กรมประมง” เตือน “เกษตรกร” เฝ้าระวังโรคระบาดปลาจากสภาพอากาศ ในช่วงฤดูหนาว

 กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง


กรมประมง” เตือน “เกษตรกร” เฝ้าระวังโรคระบาดปลาจากสภาพอากาศ ในช่วงฤดูหนาว 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT กรมประมง” เตือน “เกษตรกร” เฝ้าระวังโรคระบาดปลาจากสภาพอากาศ ในช่วงฤดูหนาว..คลิก

 เรื่อง “การเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในการเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำช่วงหน้าหนาว”

จัดเตรียมข้อมูลโดยกองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมง

          ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยขณะนี้เข้าสู่ช่วงพลัดเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยมีอุณหภูมิลดต่ำลง โดยเฉพาะในพื้นภาคเหนือและภาคอีสาน แต่ในบางพื้นที่ยังมีฝนตกสลับกับอากาศร้อน ทำให้อุณภูมิของน้ำเกิดการเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์น้ำ เนื่องจากสัตว์น้ำเป็นประเภทสัตว์เลือดเย็น อุณหภูมิของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมเสมอ ทำให้สัตว์น้ำทั้งที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติและที่เกษตรกรเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเลี้ยงในกระชัง หรือในบ่อดินปรับตัวไม่ทัน เกิดความเครียด อ่อนแอ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่าย โดยในช่วงฤดูหนาวมีเชื้อโรคบางชนิดสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ดี ร่วมกับสัตว์น้ำมีความอ่อนแอ อาจโน้มนำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดการตายอย่างฉับพลันได้ โดยเชื้อที่อาจก่อโรคในสัตว์น้ำได้แก่

1. เชื้อราสกุลอะฟลาโนมัยซิส (Aphanomyces invadans)

    เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหรือโรคอียูเอส (EUS : Epizootic Ulcerative Syndrome) ซึ่งเป็นโรคที่อยู่ภายใต้ระบบการเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำของประเทศไทยโดยทั่วไปการเกิดโรคแผลเน่าเปื่อยมีปัจจัยโน้มนำมาจากสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิของน้ำที่ต่ำลง หรือสภาพน้ำเป็นกรดมากไป หรือมาจากการจัดการการเลี้ยง เช่น ปล่อยปลาเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นมากเกินไปซึ่งลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะมีแผลถลอก เลือดออกตามซอกเกล็ด และเกิดแผลเน่าเปื่อยลึกตามตัว สามารถพบโรคนี้ได้ในปลาหลายชนิดทั้งที่อาศัยในแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อเลี้ยงเช่น ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลากระสูบ ปลาแรด และปลาสลิด เป็นต้นซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาหรือสารเคมีที่จะใช้ในการรักษาโรคนี้ได้ หากสภาพอากาศและน้ำในบ่อเลี้ยงมีอุณหภูมิสูงขึ้น เชื้อราดังกล่าวจะเจริญและแพร่กระจายได้น้อยลง ในขณะเดียวกันปลาที่กำลังป่วยจะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ช่วยให้ปลาหายป่วยเองได้ในเวลาต่อมา

2. เชื้อแบคทีเรียสกุลฟลาโวแบคทีเรียม (Flavobacterium sp.)

    เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตัวด่าง มักพบในปลาหลังจากการย้ายบ่อ หรือการขนส่งโดยลักษณะอาการปลาที่ป่วยจะมีแผลด่างขาวตามลำตัวหากติดเชื้อรุนแรงปลาจะตายเป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น พบโรคนี้ได้ในปลาสวยงาม ปลากะพงขาว ปลาดุกปลาช่อน และปลาบู่ วิธีการป้องโรคที่ดี คือ ลดอัตราความหนาแน่นปลา ลดหรืองดอาหาร ควบคุมคุณสมบัติน้ำให้เหมาะสม หลังการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งปลาให้ใช้เกลือแกง 1 กิโลกรัมต่อปริมาตรน้ำ 1 ตัน (0.1 %) เพื่อช่วยลดความเครียด

3. เชื้อไวรัสคอยเฮอบี (Koi herpesvirus)

    เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไวรัสเคเอชวี (KHVD : Koi Herpesvirus Disease) พบในปลาตระกูลคาร์พและไน ลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะรวมกลุ่มอยู่ตามผิวน้ำและขอบบ่อ ซึม ว่ายน้ำเสียการทรงตัว ลำตัวมีเมือกมาก มีแผลเลือดออกตามลำตัว ในปลาที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงจะพบอาการเหงือกเน่าปลาอ่อนแอ กินอาหารน้อยลงหรือไม่กินอาหาร ทยอยตายพบมีอัตราการตายสูงถึง 50 – 100 % โดยทั่วไปการเกิดโรคไวรัสเคเอชวีมีปัจจัยโน้มนำมาจากอุณหภูมิน้ำต่ำและความเครียดต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การติดเชื้อปรสิตหรือเชื้อแบคทีเรีย และคุณภาพน้ำที่ไม่เหมาะสมจะช่วยเสริมให้เกิดโรค และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้สารเคมี วิธีการป้องโรคที่ดี คือ ลดความหนาแน่นปลา ลดอาหาร ควบคุมคุณสมบัติน้ำให้เหมาะสม และรักษาตามสาเหตุแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่นการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราปรสิต เป็นต้น

4. ปรสิตหลายชนิด เช่น อิ๊ก เห็บปลา หมัดปลา เหาปลา เป็นต้น

    เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดแผลเลือดออกในบริเวณเหงือกและผิวหนังส่งผลให้การหายใจบกพร่อง เนื่องจากประสิทธิภาพการนำออกซิเจนไปใช้ในร่างกายน้อยลง ภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติด่านแรก (Innate immunity) ลดลงโรคที่เกิดปรสิตดังกล่าว พบได้ในปลาหลายชนิดทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย โดยลักษณะอาการปลาที่ป่วย จะรวมกลุ่มอยู่ตามผิวน้ำและขอบบ่อ ซึม ว่ายน้ำเสียการทรงตัว ลำตัวมีเมือกมาก มีแผลเลือดออกตามลำตัว ในปลาที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงจะพบอาการเหงือกเน่าปลาอ่อนแอ กินอาหารน้อยลงหรือไม่กินอาหาร อัตราการตายขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของปลา อายุและขนาดของปลา (ปลาวัยอ่อน จะมีอัตราการตายสูง) ชนิดและปริมาณปรสิตที่พบ อวัยวะที่พบปรสิต (หากพบในสมอง ระบบประสาท เลือด จะมีอัตราการตายสูง) คุณภาพน้ำ สารอินทรีย์ (หากในบ่อมีมาก ส่งผลต่อสุขภาพทางอ้อม ให้ปลาอ่อนแอได้) โรคจากปรสิตสามารถควบคุมได้โดยการตัดวงจรชีวิตของปรสิต (รักษาความสะอาด กำจัดตะกอน เศษอาหาร) ควบคู่กับการควบคุมคุณภาพน้ำและการใช้สารเคมี (ขึ้นอยู่กับชนิดและลักษณะการก่อให้เกิดโรคของปรสิต)

         อนึ่ง แม้โรคดังกล่าวจะพบในปลาหลายชนิด และไม่พบในกุ้งก็ตาม แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เย็นลง จะทำให้การกินอาหารของกุ้งให้กินอาหารน้อยลง โดยอาหารเหลือจะทำให้ในบ่อเลี้ยงมีปริมาณสารอินทรีย์เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและการเพิ่มปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถส่งผลต่อสุขภาพของกุ้งได้เช่นกัน เมื่อกินอาหารน้อยลง กุ้งอ่อนแอ จึงมีความเสี่ยงที่จะยอมรับเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย (แบคทีเรียกลุ่มวิบริโอ) หรือไวรัส (ไวรัสตัวแดงดวงขาว) ได้ง่ายการสังเกตอาการสัตว์น้ำป่วยสามารถสังเกตได้จากลักษณะอาการภายนอกและพฤติกรรมของสัตว์น้ำดังนี้

