คัมภีร์วิถีรวย โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษบนกระเบื้องและเกษตรผสมผสาน กิจกรรมบ่อเลี้ยงปลา

 สำนักงานประมงจังหวัดนครนายก


คัมภีร์วิถีรวย โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษบนกระเบื้องและเกษตรผสมผสาน กิจกรรมบ่อเลี้ยงปลา 


ส่ง email แชร์ X ส่ง Line แชร์ Facebook
ฟังเสียงบรรยาย
ฟังเสียงบรรยาย

HOT คัมภีร์วิถีรวย โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษบนกระเบื้องและเกษตรผสมผสาน กิจกรรมบ่อเลี้ยงปลา..คลิก

การเลี้ยงปลาดุก

ปลาดุกเป็นปลาน้ำจืดที่ชาวไทยรู้จักกันมานาน ซึ่งพบได้ทั่วไปในทุกภาค ของประเทศ ปลาดุกที่รู้จักกันแพร่หลายนั้น มีอยู่ 2 ชนิด คือปลาดุกด้าน และ ปลาดุกอุย เป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจากคนไทยนิยมบริโภค แม้จะมีขายอยู่ตามตลาดทั่วไป แต่ก็มีราคาสูง ซึ่งพันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยงกันมากคือ ปลาดุกลูกผสม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “บิ๊กอุย” ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างปลาดุกอุยกับปลาดุกรัสเชีย เนื่องจากเลี้ยงง่าย มีการเจริญเติบโตรวดเร็ว สามารถนำมาเลี้ยงได้หนาแน่น โตเร็ว อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี และ เป็นที่นิยมบริโภคของประชาชน เนื่องจากมีรสชาติดีและราคาถูก

 

1.การเลี้ยงปลาดุกในบ่อดิน

บ่อดินที่ใช้เลี้ยงปลาดุกโดยทั่วไปจะมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 20-40 เมตร ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 3 เท่าของความกว้าง โดยจะมีพื้นที่บ่อประมาณ 800-8,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เลี้ยง แต่ที่นิยมเลี้ยงมีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 1,600 ตารางเมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ ตั้งแต่ 80-100 เซนติเมตร บริเวณพื้นก้นบ่อควรมีความลาด และมีแอ่งสำหรับจับปลา

การเตรียมบ่อ การเลี้ยงในบ่อดินจำเป็นต้องมีการเตรียมบ่อที่ดี ถ้าเตรียมบ่อได้ถูกวิธีจะทำให้การเลี้ยงปลาดุกได้ผลถึง 80 เปอร์เซ็นต์

การเตรียมบ่อเลี้ยงควรปฏิบัติ ดังนี้

การเลี้ยงปลาดุก ควรจะหาทางป้องกันการหนีออกจากบ่อ ทั้งนี้เนื่องจากปลาดุกมีนิสัยชอบหนี ออกจากบ่อเลี้ยง โดยเฉพาะขณะที่ฝนตก น้ำไหลลงไปในบ่อ ปลาดุกจะว่ายทวนน้ำ หรือกระเสือกกระสน หนีออกจากบ่อ โดยทั่วไปผู้เลี้ยงปลาดุกมักนิยมล้อมบริเวณขอบบ่อด้วยรั้วไม้รวก หรือตาข่ายไนล่อนให้ มีความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร

อัตราการปล่อยและการปล่อย

ปลาดุกขนาด ความยาว 7-10 เซนติเมตร ปล่อย 50 ตัว/ตารางเมตร ปลาดุกขนาด ความยาว 3-5 เซนติเมตร ปล่อย 80-100 ตัว/ตารางเมตร

อาหารและการให้อาหาร

ปลาดุกเป็นปลาที่กินอาหารได้ทั้งเนื้อสัตว์และพืชผัก ซึ่งแบ่งได้ดังนี้

- อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ได้แก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ต่างๆ หรือเครื่องในของสัตว์ต่างๆ เช่น เครื่องในของ วัว ควาย หมู ไส้เป็ด ไส้ไก่ และพวกแมลงต่างๆ เช่น ปลวก หนอน ดักแด้ ไหม และไส้เดือน เป็นต้น

- อาหารจำพวกพืชผัก ได้แก่ รำข้าว ปลายขาว กากถั่ว กากมัน แป้งต่างๆ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และผักต่างๆ

