพื่อประโยชน์แก่ชาวประมงในการรับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ

สำหรับการส่งออกสินค้าประมง ที่ถูกอ้างอิงว่าลดลงไปกว่าร้อยละ 50 นั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กรมประมงขอชี้แจงว่า การส่งออกสินค้าประมงของไทยในรอบ 10 ปี (2555 – 2564) เฉลี่ย 1.66 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 2.16 แสนล้านบาทต่อปี โดยจากข้อมูลปริมาณการส่งออกหลังปี 2558 ซึ่งเป็นห้วงเวลาหลังการแก้ไขปัญหา IUU จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีตัวเลขการส่งออกอยู่ที่ 1.5 – 1.6 ล้านตัน มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 1.95 – 2 แสนล้านบาท ซึ่งมูลค่าการส่งออกที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเกิดขึ้นจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและกลไกตลาด

ของประเทศคู่ค้าของไทย ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าประมงของไทยหลังการออก พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 เพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายนั้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ โดยสัตว์น้ำที่นำเข้ามาส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเพื่อส่งออก ถือว่าเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง ส่วนการนำเข้าสินค้าประมงอีกส่วนหนึ่งนั้นเป็นการนำเข้ามาเพื่อนำมาบริโภคภายในประเทศ

โฆษกกรมประมงได้กล่าวในตอนท้ายว่า ทรัพยากรประมงเป็นทรัพยากรของประเทศ ดังนั้นการบริหารจัดการให้เกิดความยั่งยืนจะส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทยสืบไป

 Tags

  •   Hits
  • “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ  กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บังคับใช้ 5 ปี  “ฤดูน้ำแดง 2568” คุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ทั่วประเทศ กรมประมงออกประกาศฉบับใหม่ บ... จำนวนผู้อ่าน 6,366  กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย กรมประมง...เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิ... จำนวนผู้อ่าน 737 กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าประมง  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของประเทศคู่ค้าแบบเรียลไทม์ได้ไร้รอยต่อ กรมประมง..พลิกโฉมการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สู่ดิจิทัลโซลูชั่น อำนว... จำนวนผู้อ่าน 550 ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ  เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย”  รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริม... จำนวนผู้อ่าน 430 8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม  “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยชาวประมง 3,000 ล้านบาท”  8 กันยายน นี้ดีเดย์ ! เปิดรับสมัครเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช... จำนวนผู้อ่าน 425 กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งคุณภาพ ยั่งยืน แข่งขันได้ในตลาดโลก กรมประมง…เดินหน้าพัฒนาบุคลากรภาคเพาะเลี้ยง จัดอบรม “SMART INSPECTOR 2025” มุ่งสู... จำนวนผู้อ่าน 403 ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลากะพงขาวไปจีน เริ่มแล้ว 2 ราย ผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฮ !!! รัฐบาลไทยเจรจา GACC กรมประมงผลักดันการ... จำนวนผู้อ่าน 359 กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล  เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application  ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผ... จำนวนผู้อ่าน 352 กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map   “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด” ระยะ 5 ปี กรมประมง..เปิดเวทีสัมมนาปั้น Road Map “แผนปฏิบัติการวิจัยและนวัตกรรมการเพาะเลี... จำนวนผู้อ่าน 338 ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้ำ! ภาคการประมงไทยไม่กระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ข่าวดี! สหรัฐฯ ประกาศ ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MMPA สามารถส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย ตอกย้... จำนวนผู้อ่าน 331 กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก  ลุยเก็บตัวอย่างตรวจโลหะหนักต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน กรมประมง..เข้ม! ตรวจติดตามเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสาย - แม่น้ำกก ลุ... จำนวนผู้อ่าน 327 กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะท้อนความเชื่อมั่น หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนให้การยอมรับ  กรมประมงเข้ารับรางวัลเลิศรัฐประจำปี 2568 โชว์ผลงาน คว้ารางวัล 3 สาขา 3 ประเภท สะ... จำนวนผู้อ่าน 315 กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา  สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่างพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. กรมประมง..ส่งเสริมเกษตรกร จ.ชัยนาท เลี้ยงกบนา สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ระหว่... จำนวนผู้อ่าน 290 กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลยุทธ์การขายยุคใหม่ กรมประมง จับมือ ม.เกษตร เปิดเกมรุกยกระดับสินค้าประมง ขยายโอกาสทางการตลาด ด้วยกลย... จำนวนผู้อ่าน 284 กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์สติวเทคนิคอนุบาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิหนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมประมง..เร่งปั้นผลผลิตลูกพันธุ์ “ปลาชะโอน” รองรับความต้องการของเกษตรกร จัดคอร์... จำนวนผู้อ่าน 280


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์

    รายละเอียด กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมประมง เลขที่ 50 เกษตรกลางบางเขน   ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900    email  prfisheries2563@gmail.com  โทรศัพท์ 025620569  FAX 025620569  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6