       - อาการผิดปกติของร่างกาย เช่น ผิวหนังมีแผลเลือดออก ผิวหนังมีเมือกมาก จุดแดง จุดขาวตามเหงือก เหงือกเน่าเหงือกดำเป็นต้น

       - พฤติกรรมต่าง ๆ เช่น ว่ายน้ำช้า หายใจถี่ รวมกลุ่มตามขอบบ่อ ลอยบริเวณผิวน้ำ การกินอาหารลดน้อยลงเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มีวิธีการป้องโรคสัตว์น้ำและมีประสิทธิภาพดีใช้หลักการป้องกันโรคทางชีวภาพที่ดี (Biosecurity) และการจัดการสุขภาพสัตว์น้ำที่ดี(Health Management Practice) เช่น มีการเตรียมบ่อเลี้ยงและน้ำที่ดี ใช้ลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่แข็งแรง ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อโรค จากแหล่งเพาะพันธุ์ที่น่าเชื่อถือ รักษาความสะอาดในบ่อเลี้ยง/สถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำอยู่เสมอ ลดความหนาแน่นของสัตว์น้ำ ลดปริมาณอาหารลง 20-30% ควบคุมคุณสมบัติน้ำให้เหมาะสม (ควบคุมอุณหภูมิน้ำที่ 29-30 องศาเซลเซียสและให้คงที่อุณภูมิน้ำเช้า บ่าย ไม่ควรแตกต่างกันมาก)มีระบบการเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำด้วยตนเอง หมั่นดูแลสุขภาพสัตว์น้ำและสังเกตพฤติกรรมของสัตว์น้ำที่เลี้ยงอยู่เสมอ เป็นต้น

 

          เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ควรมีการเตรียมการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการควบคุมโรคสัตว์น้ำ โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  1. วางแผนการเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และฤดูกาล เพื่อให้สามารถจับจำหน่ายได้ก่อนช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนถึงฤดูหนาว หรือฤดูน้ำหลาก
  2. ควรคัดเลือกลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความแข็งแรง จากฟาร์มผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้
  3. ควรปล่อยสัตว์น้ำลงเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นที่เหมาะสมหรือน้อยกว่าปกติ เพื่อลดความสูญเสียจากคุณภาพน้ำที่ไม่เหมาะสม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  4. เลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพดี และให้อาหารสัตว์น้ำในปริมาณที่เหมาะสม เสริมสารอาหารหรือวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของสัตว์น้ำ เช่น โปรไบโอติก วิตามินซี วิตามินรวม เป็นต้น
  5. วางแผนจัดการคุณภาพน้ำที่ดี ให้เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำหากสภาพอากาศปิด มีฝนตก ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงอย่างฉับพลัน เกษตรกรสามารถป้องกันการตายของสัตว์น้ำได้ โดยการเปิดเครื่องตีน้ำหรือสูบน้ำในบ่อให้สัมผัสอากาศจะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำได้ ส่วนกรณีที่ฝนตกหนัก ค่าความเป็นกรด-ด่าง (พีเฮช, pH) ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำจะมีค่าลดลง ควรโรยปูนขาวหรือปูนมาร์ล เพื่อควบคุมค่าความเป็นกรด-ด่าง และเติมเกลือแกง เพื่อลดความเครียดของสัตว์น้ำที่เลี้ยงในบ่อนอกจากนี้ ควรควบคุมการใช้น้ำ และรักษาปริมาณน้ำในที่เลี้ยงสัตว์น้ำให้มีปริมาณพอเหมาะ หรือ มีปริมาณ 2 ใน 3 ส่วนของน้ำที่มีอยู่ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
  6. ระหว่างเลี้ยง ควรทำความสะอาดพื้นบ่อ กรณีที่เลี้ยงในกระชังให้ทำความสะอาดกระชังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดปริมาณสารอินทรีย์ เศษอาหาร มูลของเสีย ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของปรสิตรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ
  7. ปรับปรุงบ่อ, เสริมคันบ่อหรือทำผนังบ่อให้สูงพอกับปริมาณน้ำที่เคยท่วมในปีที่ผ่านๆ มาพร้อมจัดทำร่องระบายน้ำ และขุดลอกตะกอนดินที่จะทำให้ร่องระบายน้ำตื้นเขินออกไป
  8. ควรหมั่นตรวจสุขภาพสัตว์น้ำอย่างสม่ำเสมอ กรณีมีสัตว์น้ำป่วยตายควรกำจัดโดยการฝังหรือเผา
    ไม่ควรทิ้งสัตว์น้ำป่วยไว้ในบริเวณบ่อหรือกระชังที่เลี้ยง เพราะจะเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคทำให้การระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  9. กรณีเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ควรหมั่นตรวจสอบดูแลความคงทนแข็งแรงของกระชังให้มีระยะห่างกันพอสมควร เพื่อให้น้ำมีการหมุนเวียนถ่ายเทได้สะดวก
     