- อาหารเม็ดสำเร็จรูป เป็นอาหารเม็ดลอยน้ำมีระดับโปรตีนต่างกัน สูตรโปรตีนสูงสำหรับปลาเล็ก และโปรตีนต่ำลงมาสำหรับปลาขนาดใหญ่ ในการเลือกซื้ออาหารต้องพิจารณา ดังนี้

1.อาหารควรคงทนในน้ำได้นานไม่ต่ำกว่า 15 นาที ถ้าอาหารจมไวจะทำให้ปลากินไม่ทันก่อให้เกิดการสูญเสีย

2.ส่วนประกอบอาหารค่อนข้างละเอียด

การให้อาหารเม็ดลอยน้ำ เป็นแบบที่นิยมเพียงแต่สาดให้ปลากินด้านใดด้านหนึ่งของบ่อ ควรเป็นด้านเหนือลมเพราะกลิ่นอาหารจะกระจายได้ดี ทำให้ปลามากินอาหารได้ดีขึ้น ในครั้งแรกควรหว่านให้เพียงส่วนน้อยก่อน รอสักครู่เมื่อเห็นปลาเริ่มกินมากขึ้นจึงหว่านอาหารที่เหลือลงไป ควรดูให้อาหารหมดพอดีเมื่อปลาหยุดกิน โดยทั่วไป ปลาดุกชอบกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากกว่า อาหารประเภทพืชผัก และแป้ง แต่ถ้าอาหารประเภทเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว จะทำให้ปลาดุกที่ เลี้ยงเจริญเติบโตไม่ได้สัดส่วน ดังนั้น ควรให้อาหารประเภทเนื้อสัตว์ในอัตรา 30-50 เปอร์เซ็นต์ของอาหารประเภทพืชผักและแป้ง บริเวณที่ให้อาหารในแต่ละครั้งควรจะมีมากกว่า 1 แห่ง เพื่อให้กินอาหารได้ทั่วถึง ปริมาณของอาหารควรให้ประมาน 5% ของน้ำหนักปลาทั้งหมด ที่ปล่อยลงเลี้ยงในบ่อ ถ้าให้มากเกินไปก็จะทำให้เกิดมาวะน้ำเสีย จะทำให้ปลาชะงักหรือลดการเจริญเติบโต และอาจทำให้ปลาตายได้

ถ้าเป็นอาหารสัตว์ควรนำมาบดและผสมรำในอัตราส่วน อาหาร 9 ส่วนต่อ รำ 9 ส่วน เพื่อให้อาหารเหนียวขึ้น ควรผสมวิตามินซี ในอัตรา 1 กรัม/อาหาร 1 กิโลกรัม หากหาวิตามินซีไม่ได้ ให้โรยผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวทดแทน เช่น มะขาม มะนาว ฝรั่ง ส้มโอ เป็นต้น ข้อดีของอาหารสด คือ ปลาที่เลี้ยงจะมีเนื้อเหลืองสวยกว่าการเลี้ยงด้วยอาหารเม็ด

 

2.การเลี้ยงปลาดุกในบ่อคอนกรีต

บ่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 2x4 เมตร , 3x4 เมตร และขนาด 5x10 เมตร

บ่อคอนกรีตกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8 เมตร , 1 เมตร , 2 เมตร และ 5 เมตร

การเตรียมบ่อ

บ่อปูนใหม่ๆ ควรจะมีการแช่หรือล้างปูนซีเมนต์ก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ปูนกัด ผิวหนังของปลาดุก วิธีล้างฤทธิ์ของปูนซีเมนต์ให้ใช้หยวกกล้วยหั่นเป็นท่อนๆ แช่ทิ้งไว้ติดต่อกัน 7-14 วัน โดยเปลี่ยนหยวกกล้วยทุกวัน หรืออาจใช้สารส้มประมาณ 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร แช่ทิ้งไว้ 3-4 วัน แล้วทำการระบายน้ำทิ้งแล้วขัดให้สะอาดด้วยแปรง ตากบ่อให้แห้งก่อน และเติมน้ำใหม่ก่อนที่จะทำการเลี้ยง หรือแช่ด้วยน้ำส้มสายชู นาน 3-7 วัน ใส่น้ำในบ่อให้ สูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน ก่อนปล่อยพันธุ์ปลาควรใส่เกลือลงไป ในบ่อปลา ประมาณ 5 กิโลกรัมต่อน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร แล้วจึงนำพันธุ์ปลามาปล่อย และเพิ่มระดับให้สูงขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร/อาทิตย์ แต่ไม่ควรเกิน 60 เซนติเมตร

