เผยเเพร่: 2017-11-13 | อ่าน: 15,913 ครั้ง
ในปี 2554 สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (The General Administration of Quality Supervision, Inspection and Quarantine : AQSIQ) ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นกระทรวงการศุลกากร สาธารณรัฐประชาชนจีน (The General Adminisation of Customs People's Republic of China: GACC) ตรวจพบเชื้อ Infectious hypodermal and haematopoietic necrosis virus (IHHNV) ในกุ้งกุลาดำมีชีวิตที่นำเข้าจากประเทศไทย ส่งผลให้มีความเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้ากุ้งกุลาดำมีชีวิตจากประเทศไทย โดยมีข้อกำหนดให้กุ้งกุลาดำมีชีวิตจากประเทศไทยที่ส่งออกเพื่อการบริโภคต้องมาจากฟาร์มที่กรมประมงขึ้นทะเบียนรับรอง โดยต้องระบุผลการตรวจเชื้อ IHHNV ในใบรับรองสุขอนามัยทุกรุ่น
จากข้อแนะนำของ GACC กรมประมงได้นำนโยบายการบริหารจัดการกุ้งทะเลแบบคลัสเตอร์ (Cluster) ที่เชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โดยได้นำมาปรับใช้เป็นโครงการคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำมีชีวิตเพื่อการบริโภคส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของโรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล ฟาร์มเลี้ยง และสถานบรรจุสัตว์น้ำ โดยเกษตรกรทั้ง 3 กลุ่ม ต้องมาแจ้งความประสงค์กับกรมประมงในการเข้าร่วมโครงการคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำฯ
เอกสารขอขึ้นทะเบียนโรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล/ฟาร์มเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
1. ใบสมัครขอเข้าร่วมคลัสเตอร์การส่งออกกุ้งกุลาดำมีชีวิตเพื่อการบริโภคไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
2. แสดงทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) หรือแสดงหนังสือรับรองการแจ้งประกอบกิจการผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม (จสค.)
3. แสดงใบรับรองมาตรฐาน
4. สำเนาใบรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่าง (Test report) ที่ปลอดเชื้อก่อโรคตามที่กรมประมงประกาศกำหนด จากหน่วยงานของกรมประมง หรือหน่วยงานที่กรมประมงประกาศรับรอง
5. สำเนาใบรายงานผลการตรวจสุขอนามัยโรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล
6. แสดงหนังสือกำกับการจำหน่ายลูกพันธุ์สัตว์น้ำ (FMD หริอ FAPD)
7. กรณีเป็นนิติบุคคลให้แนบเอกสารดังนี้
7.1 สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนซึ่งมีอายุไม่เกิน 90 วันนับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง
7.2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล
8. กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นแทน ให้แนบเอกสารดังนี้
8.1 หนังสือมอบอำนาจ
8.2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
คุณสมบัติโรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล และฟาร์มเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
คุณสมบัติ |
โรงเพาะฟักและอนุบาลหรือโรงอนุบาล |
ฟาร์มเลี้ยง |
1.โรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล/ฟาร์ม แจ้งความประสงค์เข้าร่วมคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำฯ ณ ศูนย์ฯ/สถานีฯ ในพื้นที่ |
ü |
ü |
2.โรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล/ฟาร์มต้องได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์ม GAP/CoC/GAP มกษ./BAP/ASC |
ü |
ü |
3.ฟาร์มต้องซื้อลูกกุ้งจากโรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาลที่ปลอดเชื้อก่อโรค และเข้าร่วมคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำฯ เท่านั้น | ü | |
4.โรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาลต้องได้รับการตรวจสุขอนามัยฟาร์มทุก 6 เดือน |
ü |
|
5.โรงเพาะฟักและอนุบาล หรือโรงอนุบาล และฟาร์ม ต้องได้รับการตรวจเชื้อก่อโรคกุ้งทะเลตามที่กรมประมงประกาศ กำหนดทุก 6 เดือน |
ü |
ü |
6.มีการบันทึก และรายงานข้อมูลด้านการผลิตกุ้ง ข้อมูลด้านโรค และการตายของกุ้งที่กรมประมงสามารถตรวจสอบได้ |
ü |
ü |
7.มีใบกำกับการจำหน่ายลูกพันธุ์สัตว์น้ำ (FMD หรือ FAPD) และมีใบรับรองสุขภาพลูกกุ้งทุกครั้งที่จำหน่าย |
ü |
|
8.มีใบกำกับการจำหน่ายลูกพันธุ์สัตว์น้ำ (FMD หรือ FAPD) และใบกำกับการจำหน่ายพันธุ์สัตว์น้ำ (MD หรือ APD) เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนกลับทุกครั้งที่ผลิต |
ü |
ภาพรวมการส่งออกกุ้งกุลาดำมีชีวิตเพื่อการบริโภคไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
เอกสารดาวน์โหลด
แบบฟอร์มสมัครเข้าร่วมคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำมีชีวิตเพื่อการบริโภคไปจีน
แบบฟอร์มประเมินสถานะการดำเนินกิจการคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำมีชีวิตเพื่อการบริโภคไปสาธารณรัฐประชาชนจีน