          กรณีที่พบสัตว์น้ำมีอาการผิดปกติ ให้รีบหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สัตว์น้ำ อ่อนแอ ป่วยและตาย และให้รีบแก้ไขตามสาเหตุ หากไม่ทราบหรือไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ด้วยตนเอง ให้รีบปรึกษาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ด้านโรคและการจัดด้านสุขภาพสัตว์น้ำ

          หากเกษตรกร พบปัญหาด้านโรคสัตว์น้ำ เกษตรกรสามารถขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำได้ที่ สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัด หรือหน่วยงานอื่น ๆ ของกรมประมงทุกแห่งทั่วประเทศและหากต้องการส่งสัตว์น้ำป่วยเพื่อตรวจวินิจฉัยโรค หรือขอคำแนะนำด้านโรคสัตว์น้ำ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมงหมายเลขโทรศัพท์ 0-2561-3372 หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำสงขลา หมายเลขโทรศัพท์ 0-7433-5244-5

ดาวน์โหลดเอกสาร : หนังสือกรมประมง ที่ กษ 0506.4/ว 1542 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2564

 

 

 Tags

  •   Hits
  • แผนเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย ปี 2568 ด้านประมง แผนเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย ปี 2568 ด้านประมง  จำนวนผู้อ่าน 161  แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ 2568 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ คร... จำนวนผู้อ่าน 158 ระเบียบกรมประมง ว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนโครงการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระเบียบกรมประมง ว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนโครงการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้... จำนวนผู้อ่าน 133 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ ครั้งที่ 6 ประจำปีงบประมาณ 2568 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ คร... จำนวนผู้อ่าน 122 แจ้งเตือนการช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ พ.ศ. 2568 แจ้งเตือนการช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ พ.ศ. 2568  จำนวนผู้อ่าน 99 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงฤดูฝน ปี 2568  จำนวนผู้อ่าน 95 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ ครั้งที่ 8 ประจำปีงบประมาณ 2568 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ คร... จำนวนผู้อ่าน 90 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ ครั้งที่ 7 ประจำปีงบประมาณ 2568 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ คร... จำนวนผู้อ่าน 82 แนวทางการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุสมผลในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แนวทางการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุสมผลในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  จำนวนผู้อ่าน 60 ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน เรื่อง แต่งตั้งปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2568 ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน เรื่อง แต่งตั้งปราชญ์เกษตรของแผ่นด... จำนวนผู้อ่าน 57 การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านประมง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านประมง  จำนวนผู้อ่าน 21 คู่มือการใช้งานแบบแจ้งข้อมูลความเสียหาย คู่มือการใช้งานแบบแจ้งข้อมูลความเสียหาย  จำนวนผู้อ่าน 12 คู่มือการใช้งาน Web Application ความเสียหาย01(2) คู่มือการใช้งาน Web Application ความเสียหาย01(2)  จำนวนผู้อ่าน 11 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ ครั้งที่ 9 ประจำปีงบประมาณ 2568 แจ้งการอนุมัติโอนงบประมาณฯ เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงประสบภัยธรรมชาติ คร... จำนวนผู้อ่าน 9


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง

    รายละเอียด กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ ชั้น 4 อาคารจรัลธาดา กรรณสูต กรมประมง   เกษตรกลาง  แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ  10900  email  dof.disastermc@hotmail.com  โทรศัพท์ 0 2562 0600 - 15 ต่อสายภายใน 17426,17427  FAX -
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6