อัตราการปล่อยและการปล่อย

-ขนาดปลาที่ปล่อยลงเลี้ยงในบ่อคอนกรีต ควรเป็นลูกปลาขนาด 5-7 เซนติเมตร

-อัตราปล่อยลูกปลาลงเลี้ยง จำนวน 50-70 ตัวต่อตารางเมตร

-การปล่อยปลาควรปล่อยในช่วงเช้า โดยการกวักน้ำในบ่อใส่ลงในถุงปลา ลอยทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงปล่อยปลาลงบ่อ

อาหารและการให้อาหาร

ในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อคอนกรีต ควรใช้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ แทนอาหารที่ผสมด้วยปลาเป็ดบดและรำละเอียด เพราะเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องกากหรือเศษอาหารตกค้างในปอ อันเป็นสาเหตุทำให้น้ำเน่าเสียได้งาย อาหารเม็ดลอยน้ำง่ายต่อการดูแล การจัดเก็บรักษา สะดวกต่อการให้อาหารปลาและทราบถึงปริมาณอาหารที่ปลากินว่าเพียงพอหรือไม่

การให้อาหารควรปฏิบัติ ดังนี้

-อายุการเลี้ยง 1-60 วัน ให้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ที่มีระดับโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์

-อายุการเลี้ยง 60-100 วัน ให้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ที่มีระดับโปรตีน 25 เปอร์เซ็นต์

-สามารถตรวจสอบคุณภาพอาหารได้ โดยการดมกลิ่นปลาป่นเป็นหลัก กลิ่นปลาป่นแรง คืออาหารมีโปรตีนจำนวนมากและคุณภาพดี ปลาจะโตเร็ว

การใช้สมุนไพรในการเลี้ยงปลา

ใช้สมุนไพรข้าวเย็นเหนือแห้ง ข้าวเย็นใต้แห้ง และดีเกลือ อัตราส่วน 2:2:1 ต้มเคี่ยวด้วยน้ำ 20 ลิตร นำน้ำสมุนไพรมา 100 มิลลิลิตร (ซีซี) พ่นผสมอาหาร 20 กิโลกรัม ให้สัตว์น้ำในช่วง 7 วันแรก เพื่อลดอาการอาหารไม่ย่อย ส่งผลให้สัตว์น้ำกินอาหารได้ดี และสัตว์น้ำเจริญเติบโตได้ดี

การดูแลสุขภาพระหว่างการเลี้ยง

เพื่อปลาดุกเจริญเติบโตดี ไม่ป่วยเป็นโรค ต้องมีการดูแล ระหว่างการเลี้ยง ดังนี้

1.การถ่ายเทน้ำ เมื่อพบว่าสีของน้ำในบ่อมีสีเขียวเข้มขุ่น ให้ทำการปล่อยน้ำออกทีละน้อยโดยใช้วิธีกาลักน้ำ เอาตะกอนก้นบ่อออกเพื่อลดการหมักหมมของตะกอนในบ่อปลา โดยปล่อยน้ำออกประมาณ 3 ใน 4 ส่วน แล้วเติมน้ำใหม่คุณภาพดีเข้าไปในบ่อจนได้ระดับเดิม

2.คัดขนาดปลาที่ตัวใหญ่ออกทุกๆ 3 สัปดาห์ เพื่อให้การเจริญเติบโตของปลาดีขึ้น

3.เมื่อมีปลาตัวใดผิดปกติ ให้แยกออกเลี้ยงต่างหาก เพื่อป้องกันการป่วยติดกันทั้งบ่อ

ระยะเวลาการเลี้ยง

จะใช้เวลาการเลี้ยงประมาณ 3-4 เดือน ปลามีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 5-8 ตัว/กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่คุณภาพของอาหารที่ใช้เลี้ยงด้วย

 

