ร่วมบูรณาการออกการรื้อถอนหลักคอกหอยในเขตพื้นที่อ่าวบ้านดอน พื้นที่ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 สำนักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี


ร่วมบูรณาการออกการรื้อถอนหลักคอกหอยในเขตพื้นที่อ่าวบ้านดอน พื้นที่ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT ร่วมบูรณาการออกการรื้อถอนหลักคอกหอยในเขตพื้นที่อ่าวบ้านดอน พื้นที่ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี..คลิก

วันที่ 20 เมษายน 2565  เวลา  09.30 น. นายอิทธิพล ขวาไทย  ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ นายสมพร  เกื้อสกุล หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง , นายศิวะ  ธนาพล ประมงอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และนายภคิน  ปานบุตร ประมงอำเภอวิภาวดี ร่วมกับคณะทำงานแก้ปัญหาอ่าวบ้านดอน ร่วมบูรณาการออกการรื้อถอนหลักคอกหอยในเขตพื้นที่อ่าวบ้านดอน พื้นที่ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติงาน จากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้การอำนวยการ น.อ.  วศากร สุนทรนันท รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล   จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวน 3 นาย สำนักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้การอำนวยการ นายอิทธิพล ขวาไทย  ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งการให้ นายสมพร  เกื้อสกุล หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง , นายศิวะ  ธนาพล ประมงอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และนายภคิน  ปานบุตร ประมงอำเภอวิภาวดี สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสุราษฎร์ธานี โดยนายชยสรณ์ สมศรี เจ้าพนักงานเครื่องคอมพิวเตอร์ และนายสุภกฤต เดียวฉิ้ม พนักงานจ้างเหมาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ผู้นำชุมชนตำบลคลองฉนาก โดย นายธนวร นาคสุวรรณ กำนันตำบลคลองฉนาก พร้อมผู้ใหญ่บ้าน       ทุกหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตำบล พร้อมเรือยนต์หางยาว จำนวน 3 ลำ ร่วมปฏิบัติงาน พร้อมด้วยสื่อมวลชน
ร่วมกันรื้อถอนหลักคอกหอยในเขตพื้นที่อ่าวบ้านดอน หลังได้การร้องเรียนจากชาวประมงผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ว่ามีการปักหลักไม่ไผ่ บริเวณอ่าวบ้านดอน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีความผิดตาม พรก.การประมง พ.ศ. 2558 และ พรก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไข) บริเวณทะเลอ่าวบ้านดอน ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง  จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่ฯ ร่วมตรวจสอบพื้นที่อ่าวบ้านดอน ตำบลคลองฉนาก พบว่ามีการปักหลักไม้ไผ่เป็นแนวยาว ริมร่องน้ำตาปี เพื่อครอบครองพื้นที่สาธารณสมบัติ โดยวิธีการปักหลัก โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งไม่ทราบตัวบุคคลที่ทำการปักไว้ จึงได้ตรวจสอบหาผู้เป็นเจ้าของในบริเวณใกล้เคียง แต่ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้ทำการรื้อถอนทำลาย หลักไม้ไผ่ จำนวนประมาณ 50 อัน สถาพเสียหายจากการรื้อถอน การกระทำดังกล่าวเป็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ผิดไปจากสภาพที่เป็นอยู่ 
และขณะเดินทางกลับ เวลาประมาณ 11.10 น. สังเกตุและตรวจพบเรือประมง จำนวน 2 ลำ กำลังทำการประมงบริเวณใกล้เคียงจุดรื้อถอนลักษณะการใช้เครื่องมือประมงอวนลากคานถ่าง ทำการประมงหอยสองฝาในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนำเรือไปยังเรือที่ทำการประมงดังกล่าว ปรากฏว่าเรือทั้ง 2 ลำ ได้หนีเข้าฝั่งในเขตพื้นที่คลองกะแดะแจะ คณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเครื่องมือประมงประเภทอวนลากคานถ่าง ตัดทิ้งไว้ในทะเล จำนวน 1 ชุด เป็นลักณะโครงเหล็กสามเหลี่ยมพร้อมเนื้ออวน (ชาวบ้านเรียกเหล็กสามเหลี่ยมคราดลูกหอยแครง)  จึงดำเนินการเก็บกู้ขึ้นมา ตรวจสอบแล้วพบว่าในถุงอวนดังกล่าวมีเศษซากเปลือกหอยและสัตว์หน้าดินขนาดเล็กติดอยู่ภายใน  ถุงอวนดังกล่าว ประมาณ น้ำหนัก 2 กิโลกรัม สภาพเน่าเสีย ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของ ในกรณีการใช้เครื่องมือประมงอวนลากคานถ่างประกอบเรือยนต์ทำการประมงเป็นความผิดตามตาม พรก.การประมง พ.ศ. 2558 และ พรก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไข) ตามมาตรา 36 และมาตรา 70 จึงได้ดำเนินการตรวจยึดไว้ ดำเนินการส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ตาม ปจว.ข้อที่ 43 ลงวันที่ 20 เมษายน 2565 เวลา 16.07 น. พนักงานสอบสวน ร.ต.อ.จริยวัฒน์ แทนชื่น 
      1. ข้อกล่าวหา ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ให้ผิดไปจากสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 62 และห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุมนอกเขตพื้นที่ที่คณะกรรมการประมงประจำจังหวัดประกาศกำหนดให้เป็นเขตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผิดตามมาตรา 77 ภายใต้บังคับ มาตรา 79  มีบทกำหนดโทษตามมาตรา ๑๔3  และมาตรา ๑๔9   พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไข)      
    2. ข้อกล่าวหา ผู้ใดจะทำการประมงพาณิชย์จะต้องได้รับอนุญาตทำการประมงพาณิชย์จากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 36 และมาตรา 70 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงในพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน หรือระยะเวลาอื่นใดที่จำเป็นต่อการคุ้มครองสัตว์น้ำตามอธิบดีประกาศกำหนด เว้นแต่เครื่องมือ วิธีทำการประมง และปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นบรรดาที่อธิบดีกำหนด มีบทกำหนดโทษตามมาตรา ๑29 และ 138  แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไข)

 Tags

  •   Hits
  • ยังไม่มีการจัดลำดับบทความ


    คุยกับน้องมัจฉา Add Friends คุยกับน้องมัจฉา