4 สัตว์ทะเลน้องใหม่ในบัญชี สัตว์ป่าสงวน

4 สัตว์ทะเลน้องใหม่ในบัญชี สัตว์ป่าสงวน 

ข่าวประชาสัมพันธ์  คลังความรู้  ความรู้ด้านการประมง

 2020-06-18  8,087

พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฉบับใหม่ ออกมาเพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตสัตว์ป่าในน่านน้ำทะเลไทยเพิ่มเติม โดยเพิ่มชื่อสัตว์ทะเลอีก 4 ชนิด เป็นสัตว์ป่าสงวน ได้แก่ วาฬบรูด้า เต่ามะเฟือง ปลาฉลามวาฬ และ วาฬโอมูระ ทำให้ไทยมีสัตว์ป่าสงวนรวม 19 ชนิด

สัตว์ทะเลทั้ง 4 ชนิด แม้ไม่ใช่สัตว์ของไทย แต่ต้องจัดให้เป็นสัตว์สงวนเพราะสถิติการพบในธรรมชาติน้อยลงมาก มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์จนถึงใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง และมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล เพราะอยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหาร จึงช่วยรักษาความสมดุล และเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศได้เป็นอย่างดี โดยธรรมชาติมักมีการอพยพไปมาระหว่างประเทศ จึงมีความสำคัญในระดับนานาชาติด้วยเช่นกัน ลองมาทำความรู้จักกับเจ้าสัตว์ทะเลทั้ง 4 ชนิดกัน

วาฬบรูด้า เลี้ยงลูกด้วยนม ออกลูกคราวละ 1 ตัว มีปอด จึงต้องผุดขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำเป็นระยะ ตัวเต็มวัยมีขนาดใหญ่ถึง 16 เมตร แต่อาหารโปรดเป็นเพียงแพลงก์ตอนของสัตว์จำพวกกุ้งและปลาขนาดเล็ก เจ้าวาฬบรูด้าต้องกินถึงวันละ 590 กิโลกรัม ปัจจัยหลักที่ทำให้ปริมาณลดลงคือการทำประมงจากอวนรุน อวนลาก ที่กวาดทั้งอาหารของวาฬและตัววาฬบรูด้าไปด้วย เมื่อไม่สามารถขึ้นมาหายใจก็ต้องตายในที่สุด ปัจจุบันในไทยมีจำนวนราว 50 ตัว

เต่ามะเฟือง เป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ 1.5-2.5 เมตร ตัวโตแต่บอบบาง เพราะกระดองเป็นเพียงหนังหุ้มไม่แข็งเหมือนเต่าชนิดอื่น น้ำหนักอยู่ที่ 800-900 กิโลกรัม ดำน้ำได้ลึก 1,280 เมตร กินแมงกะพรุน แพลงก์ตอน และสาหร่ายเป็นอาหาร ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำจะขึ้นบกก็ต่อเมื่อถึงฤดูวางไข่ โดยเลือกเฉพาะหาดทรายที่มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ในช่วงเวลา 50 ปีมานี้ สถิติการวางไข่ลดลงจาก 250-300 รังเหลือเพียง 10-20 รัง คิดเป็น 95% และมาวางไข่ในประเทศไทยปีละไม่ถึง 10 ตัว ซึ่งการแอบเก็บไข่เต่าตามรังที่มาวางไข่ และการกินถุงพลาสติกในทะเลเพียงเพราะเหมือนแมงกะพรุน ถือภัยคุกคามที่ทำให้มีจำนวนลดลงมากผลเสียที่ตามมาคือปริมาณประชากรแมงกะพรุนย่อมแพร่พันธุ์ได้มากเกินการควบคุม

ปลาฉลามวาฬ ได้ชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลไทย และเป็นปลาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดำน้ำได้ลึก 1,000 เมตร ลำตัวยาวประมาณ 20 เมตร น้ำหนักสูงสุดถึง 20 ตัน หายใจด้วยเหงือก ลำตัวสีเทา มีลายจุดสีขาวทั้งตัว ในช่วงชีวิตหนึ่งปลาฉลามวาฬจะเดินทางกว่า 1 ล้านกิโลเมตร หรือมากกว่า 25 รอบของโลก ตัวใหญ่แต่กินแพลงก์ตอนสัตว์ เคย และสาหร่ายเป็นอาหารเท่านั้น ซึ่งในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา ในแถบเอเชีย-แปซิฟิก มีจำนวนลดลงเฉลี่ยถึง 63% จึงอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ สาเหตุเพราะการล่าเพื่อตัดเอาหูฉลาม อุบัติเหตุถูกเรือประมงชน ติดอวนเรือประมง รวมถึงการท่องเที่ยวที่รบกวน ผนวกกับไมโครพลาสติกที่ติดมากับแพลงก์ตอน ส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางชีวภาพและสืบพันธุ์ ปัจจุบันพบในไทยราว 100 ตัว

วาฬโอมูระ เป็นวาฬสายพันธุ์ใกล้ชิดกับวาฬบรูด้าแต่มีขนาดเล็กกว่า เลี้ยงลูกด้วยนม พบหากินใกล้ฝั่ง มีลำตัวยาวประมาณ 11.5 เมตร น้ำหนักสูงสุด 20 ตัน ลักษณะเฉพาะคือส่วนหัวมีสันนูน 1 สัน อาหารที่แสนโปรดปรานคือปลาเล็กและเคย และภัยคุกคามที่ทำให้มีจำนวนลดลงคือ การเดินเรือยนต์สร้างมลพิษทางเสียง และเกิดอุบัติเหตุชนวาฬอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งการติดอวนเรือประมง ซึ่งวาฬโอมูระถือว่าเป็นสัตว์ที่หายากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ในไทยพบอยู่ราว 15 ตัว

ปริมาณลดลงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพียงเห็นใจ เห็นคุณค่าของทุกชีวิตและมีจิตใต้สำนึกใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงใจ ดีกว่าทำเพียงเพราะกลัวกฏหมายหรือบทลงโทษ เพราะสิ่งนั้นจะมีจีรัง ที่สำคัญปัญหาก็จะยังคงเกิดขึ้นมาทำลายอีกหลายชีวิตอย่างไม่สิ้นสุด

#คุณภาพสิ่งแวดล้อมคือคุณภาพชีวิต #กรมประมง #สำนักงานประมงจังหวัดนครนายก

อ้างอิง : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

• ← เก่ากว่า
• ใหม่กว่า →