3.การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก

การเลี้ยงปลาดุกของเกษตรกรเนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงง่ายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ยังทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมดี ทั้งยังเป็นที่นิยมบริโภคของประชาชน เนื่องจากรสชาติดี และราคาถูก สำหรับการเลี้ยงปลาดุกเพื่อให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการนั้น สามารถเลี้ยงทั้งในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ และบ่อพลาสติกปัจจุบันเกษตรกรนิยมหันมาเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อพลาสติกกันมาขึ้น เพราะราคาบ่อพลาสติกมีราคาไม่แพง ขนส่งง่ายในพื้นที่ทุรกันดาร และที่การคมนาคมไม่สะดวก พลาสติกที่ใช้เป็นชนิด PVC ขนาด 3x5 เมตร หรือ 3x6 เมตร หรือ 5x10 เมตร ความหนาไม่ควรต่ำกว่า 0.25 มิลลิเมตร กรมประมงได้แนะนำส่งเสริม ให้เกษตรกรและโรงเรียนเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติกขนาด 3.5x5 เมตร หนา 0.25 มิลลิเมตร มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี

อัตราการปล่อยและการปล่อย 50-70 ตัว/ตารางเมตร

อาหารและการให้อาหาร

ในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก ควรใช้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ถ้าโช้อาหารสดจะทำให้มีเศษอาหารตกค้างในบ่อ และเป็นสาเหตุทำให้น้ำเน่าเสียได้งาย การให้อาหารเม็ดจะง่ายต่อการดูแลจัดเก็บรักษา สะดวกต่อการให้และทราบถึงปริมาณอาหารที่ปลากิน ว่าเพียงพอหรือไม่การให้ อาหารควรถือปฏิบัติ ดังนี้

-อายุการเลี้ยง 1-60 วัน ให้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ที่มีระดับโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์

-อายุการเลี้ยง 60-100 วัน ให้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ที่มีระดับโปรตีน 25 เปอร์เซ็นต์

การให้อาหาร

วันที่ปล่อยลูกปลาไม่จำเป็นต้องให้อาหาร ควรเริ่มให้อาหารในวันรุ่งขึ้นโดยให้อาหารเม็ด ประมาณ 3-7 %ของน้ำหนักตัวปลา ปลาจะเติบโตขนาดประมาณ 100-200 กรัม/ตัว ในระยะเวลาเลี้ยงประมาน 90 วัน อัตรารอดประมาณ 80-90%

อาหารที่ใช้เลี้ยงสามารถใช้อาหารชนิดต่างๆ ทดแทนอาหารเม็ดได้ หากต้องการลดต้นทุนค่าอาหาร โดยใช้อาหารพวกไส้ไก่ ปลวก หรือปลาเป็ดบดกับรำ แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยกว่าเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดเพื่อปองกันน้ำเสีย และต้องมีการฝึกให้ปลา กินแต่น้อยๆ ไปก่อน พอกินเป็นแล้ว ค่อยๆ เพิ่มจํานวนขึ้น เนื่องจากปีกแมลงและปากของแมลงแข็ง ทำให้กระเพาะและลำไส้เป็นแผลไป

การเปลี่ยนถ่ายน้ำ

เมื่อลูกปลาเติบโตขึ้นค่อยๆ เพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้นตามลำดับ โดยเพิ่มระดับเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณ 5 เซนติเมตร/สัปดาห์ ควรเปลี่ยนเมื่อมีการเลี้ยงผ่านไปแล้วประมาณ 1 เดือน โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของน้ำในบ่อ หรือถ้าน้ำเริ่มเสียจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมากกว่าปกติ ถ้าบ่อได้รับแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้น้ำมีสีเขียวเข้มเนื่องจากการสังเคราะห์แสงของพิชน้ำ แพลงก์ตอนพืช ซึ่งจะ ทำให้น้ำเสียเร็วขึ้น และปริมาณออกซิเจนในบ่อลดลงในช่วงกลางคืน ควรหาวัสดุสำหรับพรางแสงบังไว้

 

4.การเลี้ยงปลาดุกในกระชัง

เนื่องจากการเลี้ยงปลาดุกในบ่อได้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง การเลี้ยงปลาดุกในกระชังสามารถเลี้ยงเป็นงานอดิเรกและเป็นอาชีพได้ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงสั้นเพียง 3-5 เดือน อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงต่ำ

การปล่อยปลาลงเลี้ยง

ลูกปลาที่ปล่อยลงเลี้ยงในกระชังควรมีขนาด 10-12 เซนติเมตร อัตราการปล่อย 70-100 ตัวต่อตารางเมตร

อาหารและการให้อาหาร

การให้อาหารให้วันละ 2 เวลา คือตอนเช้ากรณีอาหารผสมเอง และตอนเย็น อาหารหลัก ที่ใช้เลี้ยงมี 3 ชนิด คือ รำละเอียด ปลายข้าว และผักต้มรวมกัน โดยใช้รำละเอียด 1 ส่วน ปลายขาว 1.5 ส่วน เฉลี่ยการให้อาหารปลาประมาณ 5-6 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักปลาที่เลี้ยง ส่วนอาหารจำพวก เนื้อสัตว์นั้นให้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ๆ ละประมาณ 2 กิโลกรัม

 

5.การเลี้ยงปลาดุกในถังพลาสติก

ในการเลี้ยงปลาดุก เป็นปลาที่คนไทยนิยมกินกันมาแต่ช้านาน ดังนั้น การเลี้ยงปลาดุกเพื่อจำหน่าย หรือ เพื่อใช้เป็นอาหารในครัวเรือนนั้น เป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากปลาดุกถือว่าเป็นปลาที่เลี้ยงง่ายกินได้ทุกอย่าง และ มีรสชาติที่ถูกปาก คนไทยมาก

ซึ่งการเลี้ยงปลาดุกสามารเลี้ยงได้มากมายหลายวิธีทั้ง บ่อดิน บ่อปูน หรือ แม้แต่ในกะละมังพลาสติก เป็นต้น แต่ปัจจุบันมีการเลี้ยงที่เริ่มได้รับความนิยม และ ต้นทุนต่ำบวกกับการบริหารจัดการบ่อได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ ถังพลาสติก ที่นิยมนำมาใช้ในภาคการเกษตร เนื่องจากพลาสติกจะไม่มีสารพิษรั่วไหลเมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน ซึ่งสารพิษที่ว่านี้จะพบมากในพลาสติกประเภท PVC หรือ พลาสติกชนิดเคลือบผิวต่างๆ

ขนาดของถังพลาสติก 100x70x20 เซนติเมตร นำมาเจาะรูไว้ด้านล่างเพื่อให้น้ำไหลออก ด้านบนถังพลาสติก ทำการเจาะรูเพื่อขึงตาข่าย สูง 30 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการกระโดดของปลาดุก และเป็นการป้องกันศัตรูของปลา

อัตราการปล่อยและการปล่อย 50-70 ตัว/ตารางเมตร 1 กะละมังสามารถปล่อยปลาได้ 100-150 ตัว

อาหารและการให้อาหาร

ในการเลี้ยงปลาดุกในถังพลาสติก ควรใช้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ถ้าใช้อาหาร สดจะทำให้มีเศษอาหารตกค้างในบ่อ และเป็นสาเหตุทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย การให้อาหารเม็ดจะง่ายต่อ การดูแลจัดเก็บรักษา สะดวกต่อการให้และทราบถึงปริมาณอาหารที่ปลากิน ว่าเพียงพอหรือไม่การให้ อาหารควรถือปฏิบัติ ดังนี้

-อายุการเลี้ยง 1-60 วัน ให้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ที่มีระดับไปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์

-อายุการเลี้ยง 60-100 วัน ให้อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ำ ที่มีระดับโปรตีน 25 เปอร์เซ็นต์

การให้อาหาร

วันที่ปล่อยลูกปลาไม่จำเป็นต้องให้อาหาร ควรเริ่มให้อาหารในวันรุ่งขึ้นโดยให้อาหารเม็ด ประมาณ 3-7 % ของน้ำหนักตัวปลา ปลาจะเติบโตขนาดประมาณ 100-200 กรัม/ตัว ในระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 90 วัน อัตรารอดประมาณ 80-90 %

อาหารที่ใช้เลี้ยงสามารถใช้อาหารชนิดต่างๆ ทดแทนอาหารเม็ดได้ หากต้องการลดต้นทุนค่าอาหารโดยใช้อาหารพวกไส้ไก่ ปลวก หรือปลาเป็ดบดกับรำ แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยกว่าเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดเพื่อป้องกันน้ำเสีย และต้องมีการฝึกให้ปลา กินแต่น้อยๆ ไปก่อน กินเป็นแล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น เนื่องจากปีกแมลงและปากของแมลงแข็ง ทำให้กระเพาะและลำไส้เป็นแผลได้

การเปลี่ยนถ่ายน้ำ

เมื่อลูกปลาเติบโตขึ้นค่อยๆ เพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้นตามลำดับ โดยเพิ่มระดับเปลี่ยนถ่ายน้ำ ประมาณ 5 เซนติเมตร/สัปดาห์ ควรเปลี่ยนเมื่อมีการเลี้ยงผ่านไปแล้วประมาณ 1 เดือน โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำ ประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของน้ำในบ่อ หรือถ้าน้ำเริ่มเสียจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมากว่าปกติ ถ้าบ่อได้รับแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้น้ำมีสีเขียวเข้ม เนื่องจากการสังเคราะห์แสงของพืชน้ำ แพลงก์ตอนพืช ซึ่งจะทำให้น้ำเสียเร็วขึ้น และปริมาณออกซิเจนในบ่อลดลงในช่วงกลางคืน ควรหาวัสดุสำหรับพรางแสงบังไว้

 

การใช้สมุนไพรในการเลี้ยงปลา

ใช้สมุนไพรข้าวเย็นเหนือแห้ง ข้าวเย็นใต้แห้ง และดีเกลือ อัตราส่วน 2:2:1 ต้มเคี่ยวด้วยน้ำ 20 ลิตร นำน้ำสมุนไพรมา 100 มิลลิลิตร (ซีซี) พ่นผสมอาหาร 20 กิโลกรัม ให้สัตว์น้ำในช่วง 7 วันแรก ลดอาการอาหารไม่ย่อย สัตว์น้ำกินอาหารได้ดี สัตว์น้ำเจริญเติบโตได้ดี

 

คณะผู้จัดทำ

นายบุญส่ง ศิริมา ประมงจังหวัดนครนายก

นางสาวมัลลิกา วรรณประภา หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง

นายอนิวรรตน์ สมชีวิตา นักวิชาการประมงปฏิบัติการ

นายปรัชญา ชมเชย นักวิชาการประมง

นายปณิธาน ยิ้มพงษ์ นักวิชาการประมง

 

ติดต่อ

สำนักงานประมงจังหวัดนครนายก ศูนย์ราชการจังหวัดนครนายก ชั้น 5 ถนน สุวรรณศร อำเภอ เมืองนครนายก จังหวัด นครนายก โทร/โทรสาร 037-311-024

E-mail : Fpo-nakhonnayok@dof.in.th

 

คู่มือ โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษบนกระเบื้องและเกษตรผสมผสาน กิจกรรมบ่อเลี้ยงปลา ปีงบประมาณ 2564

กดเพื่อโหลดไฟล์ PDF ฉบับเต็มตรงนี้

 Tags

  •   Hits
  •  ประชุมคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) จังหวัดนครนายก ครั้งที่ 1/2568  ประชุมคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) จังหวัดนครนายก ครั้งที่ 1/2568  จำนวนผู้อ่าน 82   ประชุมเตรียมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง ครั้งที่ 1/2568  ประชุมเตรียมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง ค... จำนวนผู้อ่าน 79 ประกาศ กรมประมง เรื่อง กำหนดระยะเวลาการขอรับใบอนุญาตดำเนินกิจการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าดังกล่าว พ.ศ.2568 ประกาศ กรมประมง เรื่อง กำหนดระยะเวลาการขอรับใบอนุญาตดำเนินกิจการเพาะพันธุ์สัตว์ป... จำนวนผู้อ่าน 67  สืบสานประเพณีสงกรานต์ รดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก  สืบสานประเพณีสงกรานต์ รดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก  จำนวนผู้อ่าน 64  ประชุมเตรียมจัด “มหกรรมอาหารอร่อย ของดีนครนายก” ปี 2568  ประชุมเตรียมจัด “มหกรรมอาหารอร่อย ของดีนครนายก” ปี 2568  จำนวนผู้อ่าน 59  Kick Off การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก  Kick Off การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก  จำนวนผู้อ่าน 55 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารพระราชทาน แด่พระภิกษุ สามเณร ในการสอบบาลีสนามหลวง ครั้งที่ 1 (ครั้งหลัง) ประจำปี 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระรา... จำนวนผู้อ่าน 54 ประชุมเตรียมความพร้อมการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ประชุมเตรียมความพร้อมการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีง... จำนวนผู้อ่าน 53  ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำชุมชน จ.นครนายก ฝายคลองกระโดน  ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำชุมชน จ.นครนายก ฝายคลองกระโดน  จำนวนผู้อ่าน 52  Kick off โครงการไถกลบคนละครึ่ง “ย่อยสลายตอซังสร้างดินยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม”  Kick off โครงการไถกลบคนละครึ่ง “ย่อยสลายตอซังสร้างดินยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม”... จำนวนผู้อ่าน 51  ตรวจประเมินโครงการ 1 จังหวัด 1 ศูนย์เรียนรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ ระดับจังหวัด  ตรวจประเมินโครงการ 1 จังหวัด 1 ศูนย์เรียนรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้น... จำนวนผู้อ่าน 50  ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  จำนวนผู้อ่าน 49  ร่วมประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรระดับอำเภอบ้านนา  ร่วมประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรระดับอำเภอบ้านนา  จำนวนผู้อ่าน 45  จิตอาสาพัฒนาถวายพ่อขุนราม! รวมพลังปลูกป่าเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  จิตอาสาพัฒนาถวายพ่อขุนราม! รวมพลังปลูกป่าเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศ... จำนวนผู้อ่าน 38  ร่วมประเพณีตักบาตร เมืองโบราณดงละคร ครั้งที่ 3  ร่วมประเพณีตักบาตร เมืองโบราณดงละคร ครั้งที่ 3  จำนวนผู้อ่าน 35


    สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 สำนักงานประมงจังหวัดนครนายก

    รายละเอียด ศาลากลางจังหวัดนครนายก ชั้น 5 ถนนสุวรรณศร ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก 26000 สแกน QR Code เพื่อให้ Google Map นำทางไปได้ง่ายๆ หรือ กดตรงนี้ การเดินทางมายังสำนักงานประมงจังหวัดนครนายก (กรณีรถโดยสารสาธารณะ) 1.รถตู้สาย 58-967 กรุงเทพฯ-นครนายก-เขื่อนขุนด่าน จากอนุสาวรีย์ชัยฯ 6.00-18.00 น. / จากฟิวเจอร์ฯ 6.00-20.00 น.จากเขื่อนขุนด่าน 6.00-17.30 น. / จากนครนายก 4.30-17.30 น. (รถออกทุก 20 นาที) 2.บริษัท ขนส่ง จำกัด บริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวันวันละหลายเที่ยว มีเส้นทาง คือกรุงเทพฯ – หินกอง – นครนายกกรุงเทพฯ – รังสิต – องครักษ์ – นครนายกกรุงเทพฯ – นครนายก – อรัญประเทศกรุงเทพฯ – องครักษ์ – โรงเรียนนายร้อย จปร. โดยต้องต่อรถเข้าเมืองอีก 7 กิโลเมตร 3.รถตู้ สายกรุงเทพฯ – นครนายก มีจุดขึ้นรถได้แก่จากกรุงเทพ ขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณใต้ทางด่วน ฝั่งแฟชั่นมอลล์ รถออกทุก 40 นาทีจากนครนายก ขึ้นรถที่ รพ.นครนายก และบริเวณสี่แยกไฟแดงนครนายก รถออกทุก 40 นาที การเดินทางมายังสำนักงานประมงจังหวัดนครนายก (กรณีรถยนต์ส่วนบุคคล) 1.ตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ ระยะทางประมาณ 107 กิโลเมตร 2.ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่แยกหินกอง ไปตามถนนสุวรรณศรเส้นทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงจังหวัดนครนายก ระยะทางประมาณ 137 กิโลเมตร เบอร์โทรศัพท์ 088-278-6208  email  fpo_nakhonnayok@fisheries.go.th  โทรศัพท์ 037-311024  FAX 037-311024  แฟนเพจ แฟนเพจ
    CreativeCommons Valid CSS! Explanation of WCAG 2.1 Level Triple-AA Conformance SSL Labs ipv6